07/05/2023
เดินทางด้วยสายการบิน Thai vietjet ความบำบากที่ไม่มี online checkin และ ที่นั่งพิเศษที่จะเร่งเวลาในการเช็คอินน์เผื่อเวลาๆต่อคิวแถวงูขดไปมาให้นานๆ
นั่งเครื่องขาไปราว4ชม ออกตอน 9:30 แต่ถึงบ่ายสามครึ่ง แนะนำให้จัดอาหารบนเครื่องไปสัก1 ข้าวหน้าไก่เทริยากิโอเคอยู่ ลงเครื่องเข้าสู่พิธีศุลกากรตามปกติ โดยที่ไม่ได้ตั้งเช็ควัคซีนแล้วตั้งแต่29 เมษา
ญี่ปุ่นไม่ให้เอาอาหารเข้าประเทศละโดยจะมีน้องหมามาเดินดมกระเป๋า น้องแม่นด้วยนะ เจอก็จะโดนนำไปทิ้งซึ่งก็แนะนำว่าไม่ต้องเอาเข้ามาหรอก มาหาของอร่อยๆกินดีกว่า
การเดินทางจริงๆที่สะดวกอาจจะเป็นการเช่ารถขับเพราะสถานที่ในเมืองโคตรไกล แบบไม่สะดวกะการรอรถมีความคล้ายไต้หวันที่ต้องนั่งบัสไปเที่ยว แล้วก็จะลำบากกับการแวะเที่ยวระหว่างทาง ถ้าจะเริ่มลองเช่ารถขับที่นี่น่าจะเหมาะ ขับขวาเหมือนบ้านเรา ทางดี มีที่จอดรถ
วันแรกเแว้บบบบไปเดินถนนคนเดิน จริงๆน่าจะบอกว่าเป็นถนนสายช้อปปิ้งหลักแห่งเดียวของเมืองนาฮะ แถวนั้นถ้าใครสายห้าง จะมีห้างใหญ่ให้แวะกับ citiy hall และ art museum แต่เราร้านค้าท้องถิ่นจ่ะ เมืองนี้ของกินขึ้นชื่อก็จะมีไอติมมันม่วง และแน่นอนไอติมบลูซีล มันจะฮิตอะไรกันขนาดนั้นก็ไม่รู้ ถ้าใครจะลอง แนะนำ salt sea สักอย่างเราว่าดีกับแนวมะนาว สับปะรด มะม่วง นี่ก็มีของกินของฝากจากสามอย่างนี้ทุกจุดที่ไป ส่วนของคาวที่เก๋ได๋คงเป็นเต้าหู้ถั่วลิสง กับหูหมู สแปมแฮมกระป๋อง และมะระ ส่วนเครื่องดื่มก็ต้องเบียร์ Orion ละนี่คือของฮิตบ้านเค้า มาต้องกินนะฮะ
จากนั้นก็ไปทานอาหารเย็น เข้าโรงแรมนอน เราพักที่โนโวเทล นาฮะ โรงแรมไกลออกไปสักหน่อย แต่ข้อดีคือห้องกว้างแบบกระเป๋าสองใบแผ่สบายๆ มีโซฟา และโต๊ะเก้าอี้ได้1ชุด แลกกับการต้องเสียค่าไปตลาดตอนเย็นรายวัน คุ้มมั้ยแล้วแต่แต่ละคนพิจารณา
วันที่สอง วันนี้เป็นวันกิจกรรม เริ่มด้วยผาหัวช้าง หรือมันซาโมะ รถจากโรงแรมใช้เวลาเกือบชม ดูวิวสองข้างทางไม่ทันเบื่อ ที่ผาทำทางให้เดินเป็นวนรอบ ถ้าเจอจุดไหนก็ถ่ายให้จบแล้วค่อยไปต่อ นอกจากตัวหินหัวช้าง หินน็อต ก็จะมีพวกดอกไม้และผีเสื้อให้ดูด้วย ใช้เวลาไม่น่าเกินชม ก็จบละ เราขับรถเลาะริมทะเลไปเรื่อยจะไปถึงอควาเรียมในตำนานที่อดีตเคยมีฉลามวาฬคู่เป็นจุดขาย แต่น้องผู้หญิงกลับดาวปลาไปละ น้องผู้ชายนามว่าจินตะ จึงเป็น play maker ของแท็งค์นี้คนเดียว ในปี 2023 น้องเป็นเจ้าของสถิติอยู่ในแท็งนานสุดถึง24ปี และคงยังดำเนินไปเรื่อยไม่รู้จะดีใจกับน้องดีไหม
อควาเรียมที่นี่มีพาร์คและส่วนจัดแสดงหลายส่วน โชว์โลมายักษ์ และด้านนอกไม่เสียค่าเข้าชมแค่ใครมาและตะไม่เข้าไปเจอจินตะคงไม่มี เส้นทางด้านในมีหลายส่วนการจัดแสดง มีทิศทางการเดินชัดเจน การใช้เวลาคงแล้วแต่แต่ละคนเลย เราแนะนำว่าถ้ามาช่วงเที่ยง จะมีโชว์ให้อาหารน้องจินตะ พร้อมกับเราสามารถนั่งกินข้าวริมตู้ หม่ำข้าวไปพร้อมกับน้องได้ ที่นั่งริมกระจกจ่ายเพิ่ม500เยน ทางนี้ว่าคุ้มเอาเหอะถ้าเวลามี
ผ่านจุดนี้ก็จะยังมีส่วนจัดแสดงเล็กน้อยก่อนจะมาร้านขายของที่ระลึก ตรงนั้นมีอาหารขายเล็กๆ มีฟู้ดทรัคด้านนอน ช่วงที่ไปมีการให้ถ่ายรูปฟรี และมีรูปเราแปะมาบนปฎิทิน อันนี้ฟรีและมี option พริ้นใหญ่ ใส่กรอบอีกหลายอย่างแต่อย่างเราของฟรีขอบคุณค่ะ
ก่อนจะถึงเวลาโลมาโชว์ สามารถแวะทานอะไรง่ายๆได้โชว์รอบเราบ่ายโมง น้องน่ารักและตัวโตมากถ้าเทียบกับหลายที่ๆเคยไปมา จากนั้น 13:30 มีโชว์ให้อาหารด้วย ออกจากอคาเรี่ยม ทางกลับมีหมู่บ้านอเมริกันให้แวะ แต่ทางนี้เลือกไปช้อปได้ของมา1กรุบ แล้วแวะไปดุ sun เกือบจะ set และ runway ที่มีเครื่องขึ้นลงประมาณนึง Umikaji terrace เราว่าสวยจากไกลๆมาเดินถ่ายรูปใกล้เราว่าเฉยๆ ร้านส่วนมากแนวคาเฟ่ มีร้านแพนเค้กที่คนเยอะรอไม่ไหวอดชิม
จากคาเฟ่ไปจบที่ถนนคนเดิน วันนี้เลือกร้านกินดื่ม อาหารราคาดีมีค่านั่งคนละ 350 เยน ร้านแนวนี้หลายร้านรับแต่เงินสด จริงๆนอกจาก food truck และร้านข้างทางแล้วรับบัตรได้หมด ร้านเหล้าก็รับแหละแต่ชาร์จ5%เตรียมเงินสดมาหน่อยร่าจะดี เรากินซูชิ ปู และ เนื้อ เครื่องดื่ม2ดริ้งค์ เสียหายไปเกือบสองพันบาท ก็โอเคสบายๆ
ถนนช้อปปิ้ง ร้านขายของแทบจะเหมือนกันทุกร้าน ถ้าชอบร้านไหนแนะนำก็จบไปเลยในร้านเดียวจะได้ tax free สบายๆ ส่วนอาหาร แทบไม่เจอร้านซูชิ แบบซูชิฟๆตรงกันข้ามร้านเนื้อๆ เสต็ก88 เจ้าเก่า ชาบู ปิ้งย่าง กลับหาได้ทั่วไป สายเนื้อน่าจะถูกใจ ความที่ร้านซ้ำๆถ้าไม่ได้จะเดินดูบรรยากาศที่ถนนยาวๆเกือบ2โลเลือกเดินเที่ยวบางช่วงก็ได้ บนถนนนี้มี Starbucks กับ Matsumoto ที่ปิดไวเหลือเกินอยู่ด้วยมาแวะได้ อีกอย่างที่ไม่ไกลถ้าใครอยู่ในเมืองควรมาตลาดปลา ตลาดปลาที่นี่ห้าโมงคือปิดแล้วมาเช้าถึงบ่ายๆน่าจะดีกว่า
การเดินทางในเมือง คมนาคมหลักถ้าไม่ขับรถก็รถเมล์ Novotel มีป้ายหน้าโรงแรม นั่งไปตลาด 240 แต่หากท่านมาเกิน2คน จับแท็กซี่โลด เพราะน่าจะแค่560-1000เยน คันนึง4คนคุ้มกว่าไปรถเมล์ อีกอย่างที่น่าลองคือโมโนเรล 19สถานีให้นั่งเที่ยว ดูสะดวกดี มีday pass ขายแต่ถ้าไม่ได้นั่งไปไกลๆอย่างอควาเรียมแค่เที่ยวในเมืองเกรงว่าจะไม่คุ้ม3000เยน
ร้านค้าปิดราว3ทุ่มแต่ถ้าพี่จะดื่มก็ยาวๆไป ความปลอดภัยหายห่วง
วันที่3เริ่มต้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ด้วยการไป former Japan Navy head quarter ฐานทัพของทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ที่ต่อสู้กับทหารอเมริกันที่ยกพลขึ้นบกที่โอกินาวา แนวว่าภูเขาทั้งลูกเจาะพรุนเป็นทางเดินเหมือนบ้านตัวตุ่นข้างใน ค่อนข้างลึกและแคบในยุคสมัยนั้น น่าจะขุดโหดมากกับแรงงานคนและจอบปลายแหลมที่ใช้ขุดขุดขุดและขุด สงครามโหดร้ายเสมอหวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้กันอีก
จากฐานทัพก็ขยับไปละลายทรัพย์ที่ outlet ร้านค้าเยอะพอสมควร มีร้านอาหารอยู่โซนลานจอดรถ ร้านแรกเป็นแนวฝรั่ง คนเยอะคิวยาว เราเลยไปจบร้านบุฟเฟต์หัวละราวๆ1800เยน แต่เบียร์บุฟเฟต์จ้า ถ้ากินจริงจังไม่ต้องไปไหนต่อละ ไม่ได้สอบถามว่าเวลากินนานเท่าไหร่แต่เราก็จบในเวลาชั่วโมงนิด ตับเทริยากิอร่อยมากกกก และไอติมดีทุกตัว
รอกจากสองร้านนี้ก็มี Starbucks ให้แวะซื้อ ตรงกลางโซนตึกสองชั้น มีฟู้ดทรัคแต่ไม่แน่ใจวามีตลอดไหม และชั้นสองมีร้านราเมน กับอีกร้านจำไม่ได้ละว่าขายอะไร ของกินน่าจะมีประมาณนี้ให้ฝากท้อง
ในส่วนการซื้อของถ้าเดินราวๆ80%อย่าง เราใช้เวลาราว 5-6ชม นี่ไม่ได้มีการนั่งแวะใดๆลุยไปยาวๆ ก็สามารถเอา1วันมาทิ้งที่นี่ได้เลย ของที่นี่อาจจะไม่ทันสมัย ไม่แฟชั่นจ๋า ตามสไตล์คนท้องถิ่น ถ้าจะมาหารองเท้ารุ่นใหม่ๆหน่อยก็จะไม่ค่อยเจอ
มื้อเย็นเราขอมาลองชาบู ร้านนี่อยู่ไม่ไกล Starbucks นักเป็นชาบูที่ไม่เหมือนที่เคยกินมา เป็นสไตล์ริวกิวแท้100% อย่างแรกสั่งอาหารต้องคนละเซ็ตจะมาแบ่งกันไม่ได้ ทั้งร้านมี3 set หมู4อย่าง หมู4อย่างกะเนื้อ หมู2อย่างกับเนื้อพรีเมี่ยม เราเลือกสองเซ็ตแรกมาอย่างละชุด การทาน หม้อที่มาจะแยกน้ำหมูเนื้อชัดเจน ห้ามปะปน พนักงานเสริฟย้ำขั้นตอนการกินอย่างจริงจังมาก ผักต้มกะหมู เนื้อแยกช่อง พอเริ่มจะมีอาหารเรียกน้ำย่อยสามอย่าง มาเปิด เต้าหู้ฟักทอง ซุปมันฝรั่ง และ ขนมจีบ เปิดมาไม่รู้จะชาติไหน ทานจบถึงนะเสริฟพวกเนื้อสัตว์ เนื้อมาพร้อมกับผักสวยงาม น้ำจิ้มพอนสึของเนื้อ เครื่องจิ้มสามอย่าง เกลือชมพู วาซาบิดอง มิโสะ และ สาหร่ายพวกองุ่น1จาน นี่งงไปพักว่ามันจะกินร่วมกันยังไง
น้องพนักงานมาสาธิตว่าให้ตักซุปนิดหน่อยใส่ถ้วยไว้ จากนั้นลวกหมู น้องแกนับเลขเลยลงจุ่มแล้วนับ1ถึง6 หมูยังชมพูแล้วเอามาใส่ถ้วยพอเจอซุป หมูจะเย็นลงม้วนห่อสาหร่ายเติมเครื่องจิ้มตามชอบแล้วใส่ปาก อย่างนุ่ม พวกผักนางก็สั่งอันนี้10นาที อันนี้ 1นาที อันนี้ห้ามลวกกกกกกให้กินสดเท่านั้น ต้องบอกว่าหมูอร่อยทุกส่วน เนื้อตามมาตรฐาน
จบจากเนื้อยังมีเส้นตามมาจบ แล้วตบด้วยไอติมค่าเสียหายเกือบสี่พันบาทไทยสบายใจ กลับห้องนอนตบพุงอวบๆสบายใจ
วันสุดท้ายของทริป วันนี้ออกแต่เช้าไปเที่ยวปราสาทซูริที่น่าเสียดายเหลือเกินมรดกไฟไหม้ไปปี2019 ประตูด้านนอกหรือสวนยังเยี่ยมชมได้ แต่ตัวปราสาทหมดกัน เดินชมตาวๆชั่วโมงจากที่จอดรถใต้ดินจนถึงสุดทางจุดชมวิว ปราสาทใกล้ที่พักมากใช้เวลาไม่ถึง10นาที
จากนั้นไปต่อที่โอกินาวาเวิร์ล ถ้ำขนาดใหญ่ที่ด้านในคดเคี้ยวใช้ได้เลย ทำทางเดินดี เดินง่ายไม่หลงทาง ด้านนอกยังมีสวนงู การโชว์กลอง หมู่บ้านวัฒนธรรมชาวริวกิวให้ดู ถ้ามีเด็กน่าจะชอบการระบายสีตุ๊กตาปี่เซี้ยะ
เรากินข้าวที่โอกินาวาเวิร์ลเลย เป็นร้านแนวบุฟเฟต์อาหารไม่โดนมากแต่เอาสะดวกๆไว้ก่อน จากนั้นไป โรงงานแก้ว ที่มี rainbow street ให้ถ่ายรูป ของค่อนข้างราคาสูง ถ้าไม่แพงก็พวกงานเวียดนามแทน จากตรงนี้ขับรถอีกไมเกิน40นาที ก็สนามบิน
ไฟลท์ที่เรานั่งคือ Thai viet jet พูดเลยว่าคนไทยทั้งลำไม่มีอย่างอื่นแนะนำว่าถ้ามาถึงแล้วแถวขดเป็นงูอาจจะไม่ต้องรีบมากนั่งรถเถอะ เพราะข้างในไม่มีอะไรทำ ไม่มีร้าน คือก็มีร้านของฝาก2-3ร้านจบละ ไม่มีพวกRoyce หรืออะไรที่สนามบินอื่นมี ถ้าจะซื้อตรงก่อนเข้า security เหมือนจะดูดีกว่า ฉะนั้นช้อปให้จบแพคให้เรียบร้อยก่อนมาเถอะ จบความประทับใจเท่านี้