โบสถ์คริสตจักรเก่าแก่ Chiesa Santa Maria del Sasso แลนด์มาร์คและจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยม ตั้งอยู่เหนือหลังคาสีสนิมของหมู่บ้านในเมืองเก่า Morcote ที่ติดริมฝั่งทะเลสาบ Lugano รอบโบสถ์มีอาณาเขตกว้าง โบสถ์ด้านหน้าเปิดให้เข้าชมและยังใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในปัจจุบัน ระฆังโบสถ์ที่ดูทรงพลัง ยังคงตี บอกเวลาอยู่เหนือยอดหอคอยสูง พื้นที่บางส่วนเป็นสุสานเก่า มีทางบันไดดินเดินขึ้นยอดเขา ไม่ไกลจากโบสถ์มีซากปรักหักพังของปราสาทเก่าโบราณ Castello di Morcote มีเส้นทางสำหรับรถยนต์ ขับขึ้นมาชมได้
#บริการรถเช่าพร้อมคนขับและไกด์คนไทย
#rentcarwithdriver
ทริปนี้เดินเล่นคนเดียวค่ะ ไม่ไกลจากบ้าน เดินมาประมาณ 15 นาที ก็ถึงเมืองเก่าที่ติดอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ Lugano บริเวณนี้มีท่าเรือโดยสารร้านค้าร้านอาหารตั้งยาวเรียงบริเวณถนนชายฝั่ง ตรอกซอยในบริเวณเมืองเก่า เป็นทางแคบปูด้วยหินจัตุรัสตลอดเส้นทาง ตัวอาคารด้านนอกสูงตระหง่าน เป็นตึกโบราณเก่าแก่ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ ส่วนตัวอาคารด้านในก็คงปรับปรุงใหม่ตามสมัย แล้วแต่รสนิยมของผู้อยู่อาศัย เดินตามตรอกซอกซอยเล็กๆนี้แล้วให้ความรู้สึกเหมือนเดินต้องมนต์สะกดอยู่ในตรอกไดแอกอนในหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ 😆
#บริการรถเช่าพร้อมคนขับและไกด์คนไทย
#rentcarwithdriver
ขับเรือชมวิวชายแดนของสองประเทศในทะเลสาบ Lugano ขับผ่านท่าเรือโดยสารเมือง Morcote ตามกฎแล้วเรือส่วนตัว ไม่อนุญาตให้วิ่งใกล้ฝั่ง และจำกัดความเร็วเหมือนรถยนต์ (Speed limit no wake ) ผ่านเขตชุมชนไปแล้ว ซิ่งได้ค่ะ ขับลอดใต้สะพาน Melide causeway ที่รถยนต์ใช้ข้ามชายแดนระหว่างเมือง Lugano ของสวิสและเมือง Como ของอิตาลี ศิลปะและ สถาปัตยกรรมที่นี่คล้ายคลึงกันมาก อาหารส่วนใหญ่เป็นสไตล์อิตาเลี่ยน ภาษาที่ใช้ สวิส-อิตาลี
#บริการรถเช่าพร้อมคนขับและไกด์คนไทย
#rentcarwithdriver
Morcote เมืองที่ถูกโหวตให้เป็นเมืองที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 2016 เมืองนี้อยู่ทางตอนใต้ของประเทศ มีทะเลสาบลูกาโน่เป็นพรมแดนสวิส-อิตาลี่
สวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭 ดินแดนแสนสงบ คำนี้คงใช้ไม่ได้กับงานระดับโลกนี้ 🌎
😎 ประมาณกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี ในเมืองซูริค ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคม งานประจำปีที่เรียกว่า สตรีทพาเหรด 🎶 🥁 🎸 music festival ที่หอบเอาผู้คนจากทั่วทั้งยุโรปมารวมตัวกันเพื่อสร้างสีสันความบันเทิง มีขบวนรถที่ติดตั้งดนตรีเทคโน เครื่องเสียงดังแสบแก้วหูกระหึ่มไปทั่วเมือง พร้อมคอสตูมหลากหลายตระการตา กลับมา Rock เมืองซูริคอีกครั้งแล้วค่ะ
แม่น้ำไรน์ หนึ่งในแม่น้ำสายหลักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอลป์ ไหลมารวมเป็นสายน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป คือ Rheinfall ไหลผ่านพรมแดนอีกหลายประเทศ เช่น สวิส เยอรมัน ฮอล์แลนด์ แล้วไหลออกสู่ทะเลเหนือ ในช่วงหน้าร้อน ผู้คนจะมาเล่นน้ำคลายร้อน และอีกหนึ่งความสนุกบนแม่น้ำสายนี้คือ go with the flow เรียกว่าไหลไปตามน้ำนั่นล่ะค่ะ ต่างจากเล่นน้ำในทะเลสาบ เพราะสายน้ำในแม่น้ำจะไหลไม่หยุดนิ่ง ต้องเตรียมถุงกันน้ำใส่ผ้าแห้งไว้เปลี่ยน เผื่อนั่งรถเมล์กลับบ้านในกรณีที่ไหลไปไกลเดินกลับไม่ไหว ส้มเลือกเล่นอยู่แถวบ้าน แบบไม่ไกลมากประมาณ 5 กิโล เอาแบบพอแบกของเดินกลับบ้านไหว
เหมือนได้เล่น ไบกีฬาเลยค่ะ เดินจนเหงื่อซึมแล้วลอยคอแช่น้ำต่อเลยค่ะ
ต่อมอะดรีนาลีนพลุ่งพล่านอีกแล้วค่ะ เดินข้ามสะพานแขวนลวดสลิงที่ทอดยาวผ่านสายลำธารเกรเชอร์ มีแกว่งและเหวี่ยงบ้างตามแรงเดิน ยิ่งสูงยิ่งสวยไม่น่ากลัวหรอกค่ะ แต่แกรี่ขอยืนอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆที่ปลายสะพาน 😆 ปลายสะพานติดกับภูเขา มีร้านอาหารเล็กๆตั้งอยู่ เหมาะสำหรับนักเดินเขาที่ hiking ลงมาพักเหนื่อยแวะหาอะไรกินระหว่างทาง ส้มเห็นนักปั่นบางคนจูงจักรยานข้ามสะพานนี้มาอีกฝั่ง สะพานนี้เป็นของเอกชนส่วนบุคคล สุดปลายทางสะพานจึงมีกล่องสำหรับหยอดเหรียญเป็นค่าข้าม ราคาแล้วแต่เรา ชำระพอเป็นค่าธรรมเนียม
ลองฟังเสียงดนตรีจากกระดึงอันใหญ่ ที่สวมอยู่ใต้คอน้องวัวอารมณ์ดีกันค่ะ นักประพันธ์แห่งหุบเขาอัลไพน์ น้องวัวเค้าฉลาดมากค่ะ พอถึงเวลากลับบ้าน ก็จะพากันเดินรวมกลุ่มกลับไปที่โรงเลี้ยงบนเขาเอง คอกใครคอกมัน เกษตรกรไม่ต้องมาตามกลับ อยากรู้จริงๆ เค้าสอนน้องวัวกันยังไงนะ ?!?
ขับรถบนเขาที่ถนนแคบชันบางช่วงเป็นโค้งหักศอก แคบจนรถที่ขับสวนมา ต้องหาที่จอดตามไหล่เขาเพื่อให้อีกคันไปก่อน ส้มว่าขับรถบนนี้ก็ยากแล้ว แต่ตัดหญ้าบนเขานี่สิ น่าจะยากกว่า เกษตรกรที่นี่น่าทึ่งจริงๆค่ะ รัฐบาลสวิสให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องตัดหญ้าบนเขาด้วยค่ะ ขับลงเขามาจนถึงสะพานแขวนเหล็กที่ทำจากลวดสลิง ต่อมอะดรีนาลินก็เริ่มกระตุกอีกรอบ สะพานมีโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรงค่ะ แต่กว้างพอแค่ให้เดินต่อแถวข้ามไปได้ทีละคน สะพานที่ทอดยาวนี้มีลำธารเกรเช่อร์ที่แห้งขอดอยู่ด้านล่าง ตื่นเต้นดีค่ะ สะพานก็แกว่งซะจนมื้อเช้าที่เพิ่งกินมาเกือบพุ่งไปรวมกับสายลำธาร 😆
ดอกไม้ป่าคล้ายดอกฝ้ายนี่สวยจริงๆค่ะ ร่วงโรยเกือบหมดแล้ว คงเห็นบานอยู่บ้างในทางเดินหุบเขา ถ้ามาในช่วงที่เค้าบานเต็มทุ่งที่ขึ้นแซมหญ้าเขียวสด หุบเขานี้คงเหมือนกับสวรรค์บนดิน