อินโดนีเซีย

30/05/2013

30/05/2013

อินโดนีเซียจะตั้งกองทัพไซเบอร์จัดการกับแฮกเกอร์

กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียเตรียมจัดตั้งกองทัพไซเบอร์เพื่อจัดการกับ กลุ่มนักเจาะระบบ (แฮกเกอร์) ที่มักโจมตีเว็บท่าและเว็บไซต์ของทางการ อันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ

อธิบดีกรมศักยภาพความมั่นคง กระทรวงกลาโหม เผยว่า กระทรวงจะเสนอร่างกฎหมายจัดตั้งกองทัพไซเบอร์ เนื่องจากปัจจุบันมีเพียงกฎหมายกำกับดูแลข่าวสารและธุรกรรมออนไลน์สำหรับ พลเรือนเท่านั้นที่ใช้ปราบปรามอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ ซึ่งกำหนดโทษปรับสูงสุด 1,000 ล้านรูเปียห์ (ราว 3 ล้านบาท)

อธิบดีเผยว่า กองทัพไซเบอร์จะประกอบด้วยทหารที่ได้รับการฝึกฝนเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นพิเศษ เพื่อให้มีทักษะและเทคนิคในการป้องกันอาชญากรรมโลกไซเบอร์ หน่วยงานแบบนี้มีแล้วในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซียกล่าวว่า การก่อตั้งกองทัพไซเบอร์จะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากกระทรวงโทร คมนาคมและข่าวสารเพราะมีทั้งอุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญ ทหารสังกัดกองทัพไซเบอร์จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยการฝังตัวอยู่ในสามเหล่าทัพ

ด้านกระทรวงโทรคมนาคมและข่าวสารเผยว่า เว็บไซต์หน่วยงานรัฐบาลถูกโจมตีมากกว่า 36.6 ล้านครั้งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงเองมีแผนจะตั้งระบบที่เรียกว่าความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติเพื่อปกป้อง เว็บไซต์หน่วยงานของรัฐ โดยได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานหลายแห่งรวมทั้งกองทัพด้วย.-สำนักข่าวไทย

30/05/2013

อินโดนีเซียสั่งลดเสียงลำโพงตามมัสยิดทั่วประเทศลง
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2556 เวลา 21:18 น.

สภามัสยิดอินโดนีเซีย สั่งให้มัสยิด 800,000 แห่งทั่วประเทศ ลดเสียงของเครื่องกระจายเสียง ที่ใช้ในกิจกรรมทางศาสนาในแต่ละวันลง หลังจากมีผู้ร้องเรียนจำนวนมากว่าไปรบกวนประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับมัสยิด
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ว่า สภามัสยิดอินโดนีเซีย เปิดเผยวันนี้ว่า มัสยิดประมาณ 800,000 แห่งทั่วอินโดนีเซีย ได้รับคำสั่งให้ลดเสียงลำโพงที่ใช้กระจายเสียงในมัสยิดแต่ละแห่งลง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการเคลื่อนไหวที่อาจจะช่วยผ่อนคลายเสียงดังที่รบกวนประชาชนหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ใกล้มัสยิด ทั้งนี้ มัสยิดทั้ง 800,000 แห่งในอินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรเป็นชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก ส่วนใหญ่ก็ใช้การกระจายเสียงผ่านเครื่องกระจายเสียง เพื่อเรียกให้ชาวมุสลิมมาประกอบพิธีทางศาสนา เช่นทำพิธีละหมาด และเปิดบทสวดของศาสนา ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังมากในแต่ละช่วงเวลา

ทางสภามัสยิดอินโดนีเซีย จึงได้ขอให้มัสยิดแต่ละแห่งจำกัดการใช้เครื่องกระจายเสียงลง หลังจาก มีประชาชนร้องเรียนจำนวนมากว่า เสียงดังกล่าวไปรบกวนประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้มัสยิด

30/05/2013

อีกแล้ว !! Galaxy S3 ไหม้ขณะชาร์จ
อีกแล้ว !! Galaxy S3 ไหม้ขณะชาร์จ ... ปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์มือถือมักถูกพูดถึงอยู่เสมอว่าคุณภาพในการผลิตนั้นมันได้มาตรฐานอย่างที่อวดอ้างกันไว้จริงหรือ ? ยิ่งหลายๆครั้งเรามักจะพบข่าวโทรศัพท์มือถือระเบิดบ้าง เกิดการลุกไหม้บ้างซึ่งมันเคยเกิดขึ้นกับทั้ง iPhone และ Samsung มาแล้วด้วย และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งที่คราวนี้โทรศัพท์มือถือรุ่นที่โชคดีได้แก่ Samsung Galaxy S3 ที่ไม่รู้นึกอย่างไรไหม้มันซะเฉยๆขณะชาร์จ !!!

เหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในต่างประเทศเมื่อผู้ใช้รายหนึ่งได้ชาร์จ Samsung Galaxy S3 ไว้บนเตียงนอนในช่วงกลางคืนก่อนจะเข้านอน แต่แล้วกลางดึกกับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ในขณะที่ตัวเขานอนหลับก็ได้กลิ่นไหม้ เมื่อตื่นขึ้นมาเขาพบว่ากำลังมีควันลอยออกมาจาก Galaxy S3 แล้วค่อยๆลุกเป็นไฟ เขาจึงตัดสินใช้แก้วที่มีน้ำอยู่รีบราดบนโทรศัพท์มือถือที่กำลังลุกไหม้ก่อนที่มันจะลามไปส่วนอื่นๆของเตียงนอน นับว่าโชคดีมากที่การไหม้ดังกล่าวไม่ลุกไหม้ที่เตียงด้วย แต่ก็ทำให้บริเวณปลายเตียงมีคราบดำติดอยู่เท่านั้น หลังจากทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เข้าได้แกะฝาหลังออกมาดูพบว่าแบตเตอรี่ที่ไหม้นั้นมีลักษณะบวมขึ้นอย่างมาก



จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนของ Samsung ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดขึ้นเพราะเหตุใด และคุณลองคิดดูสิหากมันเกิดขึ้นขณะคุยโทรศัพท์อยู่จะเป็นอย่างไร ??

30/05/2013

SpokeDark.TV | เจาะข่าวตื้น โมเมพาเพลิน คลิปวีดีโอ คลิปดารา คลิปเด็ดๆ คลิปข่าว ดูทีวี คลิปตลก...

หลากหลายวิธีการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้เราเก่งการเรียน เซียนการงาน อย่างมืออาชีพ

วันที่: 29 พฤษภาคม 2013
หมวดหมู่: บทความไอที 24 ชั่วโมง, เทคโนโลยี
ป้ายคำ: it24hrs, mktmag, nbtc, nuishow, Thailand Mobile expo 2013 hi-end, Tme2013, กทค., กสทช., คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, ครอบครัวข่าว3, จอห์น วิญญู, ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต, พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์, สมาร์ทโฟน, สัมมนา, หนุ่ย, อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย, เก่งการเรียน เซียนการงาน, เจาะข่าวตื้น, เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า, เป๊บเปอร์, แท็บเล็ต, โทรศัพท์มือถือ, ไอที24ชั่วโมง


เนื้อหาจากงานสัมมนา “เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า” หัวข้อ : เก่งการเรียน เซียนการงาน ด้วยเทคโนโลยี 24 ชั่วโมง มีคำแนะนำเพื่อให้เราเก่งการเรียน เซียนการงาน อย่างมืออาชีพ โดยนำไอที และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเรียน และการทำงาน ได้อย่างชาญฉลาด




งานสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับคำแนะนำจาก ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต ผู้ช่วยรองประธานกลุ่มธุรกิจเว็บพอลเทล และพัฒนาธุรกิจ บริษัท สนุกออนไลน์ จำกัด (Sanook.com) อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย (นักพูด, นักจัดรายการ, นักการตลาดชื่อดัง , อาจารย์, commentator ใน SME ตีแตก) และคุณหนุ่ย พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ (พิธีกรไอทีรุ่นบุกเบิก ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการกว่า 14 ปี) ดุเดือดเผ็ดมันด้วยพิธีกร จอห์น วิญญู จากรายการโทรทัศน์ทางอินเตอร์เน็ต “www.spokedark.tv”

คุณหนุ่ยบอกว่า ตอนนี้รูปแบบของการขายซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เปลี่ยนไป จากเดิมที่ขายเป็นกล่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนมาเป็นการคิดค่าบริการเช่ารายปี เพราะตอนนี้เป็นยุค Mobile Office คนไม่ได้ทำงานอยู่แต่ในสำนักงาน ที่บ้าน บนอุปกรณ์พกพาต่างๆก็สามารถทำงานได้ ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีง่ายขึ้น และคุณหนุ่ย เสนอว่า เราควรเปลี่ยนคำว่า “เล่น” เป็นจริงจังเสียที เพราะเราใช้คำว่า “เล่นเน็ต” “เล่น Facebook” “เล่นมือถือ” แต่เราควรจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ มาใช้ให้เป็นประโยชน์กับเรา เราต้องเป็นนายมัน ไม่ใช่ให้มันเล่นเรา



ดร.เป็บเปอร์บอกว่า บางท่านยังกลัวเทคโนโลยี ยังจดเบอร์โทรศัพท์ไว้ในสมุด แล้วกดเลขโทรบนมือถือ คนมักมองว่าเทคโนโลยีใช้ยาก สิ่งที่สำคัญคือ ต้องกล้าเรียนรู้เทคโนโลยี อย่าไปกลัว และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา นอกจากนี้ จุดเปลี่ยนของการกล้าใช้เทคโนโลยี คือแท็ปเล็ต ทุกวันนี้ ทุกคนเพศทุกวัย สูงอายุก็ใช้แท็ปเล็ต เรียนรู้ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก ง่ายกว่าการคลิกเม้าส์ เรียนรู้ได้ไม่ยาก และทำให้ไม่กลัวที่ใช้จะงาน

เมื่อไอทีอยู่ใกล้ตัว ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับไอทีมากขึ้น นำเทคโนโลยี มาช่วยในการเรียน การทำงานได้มากขึ้น อ.ธันยวัชร์ บอกว่า Social Network ในปัจจุบัน ก่อให้เกิด Micro Celeb ได้ เพราะการสร้างตัวตน สร้างแบรนด์ของตนเองผ่าน YouTube, Facebook, Twitter, Instagram

ตอนนี้มีคนขายสินค้าบน LINE, Instagram, Facebook เยอะขึ้นมาก สร้างโอกาสในการขยายธุรกิจ เราสามารถนำเทคโนโลยีใกล้ตัวมาช่วยในการทำงานและการเรียนได้ ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการค้นคว้า การค้นหาข้อมูลผ่าน search engine คือการเรียนรู้



คุณหนุ่ย แนะนำ Office 365 ซอฟต์แวร์สำนักงานของแท้ จัดเก็บค่าบริการเป็นรายปี หรือราย 4 ปี ทำงานบน cloud ประมวลผลบน browser ได้ สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน สามารถใช้ Office 365 Home Premium ใช้ได้ 5 เครื่อง ได้ความจุ SkyDrive เพิ่ม 3 เท่า และได้ใช้ Sykpe ฟรี 60 นาทีต่อเดือน ส่วนนักเรียน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ใช้งานได้ 4 ปี นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานร่วมกันหลายคนผ่าน SharePoint แชร์เอกสาร แก้ไขเอกสารร่วมกัน ทำงานกลุ่มได้จากที่บ้าน โดยไม่ต้องเดินทาง นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เหมาะสม

การนำซอฟต์แวร์และ cloud มาใช้ เป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการเรียน การทำงาน ลดต้นทุน เคยมีใครคิดไหมว่า การประชุม conference ประหยัดค่าเดินทาง ค่าน้ำมันได้เท่าไหร ตรงนี้มีส่วนช่วยในการลดขั้นตอน ลดการเสียเวลา ลดการซ้ำซ้อน ทำให้เราทำงานและเรียนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เนื้อหาที่น่าสนใจในงานสัมมนานี้ บอกเล่าถึงตัวอย่างการใช้เทคโนโลยี ในการทำงาน และการเรียน คือการค้นหาข้อมูล การใช้ Social Network หานำเสนอเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ การนำความน่าสนใจของเทคโนโลยี มาใช้กับการทำงาน ตอนนี้แทบไม่มีช่องว่างระหว่างวัย เพราะเด็ก และผู้ใหญ่ เรียนรู้ไปด้วยกัน พร้อมๆกัน บนเทคโนโลยีเดียวกัน

นอกจากนี้ ในงานยังได้พูดคุยเรื่องการแข่งขันในยุค AEC ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การเตรียมความพร้อมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ทันกับประเทศเพื่อนบ้าน และการก้าวพัฒนาเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและไอที

เจาะข่าวตื้น โมเมพาเพลิน คลิปวีดีโอ คลิปดารา คลิปเด็ดๆ คลิปข่าว ดูทีวี คลิปตลก คลิปสนุก คลิปขำขำ

30/05/2013

มองรอบด้านปัญหาอีคอมเมิร์ซ ทำไมต้องมี "ไทยแบล็กลิสต์"

Prev1 of 1Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 28 พ.ค. 2556 เวลา 12:30:15 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ปฏิเสธ ไม่ได้ว่าในยุคปัจจุบัน "ออนไลน์" เป็นช่องทางใหม่ที่มีความสำคัญมากขึ้นทุกที เพราะไม่เพียงสะดวก ง่าย และเข้าถึงลูกค้าได้ไร้พรมแดนแล้ว เทียบช่องทางอื่นต้นทุนยังต่ำกว่าด้วยเพิ่มโอกาสให้คนตัวเล็ก ไม่น่าแปลกที่ใครต่อใครจะสนใจธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ยิ่งมีการเปิดระบบโทรศัพท์มือถือ 3G คลื่น 2.1 GHz ด้วยแล้ว ยิ่งผลักดันให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โลกไม่ได้มีด้านที่สวยงามด้านเดียว เช่นกันกับบทบาทของผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร "ตลาดดอทคอม-ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ" "ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสพูดคุยกับเขาในบทบาทของนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ไทย ดังต่อไปนี้

- ภาพรวมอีคอมเมิร์ซไทยยังเป็นขาขึ้น

ใน ภาพรวมกำลังโต แต่ในความเป็นจริงผู้ที่ใช้อีคอมเมิร์ซมี 25 ล้านคน หรือ 30% ของคนทั้งประเทศ ถือว่าน้อยมาก ขณะที่ความเชื่อมั่นและศรัทธาในธุรกิจนี้ยังมีไม่มาก จากปัญหาต่าง ๆ เช่น การโกง, การได้รับสินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่ตรงตามที่สั่งไป และเปลี่ยนแปลงสินค้าไม่ได้ เป็นต้น

เมื่อเกิดปัญหาไม่มีหน่วยงาน ไหนที่ลงมากำกับดูแลชัดเจน แม้จะมีหน่วยงานเกี่ยวข้องมากมาย เช่น ไอซีที กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรม

ส่งเสริมการส่งออก สำนักงานธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) การทำงานยังทับซ้อนกัน ไม่ชัดเจนว่าฝ่ายไหนควรจัดการหรือดูแลเรื่องใดโดยเฉพาะ ทำให้การทำงานล่าช้า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด

- กฎหมายด้านอีคอมเมิร์ซ

ประเทศ ไทยยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยตรง แต่มีที่ใช้ร่วมกันทางอ้อม คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ขณะนี้อยู่ในการทำประชาพิจารณ์เพื่อการปรับแก้ไข ให้ครอบคลุมและทันสมัยขึ้น ทั้งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งี่ดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และองค์การอาหารและยา หรือ อย.

เรื่องกฎเกณฑ์ข้อกำหนดที่จะออกมา กำกับดูแลเกี่ยวกับสินค้าไหนขายได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือขายแล้วจะละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ยังไม่มีตายตัว ส่วนใหญ่ออกมาหลังจากมีปัญหาแล้ว ความผิดเหล่านี้จึงจะมีการพิจารณาจากผู้ฟ้องร้อง โดยมีหลักฐานแจ้งมาเกี่ยวกับการขายสินค้าที่ไม่ควรขาย หรือขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทาง

ผู้ขายก็จะยกเลิกการขายสินค้าดัง กล่าวไป ในบางกรณีผู้ขายไม่ยอมหยุดขายสินค้าก็จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดี มองจริง ๆ ถ้ามีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมาย เสียภาษี และผู้ฟ้องไม่ได้รับสิทธิ์ในการขายแต่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่มีความผิด

- การแก้ปัญหา

หากโดนฉ้อโก้ง จากกรณีการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซ ควรแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมีหน้าที่ดูแลโดยตรง หากเป็นความผิดด้านคุณภาพ ลิขสิทธิ์เวชภัณฑ์ต่าง ๆ ก็เป็น สคบ. และ อย.

- สมาคมมีบทบาทอะไรบ้างในเรื่องนี้

ทาง สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยกำลังจัดทำบัญชีดำ หรือโครงการ "ไทยแบล็กลิสต์" เกี่ยวกับร้านค้าออนไลน์ที่ไม่น่าไว้ใจ เพื่อให้ผู้บริโภคและกลุ่มร้านค้าออนไลน์ด้วยกันทราบ แต่ยังคงติดปัญหาการศึกษาข้อกฎหมายว่าทำได้แค่ไหน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากไม่ระมัดระวังอาจโดนฟ้องร้องได้ ร้านค้าออนไลน์ที่อยากให้ผู้ซื้อมั่นใจมากขึ้น ก็ควรมีข้อมูลการซื้อขายที่เกิดขึ้นจริงมาโชว์ในหน้าแรกของเพจร้าน ระบุชื่อที่อยู่เบอร์โทร.จริงของเจ้าของร้าน เพื่อความแน่ใจของผู้ซื้อ ถ้ามีร้านก็ควรถ่ายหน้าร้านมาโชว์

- เรื่องภาษีอีคอมเมิร์ซ

ไม่ ใช่เรื่องใหม่ หรือมีการจ่ายภาษีที่แปลกกว่าการประกอบธุรกิจอื่น ที่มีปัญหา เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์ไม่ทราบว่าการขายของผ่านช่องทางนี้ต้อง เสียภาษี ซึ่งความเป็นจริงการประกอบกิจการใด ๆ เมื่อได้รับผลตอบแทนก็ต้องเสียภาษี คนที่กังวลว่าต้องเสียภาษีซ้อนกับที่ขายหน้าร้านก็อยากแนะนำให้ทำบัญชีรวม กันแล้วนำรายรับที่ได้ไปหักภาษี

การเสียภาษีไม่ได้ทำให้การประกอบกิจการธุรกิจอีคอมเมิร์ซแย่ลง ในต่าง ประเทศที่มีได้ยกเว้นภาษีอีคอมเมิร์ซก็มีที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเสียภาษีแตกต่างกันในแต่ละรัฐ ทำให้คิดภาษีโดยรวมลำบากจึงมีการยกเว้นภาษีส่วนนี้ แต่เข้าใจว่าปัจจุบันมีการเริ่มกลับมาเก็บภาษีอีกครั้ง

ผมเองก็เป็น ผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มองว่าเราไม่ใช่ขายของแล้วจะเอาแต่รายได้เข้าอย่างเดียว ควรเสียภาษีด้วย เป็นหน้าที่ที่ทุกคนควรทำ หากใครยังไม่มีความรู้เรื่องนี้ก็มาอบรมที่สมาคมจัดร่วมกับกรมสรรพากรเป็น ประจำได้ เช่นกันกับเรื่องกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ นั้นก็ต้องการมีการพัฒนาให้ทันสมัย และเหมาะกับสถานการณ์ให้มากขึ้น กฎหมายบางอย่างอาจเก่าเกินไปก็ควรมีการปรับแก้

- การเตรียมตัวสำหรับเออีซี

ในงานไทยแลนด์ออนไลน์เอ็กซ์โปที่จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทาง สพธอ.ได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เริ่มมีการนำมาใช้ใน
ต่าง ประเทศแล้ว เช่น e-Archive & record เป็นการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อช่วยในการบริหารจัดการเอกสารต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดพื้นที่และค่าใช้จ่ายในการจัดการเอกสาร และป้องกันการสูญหาย, e-Time stamping เป็นบริการประทับเวลาอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยตรวจสอบเวลาที่แน่นอนในการทำ สัญญา หรือข้อมูลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการใช้งานแล้วในอเมริกาและญี่ปุ่น หรือ e-Notary ที่ช่วยตรวจสอบสัญญาการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ก่อนทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อป้องกันการฉ้อโกง สพธอ.ยังมีความพยายามปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ และรองรับการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ให้ดีขึ้นด้วย

30/05/2013

กสทช.เผยผลทดสอบคุณภาพ 3จี เริ่มดีขึ้น หลังเปิดบริการ 3จี ใหม่ เอไอเอส-ทรูมูฟ แรงขึ้นเกือบเท่าตัว ขณะที่ดีแทคยังไม่เปิดบริการ

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวว่า ในภาพรวมหลังจากบริการโทรศัพท์เคลื่อนระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz หรือ 3G ใหม่ เปิดให้บริการคุณภาพสัญญาณเป็นไปในแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งบริการประเภทข้อมูล (Data) และบริการประเภทเสียง (Voice) โดยผลการตรวจสอบ ณ เซ็นทรัล พระราม 9 เป็นดังนี้

เครือข่าย AIS 3G 900 MHz (TH GSM) ก่อนการเปิดให้บริการ 3G ใหม่ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2556 ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลอยู่ที่ 1,218 kbps และเพิ่มขึ้นเป็น 2,235 kbps เมื่อตรวจสอบในวันที่ 25 พฤษภาคม 2556 ภายหลังการเปิดให้บริการ 3G ใหม่

ขณะที่เครือข่าย AIS 3G 2100 MHz หรือ AWN ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลภายหลังการเปิดให้บริการ 3G ใหม่ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2556 อยู่ที่ 2,522 kbps

เครือข่าย True Move H 3G 850 MHz ความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2556 อยู่ที่ 1,812 kbps และเพิ่มขึ้นเป็น 1,716 kbps เมื่อตรวจสอบในวันที่ 25 พฤษภาคม 2556 ภายหลังการเปิดให้บริการ 3G ใหม่ ส่วนเครือข่าย True Move H 3G 2100 MHz ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลภายหลังการเปิดให้บริการ 3G ใหม่ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2556 อยู่ที่ 3,496 kbps

ส่วน DTAC ยังไม่มีการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนระบบ 3G ใหม่ จึงยังไม่ได้นำเสนอข้อมูลในขณะนี้

เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอ และจะรายงานให้สาธารณชนรับทราบเป็นระยะๆ ขอให้ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มั่นใจว่า สำนักงาน กสทช. จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการการคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชน

Tags : 3จี • ฐากร ตัณฑสิทธิ์ • กสทช.

30/05/2013

WD ส่ง MY PASSPORT ULTRA ฮาร์ดไดรฟ์พกพาลงตลาด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2556 12:01 น.



WD ตามเทรนด์อัลตราบุ๊ก ส่งผลิตภัณฑ์ MY PASSPORT ULTRA ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพารุ่นล่าสุดลงตลาด ชูจุดขาย เข้ารหัสฮาร์ดแวร์และการป้องกันข้อมูลด้วยรหัสผ่าน มาพร้อมการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ที่รวดเร็วขึ้น มาพร้อมความจุแบบเต็มอิ่มตั้งแต่ขนาด 500 GB, 1 TB และรุ่นใหม่ 2 TB

จิม เวลช์ รองประธานฝ่ายบริหารและผู้จัดการทั่วไปผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบติดตั้งภายนอกและกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ของ WD กล่าวว่า ปัจจุบันโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่เริ่มมีขนาดที่บางลง ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญต่อดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบมากขึ้น WD บริษัทในเครือของเวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์เปอเรชั่น จึงได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพารุ่นล่าสุด My Passport Ultra ที่มีขนาดเล็กและบางลง ในขณะเดียวกันก็มีความจุที่เพิ่มมากขึ้น

My Passport Ultra มีจุดเด่นอยู่ที่การป้องกันข้อมูลให้มีความปลอดภัยสูงสุดด้วย SMARTWARE PRO และการสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ DROPBOX (คลาวด์สตอเรจ) อาศัยการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 ที่รวดเร็วขึ้น สามารถใช้เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเคลื่อนที่ด้วยความจุตั้งแต่ขนาด 500 GB, 1 TB และรุ่นใหม่ 2 TB นอกจากนี้ ภายนอกยังมีกระเป๋าช่วยเป็นเกราะกำบังการถูกกระแทกที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวันจากการใช้งานแบบเคลื่อนที่ตามสไตล์ผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ การเพิ่มซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล WD SmartWare™ Pro และการสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ รวมถึงการป้องกันด้วยรหัสผ่านสำหรับอินเตอร์เฟซที่รวดเร็วที่สุดดังกล่าวนี้ นอกจากจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการปกป้องข้อมูลการเข้าถึงฮาร์ดแวร์ไดรฟ์โดยไม่ได้รับอนุญาตได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจะได้รับทั้งความสะดวกสบายและสามารถแบ่งปัน แชร์ และปกป้องข้อมูลดิจิตอลส่วนตัวที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบพกพาความจุสูงได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม

30/05/2013

กูเกิลเตรียมส่งบอลลูนปล่อยไวไฟคลุมน่านฟ้าแอฟริกา-เอเชีย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Credit: Google
ภาพประกอบ

คาดยักษ์อินเทอร์เน็ตส่งบอลลูนลอยเหนือน่านฟ้าแอฟริกา-เอเชีย ปล่อยสัญญาณไวไฟ หนุนประชากรในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

รายงานข่าวจากเว็บไซต์ไวร์ (Wired) เผยว่า ยักษ์อินเทอร์เน็ตกำลังเตรียมแผนขยายเครือข่ายไร้สายเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลในประเทศ เช่น กลุ่มประเทศที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยใช้บอลลูนหรืออากาศยานลอยเหนือท้องฟ้าเป็นจุดปล่อยสัญญาณ

โดยเรียกวิธีการดังกล่าวว่า "ไฮ-อัลติจูด แพลตฟอร์ม (HAPs)" ซึ่งคาดว่าจะทำให้ประชากรนับพันล้านคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากสามารถกระจายสัญญาณเข้าถึงผู้คนในพื้นที่ระดับหลายร้อยตารางไมล์

ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า กูเกิลกำลังรุกเข้าสู่ธุรกิจมือถือในตลาดแอฟริกาและเอเชียเพื่อพยายามจะทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ โดยรายงานข่าวยังระบุอีกว่า เครือข่ายดังกล่าวจะเน้นให้บริการในพื้นที่นอกเมืองใหญ่ ซึ่งไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือบริการเข้าไม่ถึง

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการทำบอลลูนปล่อยสัญญาณไวไฟแล้ว กูเกิลก็ยังมีแผนจะพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมควบคู่ไปกับการทดสอบการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายในรูปแบบอื่นๆ

"ไม่มีเทคโนโลยีใดเพียงเทคโนโลยีเดียวที่เหมาะกับทุกๆกรณี" รายงานข่าวกล่าว

Tags : กูเกิล


ความคิดเห็นของข่าวนี้

30/05/2013

อินโดนีเซีย's cover photo

27/05/2013

ข่าวไอที ทิป เทคนิค คอมพิวเตอร์ มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค อินเทอร์เน็ต...

KidzStationsOutlet กลยุทธ์ค้าปลีกอินโดนีเซีย
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] Kidz Stations Outlet รูปแบบธุรกิจและกลยุทธ์ค้าปลีกจากอินโดนีเซียที่รุกเข้ามาทำตลาดในไทย เปิดตัวธุรกิจแรกด้วยการเจาะช่องว่างของตลาดของเล่นเด็ก หวังแชร์ส่วนแบ่งการตลาดกับเซ็นทรัลโดยตรง ด้วย 6 สาขาในปีแรก ชี้ปี 45 เตรียมบุกทุกตลาดสนองตอบทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
นายเจอร์ราร์ด แมคเกิร์ด ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ทีเอส ไลฟ์สไตล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินกิจการร้านคิดส์ สเตชั่น (KIDZ STATION) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการศึกษาตลาดและการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเล่นเด็กมาอย่างต่อเนื่องและใช้จังหวะนี้เปิดตัวธุรกิจภายใต้แบรนด์ คิดส์ สเตชั่น (Kidz Station Outlet) ร้านค้าของเล่นเด็กและกิจกรรมสำหรับเด็กในไทย

มุ่งเน้นสร้างความแตกต่างในสินค้าที่ หลากหลาย เทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ และยี่ห้อสินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาด ซึ่งภายในร้านจะมีทั้งหมด 11 กลุ่มสินค้า ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม อาทิ สินค้าสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Monsters,inc ของค่ายดิสนีย์

รวมถึง สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ คือ ไทเกอร์ และ Hasbro ถือเป็นจุดแข็งที่คู่แข่งไม่มีสินค้าจำหน่าย กว่า 70% เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ อีก 30% เป็นสินค้าภายในประเทศ ที่ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจาก ซัพพลายเออร์ 40 รายในไทย

การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในร้าน เป็นสินค้าพรีเมี่ยม หรือสินค้าระดับบน เนื่องจากการแข่งขันของตลาดระดับบนไม่รุนแรงมากนัก เพราะมีผู้ทำตลาดรายใหญ่เพียงรายเดียว คือกลุ่มเซ็นทรัล แต่บริษัทจะอาศัยจุดแข็งในการมีสาขาครอบคลุมพื้นที่มากกว่า ขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลเปิดร้านเฉพาะในห้างเซ็นทรัลเท่านั้น

รูปแบบของร้านคิดส์ สเตชั่น จะเน้นการขยายตัวตามห้างสรรพสินค้าที่มีกำลังซื้อสูงเป็นหลักทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าสยามดีสคัฟเวอรี่ พื้นที่ 520 ตร.ม.ใช้เงินลงทุนค่าสถานที่และค่าตกแต่งรวมทั้งสิ้น 4.5 ล้านบาท ส่วนแผนการลงทุนปีหน้า มีแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 6-8 แห่ง คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 6-8 พันบาทต่อ ตร.ม.ต่อเดือน ขึ้นกับทำเลและที่ตั้งของร้าน

นายองอาจ วิจิตรจิตเลิศ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า บริษัทเน้นกลยุทธ์การตลาดและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างแบรนด์ คิดส์ สเตชั่น ให้ติดตลาดให้เร็วที่สุด โดยใช้โปรแกรมการตลาดร่วมกับพันธมิตรในการสร้างฐานลูกค้า หรือจัดทำบัตรสมาชิกให้ส่วนลดและทำกิจกรรมร่วมกัน ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ร่วมมือกับแมคโดนัลด์ ธุรกิจเอนเตอร์เทนเม้นท์ อาทิ โรงภาพยนตร์ และธุรกิจการศึกษา

คาดว่าแผนการตลาดดังกล่าวช่วยให้คิดส์สเตชั่นจะมีฐานลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิก ปีแรก ประมาณ 1,000 คน โดยใช้งบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ เป็น 40% ของยอดขาย

โดยบริษัท ทีเอส ไลฟ์สไตล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการลงทุนและทำตลาดในไทย มีสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนไทย 51% อีก 49% เป็นนักลงทุนจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการขายผลิตภัณ์เด็กกว่า 30 สาขาในภูมิภาคเอเซีย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์เด็กในไทยมีข้อจำกัดด้านการผลิต การตลาด และมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งล้วนเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกของเล่นไทยด้วย ขณะเดียวกันก็มีสินค้ากลุ่มหนึ่งที่นำเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น

ข่าวไอที ,ทิป,เทคนิค,คอมพิวเตอร์,งานคอมมาร์ต,เทคโนโลยีล้ำสมัย,สมาร์ทโฟน,โทรศัพย์,มือถือ,อินเทอร์เน็ตทีวี โดย ARiP ข่าวไอที ทิป เทคนิค คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค อินเทอร์เน็ตทีวี แก็ดเจ็ต นิตยสารคอมพิวเตอร์ คอมมาร์ต|ARiP

27/05/2013

IO ITS | International Office ITS

อินโดนีเซียเปิดรับเข้าค่าย COMM TECH ให้เรียนรู้ IT - ศิลปะวัฒนธรรม

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยแจ้งว่า Sepuluh Nopember Institute of Technology (ITS) จะจัดกิจกรรมค่าย “Community and Technological (Comm TECH) Camp Highlight 2013”

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม – 3 กันยายน 2556 ณ เมืองสุราบายา ประเทศอินโดนีเซีย

โครงการนี้เปิดโอกาสให้นักศึกษา นักวิชาการและนักวิชาชีพในทุกสาขาวิชาจาก 40 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยเข้าร่วมกิจกรรม

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้ทั้งความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีของ ITS และ ร่วมกิจกรรมด้านวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย ได้แก่

- การเรียนภาษาอินโดนีเซีย


- ดนตรีและนาฏศิลป์พื้นบ้าน


- การพัฒนาชุมชน


- การเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และ


- กิจกรรมอื่นๆ ภายใต้ประเด็นหลัก “Solving Local Problems with Global Knowledge”


โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 1,500 เหรียญสหรัฐ



ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและดาวน์โหลดใบสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้–31 กรกฎาคม2556

หรือทางเว็บไซต์ www.international.its.ac.id

Institut Teknologi Sepuluh Nopember or ITS is a public university in Surabaya, East Java, Indonesia, focused in the higher education....

27/05/2013

‘ทรู’เดินแผนลงทุน ธุรกิจมือถือในพม่ารับ‘เออีซี’
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 00:00 น.

“ทรู” เสือปืนไววางแผนลุยธุรกิจมือถือในพม่ายื่นขอไลเซนส์ คาดชัดเจนในสิ้นปี พร้อมออกสมาร์ทโฟน ทรู บียอนด์ ทุ่มทุนดึง “เกิร์ล เจนเนอเรชั่น” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ หวังขายแสนเครื่องปีนี้ พร้อมบุกขายต่างประเทศ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า กลุ่มทรูเตรียมที่จะขยายการลงทุนไปในประเทศพม่า โดยเฉพาะการขอใบอนุญาต (ไลเซนส์) ในการประกอบธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และธุรกิจโทรทัศน์และเคเบิลทีวี จากรัฐบาลประเทศพม่า โดยอาจจะเป็นไปในลักษณะร่วมทุนกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น หรืออาจจะลงทุนเองทั้งหมด ซึ่งต้องรอดูกฎระเบียบของประเทศพม่า ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังสนใจขยายธุรกิจไปใน สปป.ลาวและกัมพูชาด้วย เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558

ล่าสุดได้เปิดตัวสมาร์ทดีไวซ์ภายใต้ยี่ห้อทรู บียอนด์ (TRUE BEYOND) คือ สมาร์ทโฟน 2 รุ่น และแท็บเล็ต 1 รุ่นซึ่งรองรับเครือข่าย 3จี และ4จี ได้วงเกิร์ล เจนเนอเรชั่น ศิลปินอันดับ 1 ของเกาหลีใต้มาเป็น แบรนด์ แอมบาสเดอร์ ให้พร้อมทั้งยังมีแอพพลิเคชั่นที่ได้ร่วมกับวงเกิร์ล เจนเนอเรชั่นพัฒนาให้กับกลุ่มลูกค้าได้ใช้งานด้วย โดยได้เตรียมงบทำตลาดไว้ 30 ล้านบาท ไม่รวมค่าตัวของวงเกิร์ล เจนเนอเรชั่น ซึ่งมีสัญญาว่าห้ามเปิดเผย ตั้งเป้าหมายมียอดขายทั้งสามรุ่นมากกว่า 1 แสนเครื่องภายในสิ้นปีนี้ และจะนำทรู บียอนด์ไปขายในต่างประเทศ รองรับตลาดเออีซีด้วย อย่างไรก็ตามช่วงแรกจะขายผ่านไอทรูมาร์ทที่เป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซก่อน

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรม การผู้จัดการ ธุรกิจโมบาย กล่าวว่า การได้พรีเซนเตอร์ระดับโลกอย่างเกิร์ล เจนเนอเรชั่น จะช่วยย้ำภาพลักษณ์ของทรูที่มีเทคโนโลยีระดับโลก และยังมีแอพพลิเคชั่นแบบเอ็กซ์คลูซีฟเกี่ยวกับเกิร์ล เจนเนอเรชั่น จะช่วยให้นักพัฒนาไทยตื่นตัวในการพัฒนาแอพในตลาดเมืองไทย นอกจากนี้ยังนำแอพพลิเคชั่นคาราโอเกะ everysing จากเกาหลีใต้มาไว้เป็นแอพพื้นฐานด้วย

สำหรับ แท็บเล็ต ทรู บียอนด์ จอสัมผัส 7 นิ้ว กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 เจลลี บีน รองรับไว-ไฟ ราคา 4,990 บาท สมาร์ทโฟนทรู บียอนด์ จอสัมผัสขนาด 5 นิ้ว กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 เจลลี บีน รองรับไว-ไฟ ราคา 6,590 บาท ส่วนสมาร์ทโฟนทรู บียอนด์ 4จี รองรับทั้งระบบ 3 จี และ 4 จี แอลทีอี หน้าจอสัมผัส กล้องหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ราคา 9,990 บาท ส่วนบริการหลังการขายสามารถเข้าทรูช้อป 200 กว่าสาขาทั่วประเทศได้.

20/04/2013

อินโดนีเซียวางแผนลดการอุดหนุนราคาพลังงาน ปั้นระบบไอทีจำกัดปริมาณการเติมน้ำมัน



สำนักข่าวจาการ์ตาโพสต์รายงานว่า อินโดนีเซียในฐานประเทศสมาชิกของกลุ่มโอเปก วางแผนที่จะจำกัดการใช้เงินอุดหนุนราคาขายน้ำมันเชื้อเพลิงโดยจะนำระบบไอทีเข้ามาใช้ในราวเดือนกรกฎคม 2556 นี้
ซึ่งระบบดังกล่าวจะจำกัดปริมาณการเติมน้ำมันของผู้ขับขี่ เช่น ผู้ขับขี่รถยนต์จะไม่สามารถเติมน้ำมันได้เกินกว่าวันละ 30 ลิตรเป็นต้น อย่างไรก็ตาม จะทดลองระบบเฉพาะในกรุงจาการ์ตาก่อน

ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทผู้ค้าน้ำมัน Pertamina กำลังพิจารณาว่าจะเลือกบริษัท Telekomunikasi Indonesia (Telkom) หรือบริษัท Industri Telekomunikasi Indonesia (INIT) เป็นผู้พัฒนาระบบดังกล่าว

รัฐบาลอินโดนีเซียเผชิญกับความยากลำบากในการจำกัดการให้เงินอุดหนุนราคาน้ำมันขายปลีก โดยในปีนี้รัฐบาลคาดว่าจะมีการใช้น้ำมันซึ่งได้รับการอุดหนุนประมาณ 48.39 ล้านกิโลลิตร สูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ว่าจะสามารถอุดหนุนราคาน้ำมันได้ที่ 46.01 ล้านกิโลลิตรเท่านั้น

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2013 เวลา 20:21 น. ปาจารีย์ พวงศรี ข่าวรายวัน - คอลัมน์ : ข่าวต่างประเทศ

20/04/2013

Viki.com

"viki.com" บุกตลาดไทย ตามไปดูคู่แข่ง "ยูทูบ"



ปัจจุบันการรับชม "วิดีโอสตรีมมิ่ง"หรือคลิปภาพเคลื่นไหวต่าง ๆบนโลกออนไลน์ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้น ๆ จนผู้ให้บริการบรอดแบนด์บางรายถึงกับต้องหาฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ระบบใหม่ ๆ มารองรับการใช้งานให้รวดเร็วและเสถียรมากขึ้น ที่ชัดเจนที่สุดไม่พ้น "ยูทูบ" เว็บไซต์วิดีโอสตรีมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตอนนี้ ด้วยจำนวนผู้ใช้งานผ่านหลักพันล้านต่อเดือนไปแล้ว คิดเป็นจำนวนชั่วโมงที่มีการดูวิดีโอบนยูทูบนานกว่า 4 พันล้านชั่วโมงต่อเดือนด้วย

แต่การรับชมไฟล์วิดีโอบน "ยูทูบ" บางทีก็มีปัญหากับคนใช้งานไม่น้อย เพราะไฟล์วิดีโอมีจำนวนมหาศาลทำให้เลือกไม่ถูกก็มี หรือบางครั้งตั้งใจจะดูบางเรื่องเมื่อค้นหาเจอกลับไม่มีเสียงภาษา หรือซับไตเติลท้องถิ่น

จากปัญหาทั้งหลายเหล่านั้น จุดประกายให้ "ราซมิก โอวาคฮิเมียน" สร้างเว็บไซต์ "วิกิ" (www.viki.com) ในปี 2554 ที่ผ่านมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการนำไฟล์วิดีโอบนยูทูบมาใส่ซับไตเติล ซึ่งเริ่มแรกมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปประกอบการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย ก่อนนำมาต่อยอดธุรกิจทำให้โปรเจ็กต์นี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนในซิลิกอน วัลเลย์ จนได้รับเงินสนับสนุนกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างเว็บจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้ มีคอนเทนต์ระดับโลกมากกว่า 1,500 ล้านคลิป และใส่ซับไตเติลไปกว่า 150 ภาษา กว่า 320 ล้านคำ รวมภาษาไทยด้วย

จำนวนผู้ใช้งานของ "viki" ปัจจุบัน หากดูจากจำนวนการลงทะเบียนมีมากกว่า 24 ล้านไอดี viki มีเนื้อหาที่แตกต่างจากยูทูบอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องรายการที่มีการอัพโหลดขึ้นไปบนเว็บ ส่วนใหญ่จะเป็นรายการที่ฉายในเวลาไพรมไทม์ เช่น ซีรีส์ เดอะ วอล์กกิ้ง เดด เป็นต้น รวมถึงรายการวาไรตี้ระดับโลกจากช่องโทรทัศน์ประจำประเทศนั้น ๆ

ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ "viki" ไปติดต่อซื้อไลเซนส์รายการต่าง ๆ ด้วยการใช้โมเดลทั้งแบบชำระค่าลิขสิทธิ์ก่อน หรือแบ่งรายได้จากค่าโฆษณาที่ขึ้นในหน้าวิดีโอนั้น

"เคนต์ ลู" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน viki.com อธิบายว่า มีทีมงานคอยติดต่อหาคอนเทนต์ต่าง ๆ ในประเทศ

เกาหลี, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ส่วนที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีการติดต่อกันโดยตลอด ทำให้เว็บไซต์มีวิดีโอระดับพรีเมี่ยมอัพเดตเป็นประจำ และในแต่ละครั้งที่ตกลงเซ็นสัญญาจะมีอายุ 2-3 ปี

ส่วนการแปลซับไตเติล เมื่อผู้ใช้ล็อกอินเข้ามาแปล ข้อมูลเหล่านี้จะมีระบบป้องกันอย่างดี โดยจะคงอยู่ในเว็บ viki ไม่สามารถนำออกไปใช้ทางการค้าอื่น ๆ ได้ ปัจจุบันมีช่อง SBS จากเกาหลี, TVB จากไต้หวัน เป็นต้น เป็นพาร์ตเนอร์

"เราค่อนข้างแตกต่างจากยูทูบชัดเจน ถึงแม้จะเป็นเว็บไซต์ที่รับชมวิดีโอเหมือนกัน แต่เรานิยามตัวเองเป็นเว็บไซต์ทีวีระดับโลกมากกว่า มีรายการระดับพรีเมี่ยม พร้อมจุดเด่นที่การมีเครื่องมือให้ใคร ๆ ก็ได้เข้ามาใส่ซับไตเติลให้วิดีโอนั้น ๆ ซึ่งยูทูบไม่มี ทำให้ค่าโฆษณาในเว็บเราสูงกว่ายูทูบ 5-10 เท่า มีค่าเฉลี่ยในการดูวิดีโอบนเว็บถึง 17 นาที แต่เรายังไม่มีแผนแบ่งรายได้ให้นักแปล เพราะมองว่าน่าจะแปลด้วยใจ ไม่ใช่หารายได้ สังเกตจากคนส่วนใหญ่ที่แปลจะเป็นแฟนคลับศิลปิน หรือชอบภาพยนตร์เรื่องนั้นจริง ๆ"

การเข้าชม viki ส่วนใหญ่จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา 44% รองลงมาเป็นอเมริกาใต้ 20%, เอเชีย-แปซิฟิก 17% และ 10% จากยุโรป กลุ่มที่เข้าชมเว็บไซต์เป็นผู้หญิงอายุ 18-35 ปี มีสัดส่วนถึง 75% และเร็ว ๆ นี้จะเพิ่มขึ้นชัดเจนจากการมีแอปพลิเคชั่นใหม่ และเว็บไซต์บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้การรับชมผ่านสมาร์ทดีไวซ์ทำได้สะดวกขึ้น คาดว่าจะทำให้ผู้ชมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งในโซนเอเชีย-แปซิฟิกจะใช้รูปแบบนี้กว่า 50%

สำหรับการทำตลาดในประเทศไทยภายในปีนี้ "viki" จะเข้าไปเจรจาธุรกิจกับช่องรายการ และผู้ผลิตคอนเทนต์หลายราย
ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มฟรีทีวีทั้ง 4 ช่องหลัก รวมถึงค่ายบันเทิงต่างๆ ทั้งแกรมมี่ และบริษัทอื่น ๆ ที่เป็นคนผลิตรายการ โดยในช่วงแรกเน้นไปที่รายการวาไรตี้, ข่าวซุบซิบบันเทิง, มิวสิกวิดีโอ และที่ลืมไม่ได้ก็คือละครไทย เพราะชาวไทยชอบดูคอนเทนต์ภาษาไทย 60-70%

อีกทั้งละครไทยยังมีแฟนคลับเป็นต่างชาติจำนวนมาก ถ้าได้ลิขสิทธิ์มาและต่อยอดด้วยการให้แฟนคลับเข้ามาแปลเป็นภาษาต่าง ๆ จะทำให้ขายโฆษณาได้มากขึ้นด้วย

"ถ้าเทียบรายได้ปีล่าสุด เราเติบโตกว่า 5 เท่า ปีนี้ก็อยากเติบโตในอัตรานี้ ดังนั้นการลงไปเน้นธุรกิจในพื้นที่ที่กำลังเติบโตช่วยได้มาก ตอนนี้มีคอนเทนต์ที่สามารถขายได้ทั่วโลก ทั้งรายการจากเกาหลี และการ์ตูนญี่ปุ่น มีแฟนคลับชัดเจนทั่วโลก เราตกลงเซ็นสัญญาเกือบทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อมีคนแปล รายการเหล่านี้ก็จะดูได้ทั่วโลก เพิ่มจำนวนผู้ชมพร้อมกับมูลค่าเว็บไซต์"

updated: 18 เม.ย 2556 เวลา 12:16:04 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Watch popular TV Shows, Movies, Music Videos for free online subtitled in over 100 languages by the largest fan community online.

20/04/2013

นักวิจัยพบว่า มนุษย์สายพันธุ์ที่มีร่างกายเล็ก ที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะฟลอเรสของอินโดนีเซียเมื่อ 1 หมื่นปีก่อน มีขนาดตัวเล็กลง เพราะการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมของเกาะที่มีอาหารจำกัด

ผลการศึกษากระดูกของมนุษย์ชนิดนี้ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า"ฮอบบิต" แสดงให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์ดังกล่าวจะมีรูปร่างแคระเช่นเดียวกับมนุษย์ในยุคโบราณกว่า โดยมนุษย์แคระอาศัยอยู่ร่วมสมัยกับมนุษย์โฮโมเซเปียน กระทั่งเมื่อ 12,000 ปีก่อน

ผลการสแกนกะโหลกของมนุษย์ดึกดำบรรพ์จากเกาะฟลอเรส บ่งบอกว่า มนุษย์สายพันธุ์นี้มีวิวัฒนาการที่ตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีสมองเล็กกว่าผลส้ม วัดปริมาตรได้ 426 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือแค่ประมาณ 1 ใน 3 ของมนุษย์โฮโมเซเปียนอย่างพวกเรา

นับตั้งแต่การค้นพบมนุษย์ โฮโม ฟลอเรไซเอนซิส (Homo floresiensis) ที่อาศัยอยู่บนเกาะฟลอเรสของอินโดนีเซีย เมื่อปี 2003 นักวิจัยยังคงไม่สามารถอธิบายได้ว่า ต้นกำเนิดของมนุษย์ที่มีความสูงเพียง 1 เมตร และมีสมองขนาดเล็กมาจากที่ใด

ก่อนหน้านี้มีการตั้งทฤษฎีว่า มนุษย์ฮอบบิตอาจเคยมีสมองและร่างกายที่ใหญ่เช่นเดียวกับมนุษย์ในเอเชียตะวันออก หรือมนุษย์โฮโม อิเร็กตัส แต่สมองเริ่มมีขนาดหดลง หลังจากมนุษย์โฮโม อิเร็กตัส ย้ายมายังเกาะฟลอเรส พวกเขาตัวแคระแกร็นลง เพราะการคัดเลือกตามธรรมชาติผ่านกระบวนการที่เรียกกันว่า กระบวนการแคระแกร็นของสิ่งมีชีวิตบนเกาะ (island dwarfism) แต่อีกหลายคนแย้งว่า ต่อให้เกิดจากการย่อขนาดลงตามวิวัฒนาการ ซึ่งพบโดยมากในสัตว์ที่อาศัยอยู่บนเกาะ ทฤษฎีนี้ก็ไม่อาจใช้อธิบายสมองที่มีขนาดเท่าลิงชิมแปนซีของฮอบบิต หรือราว 400 ซีซี คิดเป็น 1 ใน 3 ของขนาดสมองมนุษย์ยุคปัจจุบัน

รายงานซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the Royal Society B ระบุผลการสแกนกระโหลกของทีมนักวิจัย ที่นำโดย ดร.ยูสุเกะ ไคฟุ จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติโตเกียว แสดงให้เห็นสมองของมนุษย์ฮอบบิตที่มีขนาดใหญ่กว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้เล็กน้อย

นอกจากนั้น ดร.ไคฟุและคณะ ยังได้ทำการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบถึงสัดส่วนของสมองเทียบกับขนาดร่างกายมนุษย์ปัจจุบัน ซึ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่สมองของมนุษย์โฮโม อิเร็กตัส อาจหดตัวจนมีขนาดเท่ามนุษย์ฮอบบิต

ดร.ไคฟุกล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่า มนุษย์โฮโม อิเร็กตัส เป็นบรรพบุรษของโฮโม ฟลอเรไซเอนซิส แต่สิ่งที่ค้นพบคือ มีความเป็นไปได้ตามที่หลายคนเชื่อว่าสมองของโฮโม ฟลอเรไซเอนซิส เล็กเกินไปกว่าที่จะมีความสอดคล้องกับความเห็นที่ว่า นี่เป็นรูปแบบ"แคระ"ของมนุษย์โฮโม อิเร็กตัส