23/05/2022
: สาวไทยบินกลับไทยในรอบ 2 ปี โพสต์โดนค่าปรับภาษีสินค้า Brandname ที่สนามบินสุวรรณภูมิ กว่า 54,000 บาท
สาวไทยรายหนึ่ง ได้โพสต์เตือนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นที่เธอโดนค่าปรับภาษีสินค้า Brandname กว่า 54,000 บาท ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 20 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ว่า
❌กรมศุลกากร สุวรรณภูมิ❌
ตอนแรกว่าจะไม่พิมแต่ว่ามีคนถามเข้ามาเยอะมาก
และ เราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดกับคนอื่น เพราะมันแย่มาก
เมื่อวานเป็นวันแรกที่กลับเข้าไทย ในรอบ 2 ปี
ที่เหนื่อยมาก ลงเครื่องเวลาประมาณ 13.30 ไทย
เดินลงมาตรวจ QR code ปกติ และผ่านด่านเข้าเมืองจนมาหยิบกระเป๋า ก็ปกติไม่มีอะไร เมื่อวานคนเยอะมากมีทั้งคนไทย และ นักท่องเที่ยวมาพอสมควร
พอหยิบกระเป๋าเสร็จเดินมาที่กรมศุลกากร
แฟนเข็นรถที่มีกระเป๋า ลาก 3 ใบ
ส่วนเรา เข้นรถมามีแต่กระเป๋าถือ 2 ใบ
ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่านไม่ทันไร มีคนมาดึงเราทันที
ทั้งแฟนและเรา เขาบอกให้เอากระเป๋าสแกนให้หมด
เรากับแฟนนำกระเป๋าให้เขาสแกน
จากนั้นเขาก็เรียกเรากับแฟน เข้าห้องทันที
มีเจ้าหน้าที่พาเข้าห้องหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามากัน ประมาณ 8-9 คน
แฟนกับเราตกใจมาก ทำไมต้องมากันเยอะขนาดนี้
พวกเจ้าหน้าที่ เริ่มเปิดค้นกระเป๋าทีละใบอย่างละเอียด
เน้นว่า! อย่างละเอียด พวกของกินเขาไม่ยุ่งเลย
ไม่ว่าจะเป็นพวกวิตามิน หรือของฝาก โสม
เจ้าหน้าที่ดูแล้วผ่านๆ ไม่ถามอะไรมาก
แต่ … ชิ้นไหนที่เป็น แบนรดเนมจะเอามาแยกโต๊ะทันที
ในห้องนั้นมี 2 โต๊ะ อามรณ์เป็นห้องตรวจค้น
P.2 ❌
เจ้าหน้าที่แยกของที่เป็นแบนรดเนม ได้แก่ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หมวก แว่นตากันแดด แว่นสายตา กระเป๋าตังค กางเกง และ ที่เราช้อตที่สุดคือ
ให้เราถอด เครื่องประดับทั้งหมด เราตกใจเลยถาม “ทำไมต้องถอดหมดเลย”
เจ้าหน้าที่ผู้ชาย บอกว่า ถอดออกมาเช้คครับ
เราก็ถอดกำไล และ สร้อยคอ เขายังบอกว่า ต่างหูด้วย แหวนด้วย พอถอดออกมาหมดแล้ว ก็พาเข้าอีกห้อง
เพื่อค้นร่างกาย ทั้งเราและแฟนโดนกระทำแบบนี้ทั้ง 2 คน และมีการบอกว่าไม่ให้บันทึกภาพอะไรทั้งนั้น
P.3 ❌
หลังจากที่เราถอดของออกจากตัวหมด เขาก็ทำการตรวจว่าของแต่ละชิ้นมีมูลค่าเท่าไร
โดยไม่สนว่าชิ้นนั้น ใช้แล้วหรือไม่ โดยเราอธิบายว่าของทุกชิ้นใช้แล้ว เรามีหลักฐาน ยกเว้น รองเท้า 2 คู่
1 คู่เพิ่งซื้อที่ดิวตี้ฟรีเกาหลีไม่ใช่ของเรา แฟนเราซื้อให้น้องสาวแฟนเรา (ซึ่งมีหลักฐานการคุยว่ารองเท้าคู่นั่นซื้อให้น้องสาวจริงๆ)
อีกคู่ของใหม่แต่ทำส้นแล้ว จะเอามาใช้ที่ไทย ของทุกชิ้นเราอธิบายหมดแล้ว มีหลักฐานการใช้
แม้กระทั่งเสื้อผ้า มีการซักแห้งมาแล้ว มีกลิ่นน้ำยาหมด กางเกง gucci ของแฟน นางหวงเลยใส่กล่องมา ก็มีหลักฐานว่าใส่แล้ว ไม่เชื่อก้ลองดม ( แล้วมีคนหนึ่ง ดมจริง )
P.4 ❌
สักพักนึงเจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกว่า
“ ของที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจะถูกยึดนะคะ “
เราตกใจมากแล้วถามเจ้าหน้าที่ “ ทำไมต้องยึดค่ะ ทำอะไรผิด ใช้ของแบนรดเนมไม่ได้เลยหรือค่ะ “
เจ้าหน้าที่บอกว่า “ใช้ได้ แต่ต้องเสียภาษี คุณไม่ทราบหรือว่า ของติดตัวเข้าประเทศได้ทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท “
เราบอกว่า “ แต่ดิฉันมาในฐานะนักท่องเที่ยวแล้วก็ไม่ได้อยู่ประเทศไทยด้วย มาเที่ยวไทยแล้วก็กลับของทุกชิ้นก็กลับพร้อมดิฉัน แฟนดิฉันก็ไม่ได้เป็นคนไทยทำไมต้องเสียภาษีให้
P.5 ❌
ตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่ฟังเหตุผล และบอกว่าถ้าเราไม่ยอมให้ยึด จะติดแบล็คลิสไม่สามารถเข้าประเทศได้อีก
เราไม่ยอมจึงปรึกษาทางพี่ๆของเรา เพราะดูแล้วเหตุการณ์แบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นมาก
สักพักหนึ่งทางเจ้าหน้าที่อีกคน (มันมีหลายคนมาก เพราะในห้องมาเกือบ 10 คนได้) เดินมาบอกว่า “ เอางี้ถ้าชิ้นไหนมีหลักฐานการใช้แล้ว พี่จะยอมปล่อยไป แต่ถ้าชิ้นไหนไม่มีหลักฐาน จะถูกคิดภาษี
ปรากฏว่ากระเป๋า chanel เพิ่งเอามาใช้ กับ รองเท้าอีก 2 คู่ และเสื้อคลุม Gucci เพิ่งใช้ไปไม่มีรูปถ่ายมาก่อน เลยโดนภาษีไป เกือบ 7 หมื่นบาท
P.6 ❌
ยังไงก็จะคิดภาษีกับแฟนเราให้ได้ เพราะรองเท้าอีกคู่นั่น แฟนเราซื้อด้วยตัวเอง ซึ่งแฟนเราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
โดยอัตตราการคิดภาษี
กระเป๋า 20 % (+vat 7% ) รวม 27 %
ส่วนรองเท้าและเสื้อผ้า 30% (+vat7%) = 37%
ในตอนนั้นเราก็ยังไม่ยอม จึงยืนรอจนกระทั่ง 3 ชม
มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มมา เขาลดหย่อนจนเหลือ 54,000 บาท
สรุปแล้ว ❌❌❌
ต่อไปนี้ใครจะใส่แบนรดเนมต้องระวัง เพราะเขาคงจะจ้องคุณตั้งแต่ลงเครื่องแล้ว หลักฐานต้องมี ต้องแน่น มีการมาบอกเราด้วย พี่จับมากี่หลายราย พี่รู้ทุกแบนร์ด ดิฉันไม่ใช่แม่ค้า ดิฉันใช้เอง ไม่คิดจะปกปิดอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญ คุณไม่มีสิทธิ์มาคิดภาษีกับชาวต่างชาติ มันเสียความรู้สึกมาก
หากกฏข้อไหน ที่บอกให้ชาวต่างชาติห้ามนำแบนรด เนมเข้าประเทศ รบกวนช่วยแจ้งที่ค่ะ เพราะที่ประเทศเกาหลีเขาไม่ทำแบบนี้
หากคุณซื้อของดิวตี้ฟรีไทยแล้วมาเที่ยวเกาหลี
คุณไม่อยากเสียภาษีเอาของเข้าประเทศ ก็ให้ฝากที่สนามบินอินชอน ขากลับคุณค่อยไปเบิกเอา โดยมีค่าฝากเท่านั้น
ที่มาข่าว : https://www.facebook.com/100004021989428/posts/2668515166625857/?d=n
#ท่องเที่ยว #ข่าว