07/11/2016
#อ่างขางของพ่อ #เดินตามเส้นทางของพ่อกันนะคะ
#บริการด้วยใจ
มาเที่ยวกันเยอะๆนะคะ☺️😘
Chill Guide : เคยสงสัยกันบ้างมั้ย ว่าในโลกนี้จะมีคนทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นมาทั้งชีวิตจริงๆโดยไม่คำนึงถึงตัวเองจริงๆน่ะเหรอ ? คำตอบคือ “มีค่ะ” ที่สำคัญคือทำมาอย่างยาวนานถึง 70 ปีเลยด้วย…. พูดมาแบบนี้ หลายคนคงพอนึกออกแล้วใช่มั้ยว่าเรากำลังพูดถึง ‘ พ่อ ‘ พ่อที่ไม่ได้มีลูกเพียงคนหรือสองคน แต่พ่อมีลูกถึง 70 ล้านคน ตั้งแต่อายุ 19 ปี พ่อที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกอยู่ดี กินดี และมีความสุข เพราะเมื่อไหร่ที่ลูกมีความสุข พ่อก็จะสุขยิ่งกว่า วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเดินตามรอยพ่อกันที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จ.เชียงใหม่ สถานีวิจัยแห่งแรกของมูลนิธิโครงการหลวงของกันค่ะ….
เที่ยวตามโครงการหลวงของพ่อต่อได้ที่ : http://www.chillpainai.com/scoop/7946
Day 1 :
เอาจริง ตอนที่รู้ว่าตัวเองต้องไปอ่างขางก็ยังรู้สึกเฉยๆนะ เพราะพอพูดถึงคำว่า “อ่างขาง” ความคิดแรกของหลายคนคงเป็นสวนดอกไม้สถานที่สวยๆสำหรับถ่ายรูปที่เต็มไปด้วยไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์
วันแรกของเราจึงหมดไปกับการสำรวจสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วยการ ‘เดินเท้า’ เดินทางที่พ่อเคยเดินสมัย 40 กว่าปีที่แล้วนั่นแหละ โชคดีที่อากาศเย็นสบาย ได้รับฝนหลวงโปรยปรายลงมาให้ชื่นฉ่ำเล็กๆ แถมทุกคนยังพกกำลังใจมาเต็มเปี่ยม แม้จะต้องเดินวนรอบสถานีเกษตรหลวงฯตั้งแต่สวน ๘o สวนบอนไซ แปลงสาธิตพืชผักผลไม้ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และอีกสารพัดแปลง ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น ก็ไม่มีใครปริปากบ่นให้ได้ยินสักคำ
อิ่มท้องจากมื้อเย็น เราเข้านอนด้วยความอิ่มใจที่ลานกางเต็นท์ม่อนสน สถานที่กางเต็นท์ยอดนิยมบนดอยอ่างขาง มองลงไปเห็นอำเภอฝางอยู่ไกลลิบๆท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขาน้อยใหญ่ เงยหน้ามองบนฟ้าก็เจอหมู่ดาว หน้าจอไอโฟนบอกสภาพอากาศไว้ 16 องศา พ่วงด้วยควันหมูกะทะที่ลอยตามลมมาฉิวๆให้ท้องหิวยามดึก ไหนจะได้เจอเพื่อนใหม่อีกหลายคน ช่างเป็นวันที่มีความสุขซะจริ๊งงงง ~
Day 2 :
หลังจากหมอกหนามาเคาะประตูถึงหน้าเต็นท์ จนพระอาทิตย์ต้องหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่หลังเมฆ เม็ดฝนก็พากันโปรยปรายลงมาแต่เช้า วันนี้พวกเรามีแพลนเดินป่าบนเส้นทางตามรอยพ่อ ซึ่งเป็นเส้นทางจริงที่พ่อใช้เดินเมื่อปี 2517 หรือเมื่อ 42 ปีก่อน มาถึงจุดหมายแรกฝนก็หยุดตกพอดีอย่างกับรู้ใจ เป็นสัญญาณให้เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีเกษตรฯไปยังเป้าหมายอย่างแปลงไร่ชา 2000 ซึ่งรวมคร่าวๆแล้วเป็นระยะทางประมาณกิโลเมตรกว่า มีล้มลุกคลุกคลานกันบ้างตามประสาคนไม่ชินทาง เลอะเทอะกันไปไม่ใช่น้อย แต่หากลองมองย้อนกลับไปว่าเมื่อก่อนที่พ่อมา เส้นทางจะลำบากกว่านี้ขนาดไหน ทางที่รกรุงรังเป็นป่าเขา ไร้ซึ่งถนนหนทางที่ใครๆก็บอกเราว่าจุดที่เรากำลังยืนอยู่นี้มันดีกว่าเดิมมาก เรากลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด รู้แค่ว่า นี่คือ ' ทางของพ่อ ' ทางที่พ่อเคยเดิน มันก็อิ่มใจและมีแรงฮึดแบบบอกไม่ถูก
แวะทานมื้อกลางวันเติมพลังที่ไร่ชาในบรรยากาศดีต่อใจแบบหาที่ไหนไม่ได้อีก ช็อปปิ้งผ้าทอของชาวบ้านอีกนิดหน่อย ก็ออกเดินทางไปที่หมู่บ้านนอแล ของชาวเขาเผ่าปะหล่องกันต่อ นอกจากจะมีชาวบ้านน่ารักและเป็นมิตรแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวสุดขอบชายแดนรอยต่อของประเทศไทย-พม่าด้วยล่ะ จากบ้านนอแล รถตู้ของพวกเราวิ่งตรงมายังบ้านขอบด้ง หมู่บ้านชาวเขาแห่งแรกที่พ่อของเราเสด็จมาหา ผลผลิตขึ้นชื่อของที่นี่เป็นเจ้าสตรอว์เบอรี่ลูกโตสีแดง ที่ปลูกไล่ระดับกันเป็นแปลงวงกลมสวยงาม
และแน่นอนว่า ไม่พลาดที่จะส่งท้ายคืนนี้ที่อ่างขางด้วยการยกโขยงออกไปหาของอร่อยยามค่ำคืน ให้ความสัมพันธ์ของพวกเราได้ใกล้ชิดกันขึ้นอีกนิด เพื่อที่กลับจากทริปนี้เราคงมีเรื่องสนุกให้ได้คิดถึงกันอีกนาน
Day 3 :
ในไม่ช้าวันนี้ก็มาถึง เวลา 3 วัน 2 คืนช่างรวดเร็วจนยังไม่อยากกลับเลย เก็บข้าวของบอกลาอ่างขางเรียบร้อย หลับยาวๆกันเมาโค้ง ลืมตามาอีกทีตัวเองก็มาอยู่ที่พิพิธพัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง) เป็นสถานที่สุดท้ายของทริปแล้วจ้า เดินดูรายละเอียดและประวัติความเป็นมาต่างๆ พร้อมการช็อปปิ้งสินค้าดอยคำ แบรนด์น้ำมะเขือเทศชื่อดังของสาวๆ จนกระเป๋าแทบจะต้องซื้อน้ำหนักเพิ่ม คราวนี้ล่ะถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายของจริง
สุดท้ายแล้ว เราอยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งเบื่อเลยนะ หากทริปนี้มีจะแต่ต้นไม้ใบหญ้า เพราะถ้าหากไม่ใช่ต้นไม้ที่พ่อปลูกแล้ว เราก็คงไม่มีอ่างขางที่สวยงามชวนให้เราตกหลุมรักได้อย่างทุกวันนี้ จะไม่รู้เลยว่าเวลาสั้นๆที่ทำให้เรารู้จักคำว่า หัวใจพองโตจนคับอกมันเป็นยังไง….
ขอบคุณโครงการดีๆจาก #เครือข่ายสานต่อที่พ่อทำ #เดินทางพ่อ