21/05/2019
สงคราม IT " ระหว่าง สหรัฐฯ VS. จีน (Google blocks Huawei)
จุดเริ่มต้นข้อพิพาท "สงคราม IT" ระหว่าง สหรัฐฯ VS. จีน กรณีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำผลิตภัณฑ์ของ "Huawei"
ทำให้ Google ประกาศระงับสิทธิ์บางส่วนของ Huawei ในการเข้าถึงระบบปฏิบัติการ Android ส่งผลให้สินค้าใหม่ที่จะวางขายในอนาคตไม่สามารถ update application ต่างๆของ google เช่น Gmail ,Youtube, Google Play Store, Google Map GPS , Google Search engine ในมือถือ Huawei
#จุดเริ่มต้นข้อพิพาทมาจาก... “แร่แรร์เอิร์ธ” (Rare-earth element )
เจ้า “แร่แรร์เอิร์ธ” (Rare-earth element ) นี้เป็นแร่ที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ เช่น ไมโครชิพ ของโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์จอแบน รวมไปถึง เทคโนโลยีของอาวุธสงครามต่างๆ และพบมากที่สุดในประเทศจีน
ขณะที่สหรัฐฯ เคยร้องเรียนองค์การการค้าโลก หรือ WTO จากการที่จีนไปกำหนดโควต้าและการส่งออกแร่ของธาตุโลหะหายากนี้ ทำให้เกิดการเอาเปรียบทางธุรกิจเกิดขึ้นกับหลายประเทศ
#แปลง่ายๆคือ แร่นี้พบเยอะมากในจีนและเป็นที่ต้องการของประเทศต่างๆทั่วโลกกว่า 95% โดยเฉพาะประเทศที่มีการพัฒนาในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ระดับสูง แต่ที่ผ่านมาจีนเป็นคนกำหนดราคาส่งออกแร่นี้ให้สูง ขณะที่จีนกำหนดราคาได้ตามอำเภอใจ หรือ แม้แต่การใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในความขัดแย้งระหว่างประเทศก็ได้เช่นกันเพราะซื้อในราคาต้นทุนที่ถูกกว่าชาวบ้าน ทำให้กลไกการค้าได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมในเชิงธุรกิจ จึงเป็นที่มาของความตึงเครียดของสงครามจิตวิทยาครั้งนี้คือ Google แบน Huawei
ถึงแม้ผู้นำจีน ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง จะเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมเหมืองแร่ Rare-earth ที่มณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแร่ดังกล่าวที่สำคัญของประเทศ เพื่อโต้ตอบเชิงจิตวิทยากับสหรัฐฯว่า "อย่าเหิมนะ แร่สำคัญที่เอ็งใช้ผลิตของต่างๆ อยู่ที่นี่"
ในสหรัฐอเมริกาเองนั้น ก็มีแร่ Rare-earth ดังกล่าว อยู่เกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองของจีน แค่ที่ผ่านมาการทำเหมืองแร่ชนิดนี้ในสหรัฐฯ ถูกสั่งปิดเนื่องจากกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมของอเมริกาเอง
ดังนั้นถ้าอเมริกาต้องการใช้แร่นี้จริง ก็คงไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไร ธุรกิจยังเดินต่อได้ แต่ที่สำคัญคือ ธุรกิจฝั่งจีน อาจจะถูกกระทบมากกว่า
ไหนจะ แรงงานตัวเอง,การลงทุน Products ที่ลงเงินไปแล้วล่วงหน้าในประเทศต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรกับประเทศ"โลกใหม่" ที่มีจำนวนผู้ใช้มือถือรวมกันหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
ยังไม่พูดถึงระบบปฎิบัติการที่ Huawei เตรียมไว้ใช้แทน Android จะใช้งานได้ทดแทนระบบ Android ที่ผู้บริโภคเคยชินกับมันมานานกว่า 10 ปีได้หรือไม่ ?
ไหนจะ Gmail, Youtube, Google Play Store, Google Map GPS, Google Search engine, Google Business Product ทั้งหมด, Google Ads ต่างๆ ที่ทำรายได้ให้ภาคธุรกิจต่างๆ ฯลฯ
ถามว่า มีใครจำ search engine ที่ชื่อ .com ของจีนไหม? ที่เคยมีข่าวลือเรื่องการฝัง Spam การเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้โดยที่ไม่รู้ตัว และยังไม่นับประเด็นไวรัสอื่นๆจาก Link ต่างๆ ที่ระบบ security ไม่สามารถป้องกันได้
แม้หลังๆบริษัทจะพยายามออกมาแก้ไขแล้ว ก็ไม่ค่อยเป็นผลเพราะผู้ใช้บริการ หรือ User จำฝังใจไปแล้ว
#สรุป: มันเริ่มมาจากการทำธุรกิจที่เอาเปรียบชาวบ้าน ไม่ทำตาม "ข้อตกลง" การค้าที่ไปสัญญาไปทำร่วมกัน ก็เลยต้อง Converse - ทางใครทางมัน
***และที่สำคัญกว่าคือ ปีที่แล้วญี่ปุ่น พบแหล่งแร่หายากใต้มหาสมุทรแฟซิฟิก ที่คาดว่าจะสามารถเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมไฮเทคเป็นการทดแทนจากจีนได้อีกนานหลายร้อยปีเลย