Green World Travel

26/08/2021

30/06/2020

ญี่ปุ่นทำการตลาดการท่องเที่ยวยังไง...ให้คนที่มาแล้วอยากกลับมาเที่ยวอีก • เคล็ดลับการตลาดการท่องเที่ยวญี....

06/12/2013

ขอเชิญชวนทุกท่านเที่ยว งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ประจำปี 2556

จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรี ขอเชิญร่วม "งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ประจำปี 2556" ระหว่างวันที่ 6-15 ธันวาคม 2556 ณ สะพานข้ามแม่น้ำแคว

จังหวัดกาญจนบุรี มีการจัดงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแควขึ้นทุกปี ในราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของการสร้างทางรถไฟสายมรณะและสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา รวมทั้งยังถือเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่ง เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ ทหารอังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย ฮอลันดา และนิวซีแลนด์ ประมาณ 61,700 คน และกรรมกรชาวจีน ญวน ชวา มลายู ไทย พม่า อินเดีย อีกจำนวนมาก มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า

ซึ่งเส้นทางช่วงหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จึงต้องมีการสร้างสะพานขึ้น รวมทั้งยังมีการสร้างสะพานและทางรถไฟสายนี้ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ทำให้เชลยศึกหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสะพานข้ามแม่น้ำแควเดิมได้รับความเสียหาย และรัฐบาลไทยได้ซ่อมแซมใหม่ ภายหลังสงครามสิ้นสุดลง เมื่อปี พ.ศ. 2489 จนสามารถใช้งานได้ดังเดิม ปัจจุบันมีการยกย่องให้สะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

นอกจากนี้ภายในงาน มีกิจกรรมการแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี, การแสดงพื้นบ้าน, การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง, การแสดงแสงและเสียงบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว, นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, กิจกรรมการแสดงแสงเสียงจำลองเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ร้านเหล่ากาชาดจังหวัด และการแสดงมหรสพต่าง ๆ เป็นต้น

สำหรับการแสดงแสงเสียงในปีนี้ จะเน้นเนื้อหาของสันติภาพ ความรัก และมิตรไมตรี โดยใช้ชื่อชุดการแสดงว่า "มิตรภาพกลางไฟสงคราม" จัดแสดงทุกวัน โดยวันที่ 6, 7, 8, 9, 10, 13 และ 14, ธันวาคม 2556 มีวันละ 2 รอบ คือ รอบเวลา 18.45 น. และรอบเวลา 21.15 น. ส่วนวันที่ 11, 12 และ 15 ธันวาคม 2556 มีเพียงรอบเดียว คือ รอบเวลา 18.45 น. บัตรเข้าชมการแสดงแสง เสียง ราคา 300 บาท และ 500 บาท สามารถจองบัตรล่วงหน้าได้ที่ สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3451 5208 และ 0 3451 2399 หรือซื้อได้ที่หน้างาน

ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท.สำนักงานกาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3451 1200, 0 3451 2500

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก tiewpakklang.com

06/12/2013

สำหรับคนที่ยังมีไฟ และยังหลงในการท่องเที่ยวและเสียงเพลงต้องนี่เลย ...!!!

บิกเมาน์เทน 2556 เตรียมระเบิดความมันส์อีกครั้ง ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 5 วันที่ 7-8 ธันวาคม 2556

สำหรับงาน Big Mountain Music Festival หรือที่รู้จักกันในนาม "มัน ใหญ่ มาก" เป็นเทศกาลดนตรี 2 วัน 2 คืน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยมีนักดนตรี นักร้อง และผู้ชมไปเข้าร่วมกันอย่างล้นหลาม มีการแสดงดนตรีจากทั้งศิลปินชั้นนำและศิลปินหน้าใหม่แบบไม่จำกัดค่าย ไม่จำกัดแนวดนตรี โดย Big Mountain Music Festival ถือเป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว

05/12/2013

ดั่งฝนชโลมหล้า พระผ่านฟ้ามาหยาดเย็น
ฟื้นแล้งทุกแห่งเห็น จักรีวงศ์องค์ราชัน
สรวมชีพบังคมบาท อภิวาทไอศวรรย์
เฉลิมฉลองคัล เฉลิมขวัญห้าธันวา

กษัตริย์แห่งเกษตร ดลประเทศพัฒนา
ฝนหลวงจากสรวงฟ้า ธ จัดหามาบรรเทา
ศึกษามาส่งผล เยาวชนพ้นความเขลา
รวมศาสน์รวมไทยเรา เพื่อยึดธรรมน้อมนำใจ

จัดแพทย์หลวงอาสา มาเยียวยาปวงข้าไทย
ต่างชาติแม้นใกล้ไกล เสด็จไปผูกไมตรี
ดำรัสแนวปรัชญา พระเมตตาแนะวิถี
พอเพียงเลี้ยงชีวี เยี่ยงพ่อนี้ชีพจักงาม

จอมปราชญ์กวีศิลป์ นวมินทร์เกียรติสยาม
แซ่ซ้องก้องเขตคาม อัครศิลป์คีตา

ปกเกศเศวตฉัตร สยามรัฐวัฒนา
สมคำ "มหาราชา" ของไพร่ฟ้าทั่วแผ่นดิน
พรชัยแห่งไตรรัตน์ ดลพิพัฒน์จอมภูมินทร์
เกษมเปรมชีวิน ไทยทั้งสิ้นถวายพระพร

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า "ห้างหุ้นส่วนจำกัด กรีน เวิลด์ ทราเวล"

03/12/2013

ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็น 1 ใน UNSEEN THAILAND ที่คุณไม่ควรพลาดการไปเยือน ด้วยระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู และไร่กะหล่ำปลี ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา กินบริเวณยอดภูหลายลูก

ภูทับเบิกเป็นชื่อของ หมู่บ้านม้งทับเบิก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง บนภูเขาสูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ในตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า ซึ่งห่างจากตัวอำเภอประมาณ 40 กม. และห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 100 กม. ชาวม้งที่นี่มีอาชีพทำการเกษตรเป็นหลัก พืชผักที่มีการปลูกมากที่สุด ก็คือกะหล่ำปลี ซึ่งมีการจัดสรรที่ดินทำกินสำหรับการปลูกกะหล่ำปลีหลายพันไร่บนยอดเขาสูง ทำให้ในช่วงฤดูฝน มีกะหล่ำปลีผุดขึ้นละลานตาเต็มภูเขา โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน ของทุกปี
จุดเด่นที่สุดของภูทับเบิก คือ การชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา เหนือบรรดาเมฆหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ และมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเพชรบูรณ์ และปลูกแต่กะหล่ำปลีทั่วทั้งหุบเขา ทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพ และกระแสลมบน ขณะที่ในบางเช้าก็มีทะลหมอกขนาดใหญ่ กินบริเวณกว้างทางด้านทิศตะวันออกที่ติดกับ อำเภอหล่มเก่า ถือเป็นทะเลหมอกที่ใกล้กับผู้ชมมากที่สุด เพราะหมอกทั้งหมดมาออกันอยู่ด้านข้างจุดกางเต็นท์นั่นเอง

หมู่บ้านม้งทับเบิก ซึ่งอยู่ด้านในเลยจากจุดชมวิว ยังเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซึ่งยังคงรักษาวิถีชีวิตตามแบบฉบับม้งดั้งเดิมไว้ นอกจากนี้ยังมีวัดป่าบ้านทับเบิก เป็นจุดท่องเที่ยว และจุดชมวิวที่สำคัญภายในหมู่บ้าน เคยเป็นจุดที่ใช้รองน้ำค้างกลางหาว ที่นำไปทำน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อประกอบพิธีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ โดยวัดตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผา ติดกับอำเภอหล่มเก่า ทำให้มองเห็นวิวในมุมสูงได้กว้างไกลมาก บริเวณ ภูทับเบิก มีรีสอร์ทที่พักจำนวนน้อย แต่มีที่สำหรับกางเต็นท์พักแรม แคมปิ้ง จำนวนมาก เต็นท์ที่พักให้เช่า สำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืน เพื่อสัมผัสความหนาวเย็น หรือต้องการชมทะเลหมอกตอนเช้า มีร้านอาหาร และร้านจำหน่ายน้ำดื่มไว้รองรับนักท่องเที่ยว แต่หากเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ ควรเตรียมอาหารและน้ำเอง จะสะดวกที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวมีจำนวนมาก ขณะที่ร้านค้ามีไม่เพียงพอกับความต้องการ

25/11/2013

" Kidzania " แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับเด็กๆ ที่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับอาชีพในฝันของพวกเขา หรือผู้ปกครองที่อยากจะพาเจ้าตัวน้อยไปค้นหาความฝันในอนาคตกัน โตขึ้นฉันอยากเป็นอะไร นับเป็นแหล่งความบันเทิงทางการเรียนรู้อีกหนึ่งแห่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ "คิดส์ซาเนีย กรุงเทพฯ" (Kidzania Bangkok) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 5 ของศูนย์การค้าสยามพารากอน

"คิดส์ซาเนีย กรุงเทพฯ" (Kidzania Bangkok) เมืองจำลองย่อส่วน ครอบคลุมพื้นที่ 10,000 ตารางเมตรบนชั้น 5 ของศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

คิดส์ซาเนีย เหมาะสำหนับเด็กอายุ 4-14 ขวบ ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต สมจริง ครบถ้วนบริบูรณ์ไปด้วยถนน อาคาร บริการสาธารณูปโภค รถยนต์ ให้เด็กได้สนุกกับการแสดงบทบาทในการประกอบอาชีพ ผ่านการจำลองกิจกรรมของผู้ใหญ่ที่สนุกสนาน เหมือนอยู่ในโลกความเป็นจริง ที่มีระบบเศรษฐกิจของตนเอง ซึ่งเด็กต้องทำงาน มีรายได้จากการทำงาน เช่น การติดตั้งเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของจริง ความยาว 21 เมตร ในส่วนลำเครื่องและห้องนักบิน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักบิน หรือศูนย์ซ่อมรถที่สมจริง ที่ให้เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และฝึกทักษะพื้นฐานด้านการดูแลยานยนต์ได้อย่างเพลิดเพลิน


อัตราค่าบัตรเข้าเมืองคิดส์ซาเนีย กรุงเทพฯ (ราคาปกติ)
เด็กต่ำกว่า 2 ขวบ เข้าฟรี
เด็กอายุ 2-3 ขวบ ราคา 300 บาท
เด็กอายุ 4-14 ปี ราคา 650 บาท
ผู้ใหญ่อายุ 15 ขึ้นไป ราคา 400 บาท
ผู้ใหญ่อายุ 60 ขึ้นไป ราคา 350 บาท

หมายเหตุ: เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ปี ต้องมีผู้ปกครองดูแลตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่คิดส์ซาเนีย กรุงเทพฯ

เวลาเปิด:
• จันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 - 17.00 น.
• เสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์
- ช่วงเช้า เวลา 10.00 - 15.00 น.
- ช่วงบ่าย เวลา 16.00 - 21.00 น.


สอบถามเพิ่มเติม โทร 02 683 1888
Website: www.kidzania.com
Facebook : เฟซบุ๊ก KidZania Bangkok

25/11/2013

15/11/2013

เพลิดเพลินกับดนตรีในสวน (Music in the Garden) จากศิลปินชื่อดังของเมืองไทยที่จะมาขับกล่อมบทเพลงไพเราะท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ อ๊อฟ-ปองศักดิ์/ ลุลา/ ป๊อป-ปองกูล/ ตู่-ภพธร/ ETC/ คิง-เดอะวอยซ์และศิลปินล้านนา ในงาน “เทศกาลชมสวน (Flora Festival 2013)” ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.00-20.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 053-114110-5 หรือ www.royalparkrajapruek.org

ขอคุณขอมูลดีๆจาก ..อุทยานหลวงราชพฤกษ์

15/11/2013

งาน “เทศกาลชมสวน” (Flora Festival 2013) ภายใต้ชื่องาน “สีสันแห่งพรรณไม้” ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2556 - 28 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 08.00-20.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ชมการจัดแสดงไม้ดอกเมืองหนาวนานาพรรณที่ให้สีสันสวยงามตลอด 90 วัน พบกับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ ได้แก่ ความงามของ “หอคำหลวง” พร้อมชมนิทรรศการพระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช/นิทรรศการทิวลิปคิงภูมิพล /อุทยานกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ /ซุ้มผักมหัศจรรย์ /เมนูเด็ดเจ็ดยอดดอยจากร้านอาหารโครงการหลวง /สวนเกษตรทฤษฎีใหม่และสวนใหม่จากองค์กรชั้นนำของประเทศ ได้แก่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ที่จะได้เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการถาวรเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเผยแพร่ผลสำเร็จในการดำเนินงานของแต่ละองค์กร....ตลอดการจัดงานนักท่องเที่ยวทุกท่านจะได้ร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติ ชมการประกวดกล้วยไม้ การแสดงน้ำพุดนตรี และเพลิดเพลินกับดนตรีในสวนจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ขับกล่อมบทเพลงไพเราะท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ อ๊อฟ-ปองศักดิ์/ ลุลา/ ป๊อป-ปองกูล/ ตู่-ภพธร/ ETC/คิง-เดอะวอยซ์ และศิลปินล้านนา ชมการแสดงวัฒนธรรม การแสดงดนตรีพื้นเมืองและการแสดงจากนานาชาติ อีกทั้งยังจะได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษในวันสำคัญต่างๆ ที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอีกมากมาย อาทิ วันคริสต์มาส กิจกรรมเคาท์ดาวน์ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กิจกรรมวันเด็ก วันตรุษจีนและวันวาเลนไทน์.....สอบถามรายละเอียดที่ 053-114110-5 หรือ www.royalparkrajapruek.org

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ..อุทยานหลวงราชพฤกษ์

15/11/2013

10 อันดับวัดที่สวยที่สุดในโลก

อันดับ 1 Tiger's Nest Monastery ประเทศภูฏาน
อันดับ 2 วัดร่องขุน ประเทศไทย
อันดับ 3 วัดฮินดูพรัมบานัน ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับ 4 พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า
อันดับ 5 หอฟ้าเทียนถาน ประเทศจีน
อันดับ 6 วัดจิออนอิน ประเทศญี่ปุ่น
อันดับ 7 เจดีย์บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับ 8 วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ ประเทศอินเดีย
อันดับ 9 วัดศรีรังกัม ประเทศอินเดีย
อันดับ10 ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา

08/11/2013

ศรัทธา..สิ่ง ที่เหนือกว่าธรรมชาติ ไม่ว่าจะร้อน หรือจะหนาว ก็ยอมผ่านไปไดด้วยจิตใจที่มั่นคง
กับดินแดนที่มีมนต์ขลังแห่งนี้ " ทิเบต "

06/11/2013

หน้าหนาวแบบนี้ ..คิดถึงปรากฏการทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความสวยงามมาก ก็คือ " แม่คะนิ้ง "
สำหรับภาษาพื้นเมืองทางภาคเหนือเรียกว่า เหมยขาบ ก็คือผลึกน้ำแข็งที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ไอน้ำในอากาศใกล้ผิวดินลดอุณหภูมิลงถึงอุณหภูมิจุดน้ำค้าง แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ต่อจากนั้นอุณหภูมิยังคงลดต่อไปอีก จนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้น้ำค้างแข็งตัว กลายเป็นน้ำค้างแข็ง

03/11/2013

กับคำพูดที่พูดจนติดปากกันกับคำว่า ..

" อาบน้ำแร่...แช่น้ำนม "

อาจจะต้องมีการเปลี่ยนคำพูดเหล่านี้กันใหม่ เป็น ..
" อาบน้ำบะหมี แช่น้ำชาเขียว " กับสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น

วันนี้จะพาทุกท่านไปแช่น้ำบ่อน้ำพุร้อนใน บ่อชาเขียว บ่อไวน์ บ่อกาแฟ บ่อบะหมี่ บ่อน้ำแข็ง หรือ บ่อถั่วเหลือง
สำหรับบ่อแช่น้ำร้อนเหล่านี้กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากในญี่ปุ่น เพราะนอกจากจะเป็นการแช่เพื่อผ่อนคลายร่างกายแล้ว ยังนำเอาคุณสมบัติของ ชาเขียว ไวน์ ถั่วเหลือง กาแฟ มาใช้ในการบำรุงรักษาร่างกายอีกด้วย อาทิเช่น บ่อกาแฟ เป็นการนำเอากาแฟจริงๆ มาทำเป็นสปาน้ำพุร้อน โดยคุณสมบัติของกาแฟจะช่วยรักษาแผลเป็นและเพิ่มความงามให้กับผิวพรรณ ระหว่างแช่ก็จะมีกลิ่นกาแฟหอมอ่อนๆ ลอยขึ้นมากับไอความร้อน ซึ่งกลิ่นของกาแฟก็ช่วยให้กระปรี้กระเปร่าได้ด้วย

03/11/2013

หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานอยากหนัก ..หลายคนมักจะมองหา การเดินทางเพื่อผ่อนคลาย ..ปลดปล่อยสิ่งต่างๆออกจากสมองความคิด ..และก็ " ร่างกาย " ที่ต้องการความผ่อนคลายความเมื่อยล้า อันหนักหน่วง ให้ดีขึ้นพร้อมที่จะรับศึกใหม่ในวัข้างหน้า

>> เรา " GWT " > สปางู > GWT feeln

31/10/2013

เคยได้ยินชื่อเกาะ "สิปาดัน"กันมั้ย ..ครับ

หลายๆ คนอาจจะคุ้นๆ หรือไม่เคยรู้เลยว่ามีเกาะชื่อนี้ ..
แต่ที่จริงแล้ว ..มันเป็นอีกเกาะหนึ่งในโลก อยู่ที่มาเลเซีย
เพื่อนบ้านเรานี่เอง
สิปาดันจุดดำน้ำชมความงามใต้ทะเลที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกและเป็นจุดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด มากกว่า 3,000 ชนิด เรียกง่ายๆ ก็สวรรค์ของนักดำน้ำดีๆนี่เอง เนื่องจากเกาะนี้ลักษณะพิเศษ คือ ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำ มีลักษณะเหมือนดอกเห็ดผุดขึ้นมาจากพื้นมหาสมุทร โดยรอบของเกาะสิปาดันมีระยะไม่กี่สิบเมตรจากชายหาด พ้นจากนี้ไปก็จะเป็นหน้าผาหักชัน (Drop Off) ลึกลงไปกว่า 600 เมตรหรือ 2,000 ฟุต

สำหรับการดำน้ำที่สิปาดัน นักท่องเที่ยวจะต้องทำการซื้อ
ทริปกับผู้ประกอบการภายในพื้นที่เพื่อจองวันดำน้ำก่อนล่วงหน้า เพราะหลังจากที่องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางทะเลแล้ว ได้มีการจำกัดจำนวนนักดำน้ำโดยอนุญาติให้เข้าไปดำน้ำในบริเวณเกาะสิปาดันได้เพียง 120 คน/ต่อวัน เท่านั้น และการไปดำน้ำจะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อที่จะไปดำน้ำชมฝูงปลา โดยเฉพาะปลานกแก้วหัวโหนก ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของเกาะสิปาดัน ซึ่งออกมากินปะการัง แล้วพ่นออกมาเป็นทราย

30/10/2013

" กุ้ยหลินเมืองไทย " .. ไม่ต้องไปถึงเมืองจีน

กุ้ยหลินมเมืองไทย อยู่ที่เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน(ชื่อเดิมของเขื่อน) จ. สุราษฎร์ธา นีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจมาก นักท่องเที่ยวบ้างคนขนานนามที่ว่า กุ้ยหลินเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก ทัศนียภาพโดยทั่วไปภายในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนรัชชประภา มีทัศนียภางดงาม และเป็นสถานที่ท่อง เที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยม ล่องเรือชมความสวยงามของธรรมชาติสองข้างทาง และทะเลหมอกยามเช้า หรือนอนบนพักบนแพเหนือเขื่อนที่มีไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ และสูดอากาศที่บริสุทธิ์ รวมทั้งมีกิจกรรม เล่นน้ำ พายเรือแคนู เดินป่าล่องแพชมถ้ำ และ ถ้ำประกายเพชร ส่องสัตว์ รวมไปถึงการได้ไปชม
"ดอกบัวผุด" จะโผล่เฉพาะดอกซึ่งเป็นดอกเดียวขึ้นจากพื้นดินให้เห็นระหว่างฤดูฝนหรือในระยะที่อากาศและพื้นที่ยังมีความชุ่มชื้นสูง คือ ระหว่างพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ซึ่งถือว่าเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

29/10/2013

Green World Travel พาทุกท่านบินลัดฟ้าท่องเที่ยว

โปรแกรม " มาเก๊า - มรดกโลก - เวเนเชี่ยน - จูไห่ "
>> 3 วัน 2 คืน ราคา 15,900 บาท > Group Join

28/10/2013

ใครอยากไปเที่ยว "มัลดีฟ" ยกมือขึ้น !! ^o^''
วันนี้จะพาทุกท่านไปเที่ยว มัลดีฟ กันนะครับ ซึ่ง มัลดีฟที่ว่านี้ไม่ใกล้ไม่ไกลเลยครับ ไม่ได้อยู่ในทะเลด้วย อยู่ที่เมืองไทยของเรานี่เอง

>> มัลดีฟน้ำจืดแห่งแรกของปรัเทศไทยfeeln

26/10/2013

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ก็เหมือนเข้าสู่ฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการหลั่งไหลของผู้คนสู่ตอนบนของประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวตามดอยและอุทยานต่าง ๆ ดูจะเย้ายวนเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวมากที่สุด ว่าไหมคะ .... ดังนั้น วันนี้เลยขอเอาใจนักชอบเที่ยวทั้งหลาย พาไปท่องเที่ยวที่ "ภูชี้ฟ้า" รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ภูชี้ฟ้า เป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทย - สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติด้วยลักษณะหน้าผาปลายยอดแหลม เป็นแนวยาวที่ชี้ไปบนฟ้า ทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า "ภูชี้ฟ้า" นั่นเอง ด้านที่ติดสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด

สำหรับไฮไลท์สำคัญของ ภูชี้ฟ้า ต้องยกให้จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม อีกทั้งทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล โดยในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอก ท่ามกลางทุ่งหญ้าและหากรอจนสายหมอกถูกความร้อนระเหยหมดแล้ว ก็ยังคงมองเห็นสายน้ำโขงไหลคดเคี้ยว ท่ามกลางป่าไม้ของฝั่งลาวที่เขียวสุดสมบูรณ์อีกด้วย หากมาเที่ยวภูชี้ฟ้า ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม เส้นทางขึ้น ภูชี้ฟ้า จะผ่านป่าซากุระหรือต้นพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยงามมากอีกเช่นกัน

26/10/2013

ออกพรรษามาได้ไม่นาน เชื่อว่า หลายท่านคงไปเที่ยวออกพรรษากัน แต่..!! สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือความเชื่อที่มาพร้อมซึ่งเกี่ยวข้องกับ " พญานาค " ... เลยเก็บภาพที่เกี่ยวของกับ สิ่งที่เรียกว่า พญานาค จากหลายๆแห่งในโลก มาให้ดูกัน .. (โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)

พญานาค เป็นความเชื่อในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นงูขนาดใหญ่มีหงอน เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาล
ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะมาจากอินเดีย ด้วยมีปกรณัมหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ นาคถือเป็นปรปักษ์ของครุฑ ส่วนในตำนานพุทธประวัติ ก็เล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วย
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม

22/10/2013

ทุ่งดอกบัวตอง ..บานแว้ว ๆๆ !!

เมื่อฤดูหนาวเข้ามาเยือนเมืองแม่ฮ่องสอน "ทุ่งดอกบัวตอง" ดอยแม่อูคอจะบานสะพรั่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามา เยือน และชมความงดงามของท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยสีเหลืองส้มปกคลุมเต็มเทือกเขา ทุ่งดอกบัวตอง ตั้งอยู่บ้านสุรินทร์ตั้งตำบลแม่อูคอ ตามทางหลวงหมายเลข 108 สายแม่ฮ่องสอน – ขุนยวม ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ 1 กิโลเมตร ทุ่งดอกบัวตองมีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณประมาณ 1,000 ไร่ และจะบานสะพรั่งในช่วงเดือน พฤศจิกายน- ต้นเดือนธันวาคม เกือบสุดปลายทางถนน 108 ที่อำเภอขุนยวมในฤดูหนาวนักท่องเที่ยวสามารถ เที่ยวชมทุ่งดอกบัวตองบาน ทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีให้ชมเพียงปีละครั้งเท่านั้น

" feeln "

16/10/2013

ขอเชิญชวนเที่ยว “ประเพณีรับบัว ปี 2556” ประเพณีแห่งสายน้ำของชาวบางพลี ระหว่างวันที่ 15-18 ตุลาคม 2556
ณ ตำบลบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ

อำเภอบางพลี มีประเพณีอันดีงามสืบทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน โดยในวันขึ้น 13 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ชาวบางพลีช่วยกันเก็บดอกบัวรวบรวมไว้ที่วัดหลวงพ่อโต (วัดบางพลีใหญ่ใน) เพื่อมอบให้กับชาวรามัญ นำไปเป็นดอกไม้เป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา เมื่อใดที่ชาวรามัญมารับดอกบัว โดยใช้เรือเป็นพาหนะ พร้อมใจกันส่งเสียงร้องรำทำเพลงมาตามลำน้ำ เพิ่มความคึกคักสนุกสนานตลอดการเดินทาง เป็นงานบุญงานหนึ่งที่ชาวไทยและชาวมอญได้ยึดมั่นทำเป็นประจำทุกปี สืบทอดมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น "ประเพณีรับบัว" ประเพณีสำคัญประจำจังหวัดสมุทรปราการมาจนถึงปัจจุบัน ที่มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

สำหรับ “ประเพณีรับบัว” เริ่มต้นด้วยขั้นตอนเตรียมดอกบัวของชาวบ้านบางพลี โดยเอาดอกบัวหลายดอกเสียบไว้ในใบบัวแล้วเอาใบบัวห่อไว้เพื่อไม่ให้ดอกบัวเหี่ยว เมื่อถึงเวลาเย็นชาวตำบลต่าง ๆ ก็จะพากันไปยังตำบลบางพลีใหญ่ ช่วยกันพายเรือที่ ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งในตอนกลางคืนมีการจับคู่ ร้องเพลงเรือลำตัดตามแต่ถนัดฝ่ายชาวบ้านบางพลีใหญ่ ก็จะตกแต่งบ้านเรือนด้วยธง ทิวโคมบัว และเล่นจนถึงสว่างส่วนบริเวณที่เล่นคือคลองสำโรง และในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 11 ก็จะมีการโยนบัวลงไปในขบวนเรือ ขบวนแห่พระพุทธรูปโดยอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงไว้ในเรือ โดยเรือจะแล่นไปตามคลองสำโรงเพื่อให้ประชาชนได้บูชา ซึ่งประชาชนจะโยนดอกบัวลงไปในเรือแห่หลวงพ่อโต และในเรือที่ชาวบ้านมาร่วมงาน

ติดต่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ อำเภอบางพลี โทรศัพท์ 0 2337 3489-90, 0 2337 4059 และสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ 0 2707 6300 และ 0 2183 1005


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ

16/10/2013

จังหวัดชลบุรี ขอเชิญทุกท่านร่วม "งานประเพณีวิ่งควาย จังหวัดชลบุรี 2555" ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2555 ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชลบุรี และสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี โดยวันวิ่งควายตรงกับวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2555 (วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11)

ทั้งนี้ ประเพณีวิ่งควาย เป็นพระเพณีเก่าแก่ของชลบุรี มีอายุย้อนไปได้ 100 ปีเศษแล้ว โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่พระอารามหลวง วัดใหญ่อินทาราม สมภารและบรรดาอุบาสกอุบาสิกาได้ปรึกษากันว่าจะจัดงานเทศน์มหาชาติเป็นงานประจำปี โดยกำหนดเอาเวลาเช้าของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นเวลาเริ่มเทศน์มหาชาติ กัณฑ์ทศพร ในปีแรกนั้นผู้รับเป็นเจ้าภาพส่วนมากก็คือชาวนาชาวสวน ต้องใช้ควายเทียมเกวียนนำข้าวปลาอาหารสำหรับเป็นเครื่องกัณฑ์มาให้ทันวันขึ้น 14 ค่ำ ซึ่งเป็นวันก่อนหน้างาน 1 วัน ขณะที่คนขี่ควายไปพร้อมกันมาก ๆ เช่นนั้น จึงเกิดมีคนนึกสนุกท้าผู้อื่นให้ขี่ควายแข่งกัน โดยผู้ขี่จะต้องระวังไม่ให้ตกจากหลังควายด้วย มิฉะนั้น จะถูกปรับแพ้

ประเพณีวิ่งควาย จึงถือกำเนิดขึ้นนับแต่บัดนั้น สะท้อนวิถีชีวิตของคนเมืองชลในอดีตว่ามีความผูกพันอยู่กับธรรมชาติ วิถีเกษตรและควายอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ปัจจุบันควายจะลดจำนวนลงมากจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทว่าจังหวัดชลบุรียังยึดถือประเพณีวิ่งควายเป็นงานเทศกาลประจำปีที่คึกคัก และสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งเลยทีเดียว โดยในงานนี้เจ้าของควายจะนำแพรพรรณหลากสีมาตกแต่งควายของตนอย่างสวยงาม แล้วนำมาชุมนุมกันเพื่อวิ่งแข่ง ประกวดสุขภาพควาย ประกวดการตกแต่งควาย และประกวดน้องนางบ้านนา (ประกวดสาวงาม)

สำหรับปีนี้ภายในงานจะมีการแข่งขันวิ่งควาย รุ่นจิ๋ว, รุ่นเล็ก, รุ่นใหญ่ พร้อมกับชมการประกวดตกแต่งควาย ประเภทสวยงาม ประเภทตลกขบขัน การประกวดสุขภาพควาย ควายงามพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และการประกวดน้องนางบ้านนา การประกวดสาวเหลือน้อย จะรับสาวเหลือน้อยที่มีอายุตั้งแต่ 65 ขึ้นไป และชายเหลือน้อย วมถึงการจำหน่ายสินค้า OTOP และการแสดงมหรสพต่าง ๆ ที่เปิดให้ชมฟรี

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลเมืองชลบุรี โทรศัพท์ 0 3828 3449 และ ททท. สำนักงานพัทยา (ชลบุรี) 0 3842 7667

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ททท. และ จังหวัดชลบุรี

15/10/2013

หนาวนี้... พาทุกท่านแอบไปเที่ยว "แอ่วเเหนือ"
ไปสร้างความโรแมนติก ..เที่ยวชมและดื่มด่ำความสวยงามของ " ซากุระมืองไทย " ที่ เชียงใหม่ เสมือนได้ไปญี่ปุ่นเลยที่เดียว

ซากุระเมืองไทย หรือ ดอกนางพญาเสือโคร่ง เป็นต้นไม้ที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับต้นซากุระของประเทศญี่ปุ่น คือ วงศ์กุหลาบ
มีลักษณะเป็น ดงอยู่รวมกัน สีคล้ายสีของซากุระนั้นบาน เป็นสีชมพูสดใสบานสะพรั่งเรียงรายเป็นทิวแถวที่สวยงาม แต่มีดอกที่เล็กกว่าดอกซากุระมาก

ต้นนางพญาเสือโคร่ง มักพบอยู่ตามไหล่เขา หรือบนสันเขา บริเวณเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไป ที่มีอากาศหนาวเย็นมากๆ ในช่วงก่อนที่ต้นนางพญาเสือโคร่งจะออกดอกนั้น จะเหมือนกับต้นไม้ใกล้ตาย เพราะมันจะทิ้งใบจนหมดต้น เหลือแต่กิ่งเปล่าๆ แต่หลังจากที่โกร๋นไปทั้งต้นแล้วนางพญาเสือโคร่งก็จะผลิดอก โดยจะออกเป็นช่อกระจุกตามปลายกิ่ง ให้สีสันชมพูดูสดใส โดยเฉพาะยามที่ดอกบานเต็มต้นจะประหนึ่งเหมือนพรมสีชมพูปกคลุมไปทั่วทั้งต้น ดูงดงามอ่อนหวาน เป็นที่หลงใหล โดยดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานในช่วงธันวาคม - กุมพาพันธุ์ของทุกปี

สำหรับจุดชมซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่เชียงใหม่ 4 แห่ง ที่จะสามารถชมความสวยงามได้ดีที่สุด อยู่ที่ ขุนช้างเคียน ขุนแม่ยะ สถานีเกษตรหลวงเชียงใหม่ และ ดอยอ่างขาง ..

แล้วอย่าลืมไปเที่ยวชมความสวยงามอันหลากหลายของธรรม
ชาติที่รอให้ทุกท่านไปสัมผัสด้วยตัวเองนะครับ ..

"feeln"

13/10/2013

งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาว ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนสุดาสยามบรมราชกุมารี ประจำปี 25556 จังหวัดสกลนคร

จังหวัดสกลนคร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 15–19 ตุลาคม 2556 ณ บริเวณสนามมิ่งเมืองสกลนคร สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร
มาร่วมชมความงดงามตระการตาของขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และขบวนวัฒนธรรมพื้นเมืองที่สวยงามกว่า 15 ขบวน อาทิ ตำนานผาแดงนางไอ่ ขบวนรำมวยโบราณ ขบวนรำผู้ไท รำหางนกยูง วิถีชีวิตชนเผ่าพื้นเมืองสกลนคร ในวันที่ 18 ตุลาคม 2556
ร่วมติดดอกผึ้งบนปราสาทผึ้งโบราณถวายเป็นพุทธบูชา และร่วมพิธีทำบุญตักบาตรเทโว วันออกพรรษา ณ วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารพร้อมชมและเชียร์การแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ ในบึงหนองหาร เลือกซื้อสินค้าของกินของฝาก ในเทศกาล “ของดีของแซบเมืองสกล” ชิมอาหารพื้นเมืองสกลฯ หลากหลายเมนู ลิ้มรสเนื้อโพนยางคำ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากผ้าย้อมคราม ไวน์เม่าภูพาน ข้าวกล้องงอก เครื่องปั้นเซรามิก ชมการประกวดพานบายศรี สนุกสนานกับการแสดงดนตรีพื้นเมืองมหรสพมากมายตลอดการจัดงาน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รวมทั้งเส้นทางการเดินทาง โรงแรมที่พักและร้านอาหาร ได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม โทร. 042 513 490-1 เปิดให้บริการทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น.
E-mail: [email protected]
www.tatsanuk.blogspot.com
Facebook.com/tatnakhonphanom
Facebook Fanpage : ททท.สำนักงานนครพนม

12/10/2013

ประเพณีไหลเรือไฟ

“ไหลเรือไฟ” เป็นพิธีกรรมที่พุทธศาสนิกชนชาวอีสานยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ บางทีเรียกว่า“ล่องเรือไฟ” หรือ “ปล่อยเรือไฟ” ซึ่งเป็นลักษณะที่เรือไฟเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เรือไฟหรือเฮือไฟ หมายถึง เรือที่ทำด้วยท่อนกล้วย ไม่ไผ่ หรือวัสดุที่ลอยน้ำมีโครงสร้างเป็นรูปร่างต่างๆ ตามต้องการ เมื่อจุดไฟใส่โครงสร้างเปลวไฟจะลุกเป็นรูปร่างตามโครงสร้างนั้นๆ จังหวัดที่เคยทำพิธีกรรมการไหลเรือไฟอย่างเป็นทางการได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม หนองคาย เลย มหาสารคามและอุบลราชธานี

ประเพณีไหลเรือไฟมีความเชื่อเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับข้อมูลความเป็นมาหลายประการ เป็นต้นว่า เนื่องจากการบูชารอยพระพุทธ
บาท การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี การระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา เป็นต้น นอกจากความเชื่อดังกล่าวแล้วอาจชี้ให้เห็นถึงภูมิปัญญาในเชิงสร้างสรรค์ทางด้านเกษตรกรรมอีกด้วย เชื่อว่าการไหลเรือไฟจะทำให้ฝนตกในปีต่อไปดี เพราะการไหลเรือไฟเป็นการปล่อยไฟลงแม่น้ำทำให้พญานาคที่อยู่ในน้ำได้รับความร้อนแล้วหอบน้ำหนีขึ้นไปอยู่บนฟ้า ซึ่งหากเป็นไปตามความเชื่อนี้การไหลเรือไฟอาจนับเป็นหนึ่งในกลุ่มประเพณีเพื่อการไล่น้ำ และครั้นพอถึงเดือนหก (ไทย) น้ำในโลกมนุษย์จะแห้ง ผู้คนเดือดร้อนจึงพากันจุดบั้งไฟขอฝน พอมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นไป พญาแถนจะสั่งให้พญานาคนำน้ำที่หอบขึ้นมาไปคืนโลกมนุษย์โดยตกลงมาเป็นฝน
ประเพณีการไหลเรือไฟโบราณ มักนิยมทำกันในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ในช่วงเช้าจะมีการทำบุญตักบาตร ถวายเพล พลบค่ำชาวบ้านจะนำของกิน เสื้อผ้า เครื่องใช้ขนม ข้าวต้มมัด กล้วย อ้อย หมากพลู บุหรี่ ใส่ลงในกระจาดบรรจุไว้ในเรือไฟ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ว่า ชาวบ้านที่อยู่ท้ายน้ำ หากพบเรือไฟลอยมาติดสามารถเก็บเอาข้าวของที่ติดมากับเรือไปใช้ได้

12/10/2013

ขอเชิญร่วมงานบุญออกพรรษา งานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนมประจำปี 2556
ตั้งแต่ 12 ตุลาคม 2556 - 20 ตุลาคม 2556

ติดต่อสอบถาม
- สำนักงานจังหวัดนครพนม โทร 042 511 515
- เทศบาลเมืองนครพนม โทร 042 516 159
- วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม โทร 042 516 050

01/10/2013

"เทศกาลกินเจ" ..??

เทศกาลกินเจ ก็คือประเพณีกินผัก หรือที่เรียกว่า มังสวิรัติ ซึ่งเป็น ประเพณีเก่าของ ชาวจีน ที่ถึงจะย้ายถิ่น ฐานไปอยู่ในประเทศใด ก็ยังคงยึดถือปฏิบัติตามประเพณีนี้ การกินเจเป็นปรเพณีของลัทธิเต๋าซึ่งนับถือบูชาเซียนเทวดา เทพเจ้า วีรบุรุษ เป็นประเพณีที่คนจีนนับถือมาช้านาน โดยเฉพาะคนจีนฮกเกี้ยน คำว่า "เจี๊ยะฉ่าย" (กินผัก) เป็นภาษาท้องถิ่น วันประกอบพิธีตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ (เก้าโง้ยโฉ่ยอีดถึงโฉ่ยเก้า) ตามปฏิทินจีนของทุกๆ

สำหรับการกินเจในไทยนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกที่ จังหวัดภูเก็ต ซึ้งคนจีนเรียกประเพณีกินเจนี้ว่าประเพณีเจี๊ยะฉ่าย ได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกที่หมู่บ้าน ไล่ทู (ในทู) ซึ่งเป็นหมู่บ้านกะทู้ ตำบลกะทู้ จังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน คนจีนเหล่านั้นได้อพยพเข้ามาทำเหมืองแร่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (ในสมัยรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) มีการค้าขายแร่ดีบุกกับปอร์ตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น คนจีนเหล่านั้นได้หลั่งไหลเข้ามามากที่สุดก่อนปี พ.ศ.2368 คือหลังจากเมืองภูเก็ตและเมืองถลางถูกพม่ารุกรานเมื่อปี พ.ศ.2352 พลเมืองได้กระจัดกระจายไปอยู่ตามที่ต่างๆ ครั้นพระยาถลาง (เจิม)ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองถลาง และได้ตั้งเมืองภูเก็ตที่บ้านเก็ตโฮ่ ให้พระภูเก็ต (แก้ว) มาเป็นเจ้าเมือง (ระหว่าง พ.ศ. 2368-2400)
พื้นที่รอบๆในทู (กะทู้) อุดมสมบรูณ์ไปด้วยแร่ดีบุก จึงทำให้คนจีนหลั่งไหลเข้ามาขุดแร่ดีบุกเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนที่อพยพมาจากเมืองถลางเดิมที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ต่อมาได้มีคณะงิ้ว หรือ เปะหยี่หี่ ที่ได้เดินทางมาจากประเทศจีนมาเปิดแสดงที่บ้านในทู คณะงิ้วนี้สามารถแสดงอยู่ได้ตลอดปี เนื่องจากเศรษฐกิจของชาวในทู กรรกรจีน รวมถึงร้านค้า มีรายได้ดีมาก ในขณะนั้น ต่อมาปรากฏว่ามีตึกดิน 26 หลัง และโรงร้าน 112 หลัง จึงสามารถอุดหนุนงิ้วคณะนี้ได้ตลอดปี หลังจากคณะงิ้วได้เปิดทำการแสดงอยู่ที่บ้านในทูระยะหนึ่ง ได้เกิดมีการเจ็บป่วยเป็นไข้ และจากการเจ็บป่วยครั้งนี้ทำให้คณะงิ้วนึกขึ้นได้ว่าพวกตนไม่ได้ประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ซึ่งเคยปฏิบัติกันมาทุกปีที่เมืองจีน และปรากฏมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอึ่งตี่ฮ่องเต้เป็นต้นมา จึงได้ปรึกษาหารือในหมู่คณะ และได้ตกลงกันประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายขึ้นที่โรงงิ้วนั่นเอง ทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถลงเรือใบ หรือเรือสำเภาเดินทางกลับไปร่วมพิธีเจี๊ยะฉ่ายที่เมืองจีนได้ทันเพราะใกล้จะถึงวันประกอบพิธีแล้ว จึงได้ตกลงใจประกอบพิธีเจี๊ยะฉ่ายขึ้นที่โรงงิ้วเพื่อขอขมาโทษ ต่อมาโรคภัยไข้เจ็บก็หายไปหมดสิ้น รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บที่เคยเบียดเบียดชาวในทู ก็ลดลงด้วยเช่นกัน เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวในทูเป็นอย่างมาก ปัจจุบันประเพณีเจี๊ยะฉ่าย (กินผัก) ของชาวภูเก็ตได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาทุกปีนับเวลาได้ หลายร้อยปีแล้วซึ่งถือว่าเป็นประเพณีอันดีงามของชาวภูเก็ต
นอกจากนั้นแล้วการกินเจยังมีข้อห้ามอยู่ด้วยกัน 10 ประการหลักๆ คือ

- ข้อแรก การงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง ซึ่งประกอบไปด้วยพืชผัก 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม, หัวหอมใหญ่, หลักเกียว(ลักษณะคล้าย หัวกระเทียม แต่เล็กกว่า), กุ้ยช่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า), ใบยาสูบ

- ข้อที่สอง การงดกินเนื้อสัตว์ ซึ่งประกอบไปด้วย เนื้อวัว หมู ปลา หรือสัตว์มีชีวิตที่ใช้เป็น อาหารได้

- ข้อที่สาม ไม่ควรกินอาหารรสจัด ซึ่งไม่ใช่แค่รสเผ็ดอย่างเดียว รวมไปถึงรสเค็มมาก หวานมากหรือเปรี้ยวมาก ด้วย

- ข้อที่สี่ ต้องกินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุง ซึ่งข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จะถือว่าบริสุทธิ์จริงๆ

- ข้อที่ห้า ถ้วยชามจะต้องไม่ปนกัน เพราะเขาถือเคร่งครัดว่าอาหารคาวซึ่งชาวจีนเรียกว่า ชอ นั้น ถ้วยชาม จะใช้ปนกันไม่ได้ จะถือว่าล้างสะอาดหมดจดแล้วจึงเอามาใช้ก็ผิดอีก

- ข้อที่หก ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ข้อนี้ตรงกับการรักษาศีลของชาวพุทธ การฆ่าสัตว์ของชาวจีนตั้งแต่สัตว์เล็กๆ ไป จนถึงสัตว์ใหญ่เป็นข้อเคร่งครัดเช่นกัน

- ข้อที่เจ็ด แต่งกายด้วยชุดขาว

- ข้อที่แปด พูดจาไเราะ คนที่ถือศีลกินเจไม่ใช่เพียงแต่กินของสะอาดเท่านั้น แต่คำพูดที่พูดออก จากปากก็ต้อง สะอาดด้วย

- ข้อที่เก้า งดดื่มสุราและของมึนเมา

- ข้อที่สิบ ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง คนที่จะไปกินเจมักจะไปชุมนุมกันที่แจตั๊วหรือสถานที่กินเจ ณ ที่นั้น เขาจะประดับดอกไม้ตั้งโต๊ะบูชา วางกระถางธูปและตั้งเครื่องเจ ต่างๆ นอกจากนี้ก็จุดโคม 9