27/10/2021
'บั้งไฟพญานาคมันแค่ชื่อ (ไม่ได้หมายความว่าพญานาคจุดบั้งไฟขึ้นเพราะชื่อนี้เป็นชื่อนี้ตั้งขึ้นไม่กี่ปี)แต่ประเด็นคือมีแสงพุ่งขึ้นจากกลางน้ำโขงมีมาเป็นร้อยปีมันคือแสงอะไรแสงนี้ต่างหากที่ต้องการให้พิสูจน์ ไม่ใช่ไปถ่ายภาพของแสงปืนฝั่งลาว (คนเขาไม่ได้โง่ที่จะดูออกว่าแสงจากปืนหรือแสงจากธรรมชาติ)
ส่วนแสงที่ถ่ายจากปืนฝั่งลาวคือริมฝั่งโขง มันคนละจุดกับที่ชาวบ้านเห็นริมกลางน้ำโขงและชนิดของแสงคนละอย่างกัน' แสงปืนเราไม่เถียงเพราะมันอยู่ริมโขงของฝั่งลาว ใครจะยิงอย่างไรก็ชั่งเขา แต่เเสงที่มันผุดขึ้นกลางลำโขงและแสงจะวิ่งช้าๆตามกันไปหละ มันไม่ใช่แสงปืน ใครอยากพิสูจน์ลองพายเรือกลางลำน้ำโขงเอาปืนแสงยิงดูสิ
เพจข่าวบึงกาฬ ขอประนาม "เพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค"
ที่ออกมาสร้างกระแสสื่อ ให้คนเข้าใจผิดเรื่องบั้งไฟพญานาค ว่าเป็นปืนแสงที่ยิงจากฝั่งของประเทศลาว
ดูถูกความเชื่อ ความคิด ศักดิ์ศรี คนริมฝั่งโขง ประชาชนฝั่งโขงไม่ใช่คนโง่ เรียนรู้วิทยาศาสตร์เช่นกัน แต่ปรากฏการณ์บั้งไฟนี้ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์สรา้งขึ้นแน่นอน
ลำแสงที่ผุดขึ้นกลางแม่น้ำโขงนั้นเกิดขึ้นจริงส่วนจะเป็นพญานาคจุดขึ้นหรือเกิดจากระบบธรรมชาตินั้นก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆมันมีลำแสงขึ้นกลางลำโขงนี้มาหลายร้อยปีแล้วมันคือของจริง (ส่วนมึงจะไปพิสูจน์ว่ามันเกิดจากอะไรนั้นเรื่องของมึง แต่มันไม่ใช่ปืนแสงที่ยิงจากฝั่งลาว แสงที่ชาวบ้านเห็นมันเป็นแสงจากผุดขึ้นจากลำน้ำโขงมานานมึงต้องไปหาคำตอบแสงที่ขึ้นจากกลางน้ำโขง ไม่ใช่ไปถ่ายภาพแสงปืนที่ฝั่งลาว)
ประชาชน ชาวบึงกาฬ-หนองคาย เราขอยืนยันว่า บั้งไฟพยานาค บึงกาฬ-หนองคาย ที่เกิดขึ้น นั้น ผุดจากกลางน้ำโขงจริงไม่ใช่ขึ้นจากฝั่งลาวหรือใช้ปืนแสงใดๆ ส่วนแสงที่ขึ้นจากฝั่งลาวหรือใช้ปืนแสงนั้นอาจจะมีจริง แต่คนละอย่างกับบั้งไฟที่เกิดขึ้นจากกลางน้ำโขงจริงๆ ขอให้แยกแยะแสงคนละที่คนละจุด
ชาวบ้านริมฝั่งโขง ได้เห็นบั้งไฟพยานาคนี้มาตั้งแต่ปู่ย่าตายายตั้งแต่ยังไม่มีกล้องอะไรจับต่างๆและเห็นจนชินตาของชาวบ้านริมฝั่งโขงในยาม15ค่ำเดือน11 ออกพรรษาของทุกปี ซึ่งแต่ละปีก่อนๆนั้นจะขึ้นเยอะมากกลางลำน้ำโขง ส่วนจะเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ แต่ยืนยัน ขึ้นจากกลางน้ำโขงและบางครั้งขึ้นตรงต่อหน้าริมโขงฝั่งไทยต่อหน้าต่อตาก็มี ไม่ใช่เกิดจากแสงปืนที่ยิงฝั่งตรงข้ามประเทศลาวแน่นอน(ประชาชนไม่ได้โง่พอที่จะแยกแยะออกแสงไหนแสงจริง)
ขอประนามเพจ "เพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค" ที่กล่าวหาและดูถูกความเชื่อของประชาชนริมฝั่งโขง ทุกวันนี้มันอาจจะมีการยิงปืนแสงริมฝั่งลาว แต่แสงที่ยิงและแสงที่ผุดขึ้นกลางลำน้ำโขงนั่้นคนละอย่างกันแน่นอน การมีปรากฏการลำแสงผุดขึ้นกลางแม่น้ำโขงนั้นไม่มีใครพิสูจน์ได้แต่ที่แน่ๆลำแสงนั้นขึ้นจากกลางแม้น้ำโขงและผุดขึ้นต่อหน้าต่อตาของประชาชนริมฝั่งโขง ส่วนมันจะเกิดขึ้นด้วยอะไรนั้นไม่มีใครพิสูจน์ได้แล้วแต่ความเชื่อ แต่ที่แน่ๆนั้นแสงที่ผุดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์หรือยิงปืนแสงใดๆ
เมื่อ30 ปี ที่ผ่าน สมัยก่อนนั้นแอดมินเองเชื่อแบบครึ่งๆเคยแต่ได้ยินแต่การไปดูบั้งไฟสมัยก่อนนั้นก็จะลำบากหน่อยเพราะไม่ค่อยมีรถเดินทาง ถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลริมโขงมากนัก แต่เมื่อได้ไปโดยนั่งรถ3ล้อเครื่องรถอีแต๋นสมัยก่อนไปดูสักครั้ง สมัยก่อนยังไม่โ่ด่งดังมากนักในเรื่องการท่องเที่ยวบั้งไฟพญานาค เมื่อแอดมินได้ไปถึงแค่ 18.00น บั้งไฟ ก็เริ่มผุดขึ้นแล้ว ทั้งๆที่ไม่มืดมากนัก แอดมินดูที่บริเวณแก่งอาฮง อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย สมัยนั้นและดวงไฟได้ผุดขึ้นเรื่อยๆกลางลำน้ำโขง บางลูกขึ้นต่อหน้าต่อตาแบบเรียงกันขึ้นไปทีละลูกต่อกันหลายลูกแบบสวยงามงาม ส่วนมันจะเป็นแสงอะไรัน้นหรือเป็นทางหลักวิทยาศาสตร์ หรือเป็นปรากฏการธรรมชาตินั้นก็ว่ากันไป ส่วนจะบอกว่าเกิดขึ้นเพราะปืนนั้นขอยืนยันไม่ใช่แน่นอน
ประวัติและ ตำนาน ความเชื่อกับพญานาค บั้งไฟพญานาค
บั้งไฟพญานาค เป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ซึ่งในปี 2564 นี้ จะตรงกับวันออกพรรษา วันที่21ตุลาคม ซึ่งจะมีลูกไฟประหลาดที่ผุดขึ้นจากน้ำขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว โดยปรากฎการณ์นี้ เรียกันว่า ปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค วันนี้สกูปเอ็มไทยจึงนำข้อมูลดีๆ ทั้งประวัติ ความเป็นมา ตำนานของพญานาคและ บั้งไฟพญานาคมาฝากกันครับ
บั้งไฟพญานาคคืออะไร
บั้งไฟพญานาค หรือชื่อที่เรียกกันในก่อนปี พ.ศ. 2529 ว่า บั้งไฟผี เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกลางแม่น้ำโขง เห็นได้จากทั้งฝั่งไทยและลาว ลักษณะเป็นลูกกลมเรืองแสงลอยขึ้นจากน้ำขึ้นไปในอากาศ บั้งไฟพญานาคเกิดช่วงวันออกพรรษาของแต่ละปี อีกทั้งบั้งไฟพญานาคยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด แต่มีคำอธิบายสามแนวทาง คือ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติตามตำนาน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเป็นการกระทำของมนุษย์
ลักษณ์ะของบั้งไฟพญานาค
การเกิดบั้งไฟพญานาค บั้งไฟจะเอนเข้าหาฝั่ง หากขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่หากขึ้นริมฝั่ง บั้งไฟจะเอนออกไปกลางโขง ลักษณะเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น บั้งไฟพญานาคจะผุดออกจากผิวน้ำตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50-150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อย ๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ
พญานาค คืออะไร
นาค หรือ พญานาค เป็นความเชื่อในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน แต่มีลักษณะร่วมกัน คือ เป็นงูขนาดใหญ่มีหงอน เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสู่จักรวาลอีกด้วย
ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละ ภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร
ตำนานความเป็นมาของ พญานาค
เรื่องของพญานาคในทางพุทธศาสนา ได้กล่าวไว้ว่า เดิมทีพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลนั้นมีนิสัยดุร้าย แต่พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เลิกนิสัยดุร้าย และคิดจะหันมาออกบวช แต่ก็ติดที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา (3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 11 ด้วยบันไดแก้ว บันไดเงินและบันไดทอง ที่เหล่าเทวดาทำถวาย ส่วนมนุษย์โลกก็จะทำบุญตักบาตร นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้บูชา ความนี้เมื่อรู้ถึงพญานาคที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้จัดทำ “บั้งไฟพญานาค” และจุดเฉลิมฉลองเช่นกัน และได้กลายมาเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้