First Travel JAPAN

  • Home
  • First Travel JAPAN

First Travel JAPAN This is a communication page for tourist who want to make a trip to Japan or have gone there before,produced by Travel Agency in Japan,First Travel JAPAN.

08/08/2018

First Travel JAPAN

29/10/2017

【Tohoku in Winter】Ouchijuku
หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ โออูจิจูคุในจังหวัดฟูกุชิม่า(Fukushima)เมืองบนเส้นทางการค้าอาอิซุนิชิไคโดะ(Aizu-Nishi Kaido trade route) ซึ่งเชื่อมต่อเมืองอิซุกับนิกโก้ในช่วงสมัยเอโดะตั้งขนาบข้างถนนหลักที่มีชื่อว่าถนนชิโมสึเคะ (Shimotsuke) ถนนเส้นนี้เคยเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและการค้า เชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรไอสึ (Aizu city ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด Fukushima และจังหวัด Niigata) และเมืองImaichi จังหวัด Tochigi

ปัจจุบันนี้หมู่บ้าน Ouchijuku จำนวนประมาณ 50 หลัง ได้รับการฟื้นฟูและอนุรักษ์ให้มีความใกล้เคียงกับในสมัยในสมัยยุคเอโดะ จุดเด่นของหมู่บ้านนี้ ได้แก่ ทางน้ำไหลสองฝั่งถนนที่คั่นระหว่างบ้านและถนน น้ำใสมากและเป็นบ้านในยุคเอโดะถูกสร้างเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆเรียงรายกันสองฝั่งกินระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 40 – 50 หลัง

เมื่อ พ.ศ.2524 หมู่บ้านOuchiiukuได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ
หมู่บ้าน Ouchiiuku ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้คอยบริการซึ่งได้สัมผัสกลิ่นอายแบบโบราณดั้งเดิมบ้านสไตล์ญี่ปุ่น
ในฤดูร้อนเดือนกรกฎาคมมีเทศกาลHange ผู้ชายจะสวมชุดสีขาวและผ้าคลุมหัวสีดำ ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์จะมีเทศกาลหิมะโออุจิคุ มีโคมไฟมากมายส่องแสงทำให้หิมะสว่างไสวและน่าตื่นตาสวยงามมาก

การเข้าชม บ้านโออุจิจูคุ มะชินะมิ เท็นจิคัง
โออุจิจูคุ มะชินะมิ เท็นจิคัง บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านและเคยเป็นศูนย์กลางของแหล่งกลุ่มที่พัก ที่สำคัญ ที่นี่เคยถูกใช้เป็นที่รับรองที่พักให้กับโชกุนและขุนนางจากแคว้นต่างๆทั่วญี่ปุ่น และในปัจจุบันได้ปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็นศูนย์กลางให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้น มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณจำนวนหลายพันชิ้น ทำให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสบรรยากาศในอดีต
ค่าเข้าชม: 250 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 9:00-16:30
วันปิดทำการ: เปิดทุกวัน

การเดินทาง
โดยรถไฟ จาก Tokyo ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen ประมาณ 4 ชม. 40 นาทีเริ่มจากสถานี Ueno นั่ง Shinkansen Tohoku ไปลงสถานี Koriyama

จากสถานี Koriyama นั่งรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปสถานี Aizu-wakamatsu

จากสถานี Aizu-wakamatsu นั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen

แล้วนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาทีไปยังหมู่บ้านโออุจิจูคุ

line☃lee19820618
gmail☃[email protected]

15/10/2017

【Tohoku in Winter】Ginzan Onsen and Obanazawa Beef

Ginzan Onsen เมืองน้ำพุร้อนในภูเขาตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะ สร้างระหว่างไทโช (1912-1926) และโชวะ (1926-1989) ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่รอบเหมืองแร่เงินที่ได้ปรับปรุงและพัฒนา ถือได้ว่าเป็นเมืองออนเซนที่สวยงามที่สุดอีกที่หนึ่งในประเทศญี่ปุ่นและได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงด้วยห้องพักแบบเรียวกังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่เรียงรายตามสองข้างทางของแม่น้ำ ยังได้รับความนิยมถ่ายหนังถ่ายละครอีกด้วย

ซึ่งเรียวกังของที่นี่เป็นสไตล์ดั้งเดิม ที่เป็นอาคารไม้ 3-4 ชั้น ผสมผสานกับผนังปูนสีขาวสะอาดทำให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต เว้นเพียงแต่ฟูจิยะเรียวกัง(Fujiya ryokan) ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของเมือง เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ชื่อว่า Kuma Kengo ได้ออกแบบอาคารให้ทันสมัย เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีองค์ประกอบที่มีความดั้งเดิมซ่อนอยู่โดยใช้ไม้และพลาสเตอร์สีขาว

ใจกลางเมืองของเมืองนี้ ถนนแคบ และไม่มีที่สำหรับจอดรถ จึงจัดเป็นเขตเดินเท้า ทำให้เมืองแห่งนี้เงียบสงบมากขึ้นเนื่องจากไม่มีเสียงรถรบกวน โดยเฉพาะช่วงเย็น เรียวกังต่างเปิดไฟสีส้มสว่างด้วยตะเกียวก๊าซ และในฤดูหนาวทัศนียภาพก็จะดูสวยงามขึ้นด้วยหิมะตามทางเดินและหลังคาซึ่งเป็นสถานที่ ที่โรแมนติกมากๆในนยามค่ำคืน

ปัจจุบันมี 12 โมเต็ลในกินซังออนเซน โดยมี 10 แห่งไม่จำเป็นต้องพักที่โรงแรมเพื่อจะใช้ออนเซน และมี 5 แห่งที่มีออนเซนแบบเปิดโล่ง ค่าธรรมเนียมค่าเข้าอยู่ในช่วง 500-600 เยน มีเพียง 2 แห่งต้องพักที่โรงแรมถึงจะสามารถใช้ออนเซ็นได้และยังมีห้องอาบน้ำแบบเปิดโล่ง และยังมีห้องอาบน้ำสาธารณะเปิดให้บริการ 2 แห่ง (300-500 เยน) และบ่อออนเซนเท้า(ฟรี) ซึ่งตั้งอยู่รอบๆเมือง หนึ่งในห้องอาบน้ำออนเซน คือ ชิโรกาเนยุ(Shiroganeyu) ออกแบบโดยสถาปนิก Kuma Kengo และอีกแห่งหนึ่งคือ โอโมคาเกยุ(Omokageyu) เป็นห้องอาบน้ำแบบส่วนตัว(2,000 เยน/50 นาที) หรือสำหรับผู้ไม่ได้เข้าพักสามารถใช้บริการห้องอาบน้ำในเรียวกังได้ในช่วงกลางวัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 300-1,500 เยน ส่วนใหญ่จะเป็นห้องอาบน้ำในร่ม

น้ำพุร้อนที่นี่จะอุดมไปด้วยโซเดียมโฮโดรคาร์บอเนตและซัลเฟต ซึ่งดีต่อบาดแผล ไฟไหม้และ dermatopathic เรื้อรัง และเดียวกับ ภาวะหลอดเลือด โรคเกี่ยวกับประสาท ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ด้านหลังของเมืองนี้ยังมีน้ำตกสูง 22 เมตร ซึ่งที่ฐานของน้ำตกเคยเป็นหนึ่งในทางเข้าเหมืองเงินอีกด้วยโดยสร้างขึ้นมานานกว่า 500 ปี ซึ่งทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักในสมัยต้นเอโดะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าชมอุโมงค์ภายในได้ไกลประมาณ 20 เมตรเท่านั้น

อาหารขึ้นชื่อเมืองนี้ที่ห้ามพลาดคือเนื้อObanazawa ละลายในปาก ที่ขึ้นของเมืองYamagata, Japan

การเดินทาง

จากสถานี Oishida ของรถไฟสาย R Yamagata Shinkansen ให้ต่อรถบัส ใช้เวลา 40 นาทีและลงที่ป้าย Ginzan Onsen การเดินทางโดยรถยนต์ ให้ใช้ทางเชื่อม Furukawa IC, Yamagata Kita IC, Sendaimiyagi IC บนทางด่วน Tohoku expressway กรุณาอย่าใช้ถนนหมายเลข 29 จากมุระยามะเนื่องจากเป็นเส้นทางบนภูเขาที่แคบ

วิธีการเดินทาง
โดยสารรถไฟ

จาก Tokyo นั่ง JR Yamagata Shinkansen ไปลงที่ Oishida Station ใช้เวลา 200 นาที ค่าใช้จ่าย 12,000 เยน จากนั้นนั่งรถบัสไปยัง Ginzan Onsen ซึ่งบัสจะออกทุกๆ 60-90 นาที ใช้เวลา 35 นาที ค่าใช้จ่าย 710 เยน ตลอดเส้นทางสามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้ทั้งหมด หรือ JR East Pass สำหรับรถไฟเท่านั้น

ขับรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางโดยรถยนต์ ให้ใช้ทางเชื่อม Furukawa IC, Yamagata Kita IC, Sendaimiyagi IC บนทางด่วน Tohoku expressway กรุณาอย่าใช้ถนนหมายเลข 29 จากมุระยามะเนื่องจากเป็นเส้นทางบนภูเขาที่แคบ

การเช่ารถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกสบายที่สุด โดยสามารถหารถเช่าได้ที่ Yamagata Station, Murayama Station, Shinjo Station และ Yamagata Station หรือ Yamagat Airport

โดยสารเครื่องบิน

จาก Yamagata Airport โดยสารรถบัสไปยัง Ginzan Onsen(70-90 นาที 1,500 เยน)

line☃lee19820618
gmail☃[email protected]

08/10/2017

【Kanazawa in Winter】Higashichayagai and Nishichayagai and Kazukemachichayagai

Kanazawa เมืองที่มีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ในยุคอดีตและซึ่งสืบทอดมาถึงทุกวันนี้ ประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ผ่านมาของคานาซาว่า เป็นเมืองที่ไม่เคยได้รับผลกระทบจากสงคราม หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ อันร้ายแรง ร้านค้าและบ้านเรือนเรียงรายสองข้างทางนั้น ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบันแบบในอดีต โดยเฉพาะบริเวณย่านที่เรียกว่าฮิงาชิยาม่า เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างมาตั้งแต่ยุคเมจิตอนต้น และได้รับการเก็บรักษาให้คงสภาพสิ่งก่อสร้างแบบโบราณไว้จนถึงปัจจุบัน

ย่านฮิงาชิ ชายะ(Higashi Chaya District) เป็นถนนโรงน้ำชาในสมัยยุคเอโดะ ซึ่งตลอด 2 ข้างทาง จะเป็นเรือนไม้เก่าแก่ยังคงที่อนุรักษ์ไว้ มีอายุกว่า 200 ปี เป็นย่านที่ขึ้นชื่อของเกอิชาอีกย่านหนึ่ง ติด 1 ใน 3 ของที่ที่มีเกอิชาเดิน ย่านนี้มีตึกที่สวยงามและเก่าแก่ น่ามาเที่ยวอย่างยิ่งเป็นหนึ่งในย่านโรงน้ำชา และแหล่งผลิตชาชายะ ในสมัยเอโดะเป็นสถานบันเทิงให้แขกผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินไปกับการร้องเพลงและเต้นรำของเกอิชา นอกจากนี้ยังมีอีก 2 แห่งที่คล้ายคลึงกับที่นี่ ได้แก่ นิชิ ชายะ(Nishi Chaya) หมู่บ้านนิชิ ชายะNishi Chaya นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านอีก 2 แห่งที่คล้ายคลึงกับที่นี่ ได้แก่ ฮิงาชิ ชายะ(Higashi Chaya District) และคาซุเอะ มาชิ ชายะ(Kazuemachi Chaya) โดยแต่ละหมู่บ้านก็จะมีเสน่ห์ของบรรยากาศร้านค้า ร้านกาแฟ และโรงน้ำชาที่แตกต่างโดยย่านฮิงาชิ ชายะและหมู่บ้านฮิงาชิ ชายะเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุด ได้รับความนิยมในด้านบันเทิง แสดงโชว์ ของเกอิชา ปัจจุบันยังมีการแสดงของเหล่าเกอิชา ที่จำลองมาจากเหตุการณ์ในสมัยเอโดะให้ชมอีกด้วย

ภายในย่านเปิดบริการโรงน้ำชา 2 แห่ง คือ โรงน้ำชาชิมะ(Shima Teahouse) และโรงน้ำชาคาอิคาโระ(Kaikaro Teahouse) ที่ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงเป็นร้านต่างๆ อาทิ เช่น ร้านรีดทอง ร้านขายภาชนะต่างๆที่เกี่ยวกับทอง
ร้านทองคำเปลวฮาคุซะ(Hakuza) จำหน่ายทองคำเปลวสินค้าประจำเมืองคานาซาว่า

★โรงน้ำชาชิมะ(Shima Teahouse)
เป็นโรงน้ำชาที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมห้องการแสดงของเกอิชา ห้องครัว เครื่องดนตรี และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆของเกอิชา

ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 400 เยน
เวลาเปิดทำการ: 9:00-18:00 เปิดทุกวัน
การเดินทาง: เดินไปตามถนนทางทิศเหนือประมาณ 30 เมตร

★โรงน้ำชาคาอิคาโระ(Kaikaro Teahouse)
โรงน้ำชาแห่งนี้ยังเปิดเป็นโรงน้ำชาให้บริการแก่นักท่องเที่ยว โดยค่าใช้จ่ายในการเข้าชมนั้นรวมค่าดื่มชาด้วย

ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 750 เยน
เวลาเปิดทำการ: 9:00-17:00 เปิดทุกวัน
การเดินทาง: เดินไปตามถนนทางทิศใต้ประมาณ 100 เมตร

★ร้านทองคำเปลวฮาคุซะ(Hakuza Gold Leaf Store)
จำหน่ายทองคำเปลวสินค้าประจำเมืองคานาซาว่า ภายในร้านมีคลังสินค้าแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นซึ่งถูกดัดแปลงเป็นห้องสำหรับทำพิธีชงชาอีกที่ปิดด้วยทองคำเปลวทั้งข้างในและข้างนอก

ค่าธรรมเนียมเข้าชม:ฟรี
เวลาเปิดทำการ: 9:30-18:00(ฤดูหนาว ปิด 17:30)เปิดทุกวัน
การเดินทาง: เดินจากโรงน้ำชาชิมะไปเล็กน้อย

การผลิตทองคำเปลวในญี่ปุ่นนั้น อยู่ที่คานาซาว่าเกือบ100% เป็นแหล่งผลิตทองคำเปลวที่ใช้ตกแต่งวัดคินคะคุจิที่เกียวโต การทำทองคำเปลวนั้น คือการนำก้อนท้องมายืดออกครั้งแล้วครั้งเล่าจนได้ความบางที่1/10000mm และไม่ได้ถูกใช้แค่การประดับตกแต่งวัดหรือศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยังใช้กับงานศิลปะหัตถกรรม จานชาม เครื่องประดับ และของอื่นๆ อีกด้วย เช่นนำมาใช้เกี่ยวกับความสวยความงาม ปัจจุบันนี้มีแผ่นมาส์กหน้าที่ทำจากทองคำเปลวและเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของทองคำเปลว ไม่เพียงเท่านี้ทองคำเปลวยังถูกนำมาใช้กับอาหาร โดยในขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมอาหาร มีการใช้แผ่นทองคำเปลวเล็กๆผสมกับผงโรยข้าว โรยบนอาหารเพื่อเพิ่มความหรูหราให้อาหารจานนั้น

การเดินทางไปยังย่านฮิงาชิชายะ

จากสถานีรถไฟ Kanazawa Station โดยสารรถบัส Kanazawa Loop Bus ที่วนไปทางขวา ประมาณ 10 นาที ลงที่ป้าย Hashibacho(Koban-mae) bus stop(หมายเลข RL5) แล้วเดินต่อ

จากสนามบิน Haneda Airport(Tokyo) นั่งสายการบิน JAL หรือ ANA ตรงไปยังสนามบิน Kanazawa Airport ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย 23,000 เยน(หรือตั๋วโปรโมชั่นประมาณ 13,000-19,000 เยน) แล้วนั่งรถบัสต่อเข้าไปใจกลางเมืองคานาซาว่าอีก 40 นาที ค่าใช้จ่าย 1,130 เยน
โดยสาร highway bus ใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง ค่าใช้จ่าย 8,000 เยน สามารถใช้ตั๋ว Willer Express เพื่อเป็นส่วนลดเหลือ 4,500 เยน หรือ Japan Bus Pass ลดประมาณ 3,000 เยน
การเดินทางจาก Tokyo-Kanazawa

โดยรถไฟ

โดยสารรถไฟ JR Hokuriku Shinkansen ใช้เวลา 2.5-3 ชั่วโมง 14,000 เยน สามารถใช้ตั๋ว JR Pass ได้

line☃lee19820618
gmail☃[email protected]

01/10/2017

【Kanazawa in Winter】
Kanazawa เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่ถือว่ามีหิมะตกมากในฤดูหนาวที่เมืองนี้เลยทำกระโจมดึงต้นไม้ที่เรียกว่าYukitsuri ไว้เพื่อกันความเสียหายจากการรองรับน้ำหนักที่มากมายของหิมะ นับเป็นภาพที่หาดูได้ยากในภูมิภาคอื่น

เมืองนี้เป็นเมืองที่ดีมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นเลย สำหรับใครที่ชอบท่องเที่ยวในสถานที่ๆสงบ เป็นธรรมชาติ และยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น จะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นจริงๆ

สถานที่แนะนำที่แรกคือKenrokuen Garden (兼六園) เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมเมื่อปี 1871 เป็นสวนญี่ปุ่นที่กว้างกว่า 71.25 ไร่

สวนเคนโรคุเอน(Kenrokuen Garden) เป็นสวนที่ใช้การออกแบบตามหลักการจัดสวนของจีน(สวนญี่ปุ่นนั้นก็ได้รับ อิทธิพลมาจากจีนครับ) สำหรับที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น1 ใน 3 ของของสวนที่มีความงดงามที่สุดในญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดจึงมีนักท่องเที่ยวอยากจะเช้ามาเยี่ยมชมสวนแห่ง เป็นจำนวนมาก

สวนเคนโระคุเอ็น ตั้งอยู่บนจุดที่สูงทางตอนกลางของเมืองคานาซาวะ ตรงข้ามกับกับปราสาทคานาซาวะ (Kanazawa castle) ของตระกูล Maeda ซึ่งปกครองเขต Kaga ในยุคศักดินา ( บริเวณ อิชิคาวะ (Ishikawa) และ โทะยะมะ (Toyama) ในปัจจุบัน) ดูแลรักษาสวนแห่งนี้จากรุ่นสู่รุ่น จากสัดส่วนและความงดงามทำให้สวนแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน สวนของขุนนางศักดินาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น

สวนเคนโระคุเอ็น มีสระน้ำขนาดใหญ่และเนินเขาที่สร้างขึ้น รวมทั้งบ้านเรือนหลายหลังซึ่งอยู่ในสวน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ทั้งหมด สระน้ำขนาดใหญ่เรียกว่า “Kasumigaike” เปรียบได้กับทะเลเปิด และเกาะซึ่งเชื่อว่ามีฤๅษีอมตะที่มีพลังพิเศษอาศัยอยู่ตรงกลางสระมีศาลาชงชา ตะเกียงหินโคโตจิโทโระ ที่ตั้งอยู่ริมสระ และ “ยูกิซึริ” เชือกที่กางออกคล้ายร่มทำหน้าที่ดึงกิ่งไม้ไม่ให้หักจากการรับน้ำหนักของหิมะในฤดูหนาว เป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้นอกจากนั้นยังมีน้ำพุที่ใช้แรงดันน้ำธรรมชาติซึ่งเชื่อว่าเป็นน้ำพุแห่งแรกของญี่ปุ่นตั้งอยู่ด้วย

คำว่าKenrokuen หมายถึง สมบัติ6ประการ ซึ่งสร้างสรรค์ให้สวนแห่งนี้มีความสวยความสมบูรณ์แบบ นั่นคือ1.ขนาดใหญ่ 2.ความสงบ 3.การมีลูกเล่น 4.ความเก่าแก่ 5.เส้นทางน้ำไหล และ6.ทัศนียภาพสวยงามภายในสวน

หากใครมีโอกาสมาสวนKenrokuken สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือพักจิบชาเขียวแบบต้นตำหรับพร้อมทานขนมหวานที่บ้านดื่มชา ได้สัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างแท้จริง

เวลาเปิดทำการ :
1 มีนาคม – 15 ตุลาคม เปิดตั้งแต่ 7:00 – 18:00 น.
16 ตุลาคม – 28/29 กุมภาพันธ์ เปิดตั้งแต่ 8:00 – 17:00 น.
เปิดทุกวัน

ค่าธรรมเนียมเข้าชม :
ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 310 เยน
เด็ก (อายุ 6-17 ปี) 100 เยน
ผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) ไม่เสียค่าเข้าชม

การเดินทาง

รถบัส

สามารถนั่งรถบัสจากสถานี Kanazawa ได้หลายเส้นทาง (ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที) ได้แก่

· รถบัส Kanazawa Loop Bus Right Loop ลงที่ป้าย RL8, หรือ Left Loop ลงที่ป้าย LL9 (ค่าโดยสาร 200 เยนต่อเที่ยว)
· รถบัส Kenrokuen Shuttle Bus (เฉพาะเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนขตฤกษ์) ลงที่ป้าย S8 (ค่าโดยสาร 100 เยนต่อเที่ยว)

แท็กซี่
นั่งแท็กซี่จากสถานี Kanazawa ใช้เวลาประมาณ 10 นาที (ค่าโดยสารประมาณ 1,000 – 1,500 เยน)

♦︎Tokyoนั่งShinkansen ลงสถานี Kanazawa
ใช้เวลา2ชั่งโมงครึ่ง

♦︎Osaka,KyotoโดยรถไฟสายThunderbird ลงสถานีKanasawa Osakaใช้เวลา2ชั่งโมง46นาที Kyoto ใช้เวลา2ชั่วโมง15นาที

สนใจติดต่อการท่องเที่ยวญี่ปุ่น🇯🇵แบบสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริง

line☃lee19820618
gmail☃[email protected]

24/09/2017

สัมผัสถึงความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริง การแต่งชุดกิโมโน ชุดประจำชาติประเทศญี่ปุ่น จิบชาเขียวร้อนๆได้บรรยากาศกลิ่นหวนของการเข้าถึงญี่ปุ่นอย่างแท้จริง 🇯🇵

11/05/2017

มาโกเมะจูกุ / Magome-juku / 馬籠宿เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเนื่องจากเป็นสถานีหลักของการไปรษณีย์ที่ชื่อว่า Nakasendou เป็นหนึ่งในห้าของถนนสายหลักที่เริ่มจาก Nihonbashi ในสมัยเอโดะนากาเซนโดะ เป็นเส้นทางที่เชื่อมทางระหว่างเอโดะ(โตเกียว)กับเกียวโต

ซึ่งระหว่างทางก็ได้มีการสร้างที่พักขึ้นมาในช่วงยุคเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603 - 1868) เมืองนี้แตกต่างจากเมืองศูนย์กลางไปรษณีย์เมืองอื่นคือ ตั้งอยู่บนทางลาดชันประมาณ 600 เมตร อาคารที่พักส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นตามไหล่เขา

ทางเดินถูกปูด้วยหินลาดขึ้นไปบนเนินสูงชันซึ่งขนาบข้างด้วยบ้านพักมากมาย และเป็นที่ตั้งของ Tsumagojyuku ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมจำนวนมาก

สองข้างทางของถนนประกอบไปด้วยทางเดินที่ทำด้วยหิน บ้านโบราณมากมายเช่น บ้านที่ประกอบด้วยลูกกรง พิพิธภัณฑ์ โรงน้ำชา ส่วนร้านขายของที่ระลึกจะตั้งเรียงรายเป็นแถวตามเมืองเก่า นอกจากนี้ สายไฟ สายโทรศัพท์และเสาจะถูกซ่อนไว้หลังตึกต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ทำลายทัศนียภาพของเมืองเก่า ดังนั้นจะทำให้รู้สึกได้ถึงช่วงเวลาในสมัยเอโดะ

12/04/2017

Ashikaga Flower Park
ตำนานดอกฟูจิ(wisteria)
สวนดอกไม้อะชิคากะ ได้รับเลือกจากCNN
ให้เป็น 10 สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของโลกปี2014

ปีนี้สำหรับใครที่ชอบดอกไม้ห้ามพลาดนะคะ จะช่วงปลายเดือนเมษาถึงต้นเดือนพฤษภาคม บอกได้เลยสวยมากๆ

22/03/2017

สำหรับการบานของซากุระที่โตเกียว🌸 ปี2017 ปีนี้จะบานเต็มที่วันที่1เมษายน ซึ่งจะเป็นวันที่สวยมาก สำหรับผู้ที่มาชมซากุระ🌸ที่โตเกียว ขอให้มาตรงวันบานเต็มที่นะคะ🌸🌸

03/03/2017

เทศกาลฮินะมะสึริ (雛祭り) หรือ วันเด็กผู้หญิงเป็นเทศกาลของชาวญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณ จัดขึ้นในวันที่ 3มีนาคม ของทุกปี เป็นเทศกาลที่รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน ตามความเชื่อที่ว่าการปล่อยตุ๊กตาลงน้ำสามารถขจัดเคราะห์ร้ายให้ไปกับตุ๊กตาได้ แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่น นั้น จะถือว่าเป็นเทศกาลของการอธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข พร้อมกับประสบความสำเร็จในชีวิต

เด็กผู้หญิงที่เริ่มเข้าสู่เทศกาลฮินะครั้งแรก จะถูกเรียกว่า "ฮัตสึ เซ็กกุ" (hatzu-zekku) โดยจะเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้อาวุโสเช่นย่าหรือยาย เพราะพวกเธอจะซื้อตุ๊กตามาจัดโชว์ให้กับหลานสาว

สิ่งที่มักพบเห็นได้ในช่วงเทศกาลนี้คือการประดับด้วยชุด ตุ๊กตาฮินะ หรือในชื่อญี่ปุ่นที่ว่า ฮินะนิงเงียว (雛人形 hinaningyō ) ตามบ้าน ซึ่งตุ๊กตาดังกล่าวเป็นแบบดั้งเดิมทำด้วยมือ แต่งกายตามราชสำนักญี่ปุ่นโบราณ สมัยยุคเฮอัง วางไว้บนชั้นปกติจะมีทั้งหมด 7 ชั้น รอบๆ ชั้นจะประดับด้วยเครื่องบูชา เช่น ดอกพีช ข้าว เค้ก และเค้กที่ทำจากข้าวรูปร่างคล้ายเพชร ซึ่งเรียกว่าฮิชิโมจิ (hishimochi) รวมไปถึงสาเกขาว และจิราชิซูชิ (chirashi sushi) ตุ๊กตาที่ส่วนใหญ่จะต้องนำมาวางในชั้น คือ ตุ๊กตาเจ้าชายโอไดริซามะ (Odairi-sama) และเจ้าหญิงโอฮินะซามะ (Ohina-sama) ซึ่งตุ๊กตาทั้งสองตัวนี้ จะถูกวางไว้บนสุดของชั้นวาง รายล้อมไปด้วยข้าราชบริพาร และเครื่องตกแต่งชิ้นเล็กๆ โดยฉากหลังของชั้น จะประดับด้วยฉากที่เป็นสีทอง ให้เหมือนกับคฤหาสน์จำลอง

02/03/2017

ชมซากุระ🌸โตเกียวยามค่ำคืนบอกได้เลยว่าสวยมากๆๆ ทั้งโรแมนติกและสวยงาม

ห้ามพลาดกันนะค่ะ 🌸ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษยน

13/11/2016

ใบไม้เปลี่ยนสี2016 ญี่ปุ่น

08/10/2016

Mt.Moiwa🎌

เชื่อกันว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าไอนุในอดีตที่ถูกปกคลุมด้วยป่าบริสุทธิ์โมอิวะ

ภูเขาโมอิวะซึ่งมีความสูง 531 เมตร เหนือระดับนํ้าทะเลตั้งอยู่เกือบใจกลางของเมืองซัปโปโร ทาเชิโร มัตซึอุระ นักสำรวจในสมัยปลายบะกุฟุได้บันทึก ว่า ภูเขาโมอิวะ สำหรับชาวไอนุแล้ว เป็นสถานที่ใช้เฝ้ามองสิ่งต่างๆ และในขณะเดียวกันก็เป็นภูเขาอันเป็นที่เคารพบูชาในฐานะเป็นที่สิงสถิตของพระเจ้า

จากยอดเขาสามารถทอดสายตามองภาพพาโนรามาอันกว้างใหญ่ของเมืองซัปโปโรและอ่าวอิชิคาริ ทะเลญี่ปุ่น ไกลถึงยอดเขาโชคังเบทสึอำเภอมาชิเคะได้ จากเชิงเขาถึงตอนกลางของภูเขาสามารถเดินทางขึ้นมาได้โดยใช้กระเช้าลอยฟ้าหรือทางด่วนสายโมอิวะยามะคังโค แล้วนั่งรถไฟเคเบิลขนาดเล็ก ‘โมลิสคาร์’ ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นที่แรกในโลกเดินทางต่อจากตอนกลางของภูเขาถึงยอดเขา

29/09/2016

อีกสถานที่ของฮอกไกโด ที่สวย แต่หลายคนไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่

สะพานนุซาไม ยามพระอาทิตย์ตกดิน

29/09/2016

สะพานนุซาไม ยามพระอาทิตย์ตกดิน

21/09/2016

ปีศาจหิมะสวยมากๆพลาดไม่ได้ในช่วงหน้าหนาวนี้

ปีศาจหิมะ (Ice Monster) หรือ จูเฮียว (Juhyou)

21/09/2016

ปีศาจหิมะ (Ice Monster) หรือ จูเฮียว (Juhyou)

25/08/2016

🍁ประเทศญี่ปุ่นพอเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ก็เริ่มเปลี่ยนสีไม่ว่าจะไปที่ไหนส่วนไหนของประเทศแต่ละสถานที่จะเปลี่ยนสีไม่พร้อมกันจะขึ้นอยู่ภูมิอากาศ การมาชมใบไม้เปลี่ยนสีประเทศญี่ปุ่นจึงมีความสำคัญมากๆในการศึกษาเส้นทางและช่วงเวลา ว่าเส้นทางไหนเปลี่ยนสีตรงกับช่วงเวลาไหน

🍂แนะนำ
1.ถามตัวเองก่อนว่าอยากไปเส้นทางไหน
2.ได้สถานที่ ที่จะไปแล้วก็ดูช่วงเวลาที่เปลี่ยนสี ต้องไปให้ตรงที่กำลังเปลี่ยนสีสวยที่สุด
3.เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับไปเส้นทางนั้นๆ

🍁สำหรับผู้ที่ไม่รู้จะไปเส้นทางไหนมีมาแนะนำ

สถานที่แนะนำชมใบไม้เปลี่ยนสี🍁 ในแถบคันโตที่สามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับจากโตเกียวได้ หากใครได้ลองไปรับรองไม่ผิดหวังเลยจริงๆคือเมืองNagatoro ที่ไซตะมะ Nagatoro ในจังหวัดไซตามะเป็นสถานที่สวยงามที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติของภูมิภาคจิจิบุ ภูมิทัศน์ธรรมชาติของภูเขาและแม่น้ำดูงดงาม และบรรยากาศของหมู่บ้านภูเขาก็ชวนให้ผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดเลยที่เดี่ยว การล่องเรือชมใบไม้เปลี่ยนสีที่แม่น้ำ Arakawa ซึ่งเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีที่สุด ชมธรรมชาติทั้ง2ฝั่ง เรือที่นั่งเป็นเรือไม้สไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ได้บรรยายกาศที่ธรรมชาติที่สวยงามมากๆ
และไม่เพียงแค่นั้น ชมใบไม้เปลี่ยนสีตอนยามค่ำคืน ซึ่งจะมีการประดับไฟจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสี แสงไฟกระทบกับต้นไม้ที่เปลี่ยนสีบอกได้เลยว่าดูสวยมากๆเลย

🍁สำหรับปี2016 เทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีจัดตั้งแต่1-30พฤศจิกายน(แนะนำไปประมาณกลางเดือน)ประดับไฟกลางคืนตั้งแต่12-27พฤศจิกายน
ห้ามพลาดเลย

🍂การเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟมีเส้นทางดังนี้

♦︎Using the Seibu Line

From Ikebukuro Stn. to Seibu-Chichibu Stn. on the Seibu-Ikebukuro Line (80 min. by rapid express)

From the Chichibu Railway Ohanabatake Stn. to Nagatoro Stn.(20 min.)

♦︎Using the Tobu Line
From Ikebukuro Stn. to Yorii Stn. on the Tobu Tojo Line(80 min.)
To the Chichibu Railway Nagatoro Stn. (20 min.

♦︎Using the JR trains
From Ueno Stn. to Kumagaya Stn. on the JR Takasaki Line (60 min.)
To the Chichibu Railway Nagatoro Stn. (50 min.

เครดิตภาพและข้อมูลจากเว็บการท่องเที่ยวNagatoro จังหวัดไซตะมะ

04/06/2016

ดอกอะจิไซหรือไฮเดรนเยีย(Hydrangea)
เป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกว้าง มีดอกหลายสี ทั้งสีขาว ชมพู และสีฟ้าที่เรามักเห็นกันอยู่บ่อยๆ ดังชื่ออะจิไซที่หมายถึงสีฟ้าที่รวมเป็นกระจุกและค่อยๆ เปลี่ยนสีนั่นเอง โดยในประเทศญี่ปุ่นนั้นดอกอะจิไซจะเบ่งบานในช่วงต้นเดือนมิถุนายนจนถึงช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ญี่ปุ่นจะไม่มีฤดูฝนแต่ฝนจะตกเยอะสุดในเดือนมิถุนายน ดังนั้นจึงทำให้อะจิไซกลายเป็นสัญลักษณ์ของฤดูฝนของญี่ปุ่นโดยปริยาย

สำหรับสถานที่ชมดอกอะจิไซหรือดอกไฮเดรนเยียในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีอยู่หลายที่ แต่สถานที่ที่นักท่องเที่ยวรวมทั้งชาวญี่ปุ่นเองนิยมคือย่านบุงเกียวที่อยู่ใจกลางโตเกียวยังคงรักษาบรรยากาศแบบเก่าสมัยเอโดะไว้และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและดอกไม้ที่สวยงาม เทศกาลดอกไม้ทั้งห้าของบุงเกียว จะจัดขึ้นโดยเริ่มจากเทศกาลดอกบ๊วยในเดือนกุมภาพันธ์และเราจะได้ชื่นชมความงามของดอกไม้ตามฤดูกาลตลอดทั้งปี ในช่วงต้นฤดูร้อน ต้นไฮเดรนเยียกว่า 3,000 ต้น

ปีนี้เทศกาลดอกอะจิไซ มีว่า 「文京花の五大祭り」Bunkyou Hana No Godai Matsuri
ตั้งแต่วันที่11-19มิถุนายนนี้
หากได้มาโตเกียวช่วงนี้ห้ามพลาดนะคะ

05/03/2016

ขนมหวานญี่ปุ่น คงไม่มีใครไม่คุ้นชื่อไดฟุกุ (Daifuku : 大福)ชึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงจะมีไดฟุกุสตอเบอรี่ที่เป็นที่นิยม บอกได้เลยว่า อร่อยมากๆ ถ้าใครมาเยือนโตเกียวแนะนำให้ไปร้านที่Ginza เลยร้านนี้อร่อยมากๆเลยคะ

ไดฟุกุก็คือแป้งโมจิ แต่เป็นการเอาแป้งโมจิไปใส่ไส้ นิยมมากที่สุดคือไส้ถั่วแดง ประยุกต์ใส้ต่างๆ วันนี้นำเสนอใส้ถั่งแดงและสตรอเบอร์รี่ คะ

13/02/2016

バレンタインデー🎌Valentine's Day ของญี่ปุ่นจะมีลักษณะพิเศษและมีเอกลักษณ์เด่นเฉพาะคือ ทั้งชายและหญิงชาวญี่ปุ่น ก็ต่างรอคอย แต่เป็นการรอคอยที่แตกต่างกัน ผู้ชายคงรอคอยว่า ปีนี้จะได้ช็อกโกเลตหรือของขวัญจากฝ่ายหญิงไหมหนอเป็นการสารภาพรักจากฝ่ายหญิง ส่วนคุณผู้หญิงก็คงตื่นเต้นไม่ต่างกันเลยที่จะคิดว่าปีนี้จะต้องสารภาพรักกับคนที่แอบรักก็จะมีการให้ของขวัญหรือช็อกโกเลต กรณีที่ไม่กล้าสารภาพก็จะแอบวางบนโต๊ะทำงานหรือล๊อกเกอร์รองเท้าของโรงเรียน(กรณีเป็นนักเรียน)และบางคนถึงขนาดเตรียมใจที่จะให้ความบริสุทธิ์ก็มีด้วย สำหรับที่ญี่ปุ่นแล้ว วันที่ผู้ชายจะให้ช็อกโกเลตหรือของขวัญเพื่อเป็นการรับสารภาพรักจากการให้จากฝ่ายหญิงคืนจะเรียกว่า วัน White Day ซึ่งตรงกับวันที่ 14 มีนาคม 1 เดือนหลังจากวันวาเลนไทน์ 💝💝

03/02/2016

First Travel JAPAN's cover photo

15/01/2016
河津桜まつり公式サイト◆河津桜まつり実行委員会◆

ซากุระที่บานเร็วที่สุดในแถบคันโตคือที่ Kawazu
ปี2016 เทศกาลชมซากุระที่ Kawazu ตรงกับวันที่10 กุมภาพันธ์-10 มีนาคม
ห้ามพลาดมาชมกันเยอะๆนะคะ เพราะสวยมากๆเลยคะ

http://www.kawazu-onsen.com/sakura/

ここにサイト説明を入れます

15/01/2016
日本初!展望台で360度 3Dプロジェクションマッピング!「TOKYO TOWER CITY LIGHT FANTASIA」 | 東京タワー TokyoTower オフィシャルホームページ

◆「TOKYO TOWER CITY LIGHT FANTASIA 2015-2016」◆

บอกได้เลยสวยมากๆเลยคะ มีถึงวันที่3เดือนเมษายนนะคะ
เวลา 18:00-22:00 เป็นสถานที่แนะนำสำหรับผู้มาเยือนโตเกียวค่ะ

http://www.tokyotower.co.jp/sphone/hot_topics/index.cgi?tno=2386

東京タワー TokyoTower オフィシャルホームページ

10/01/2016

Seijin No Hi (成人の日)
Coming of Age Day
คือ วันบรรลุนิติภาวะ ตรงกับ วันจันทร์ที่ 2 ของ เดือนมกราคม ของทุกปี
ความสำคัญของวันนี้คือเป็นวันฉลองการบรรลุนิติภาวะคืออายุครบ 20 ปี ของวัยรุ่นญี่ปุ่น เป็นวันที่ระลึกถึงการได้ขึ้นเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ซึ่งต่อจากนี้จะต้องมีความพยายามและความรับผิดชอบภาระที่เพิ่มขึ้นและต้องรู้จักวางแผนในชีวิตด้วยตนเองมากขึ้นหนุ่มสาวที่อายุครบ 20 ปี ในปีนี้นก็จะมีพิธีฉลองเกิดขึ้นที่อำเภอของเมืองที่ตนเองอยู่ด้วย ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Seijin Shiki

เมื่อก่อนจนถึงปี 1999 วันบรรลุนิติภาวะ คือวันที่15 มกราคม ของทุกปีแต่ตั้งแต่ปี 2000 ได้เปลี่ยนเป็นวันจันทร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี

12/11/2015

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ
Shirakawa-go หมู่บ้านในตำนาน ใครที่ชอบดูหนังแนวย้อนยุค ใครที่ไปก็อยากสัมผัสกับความโบราณของหมู่บ้านนี้กันทั้งนั้น หมู่บ้านนี้คือหมู่บ้านอนุรักษ์ที่คงความเป็นญี่ปุ่นไว้ได้แทบจะ 100% วัสดุที่นำมาสร้างยังคงเป็นรูปแบบของฟางมัดเป็นฟ่อนชนิดหนาพิเศษ และต้องทำมุม 60 องศาด้วยเพื่อให้สะดวกแก่การถ่ายเทหิมะในหน้าหนาว สถาปัตยกรรมรูปแบบกัสโช (Gassho-zukuri) คือทรงหลังคาพนมมือนั่นเอง ลักษณะแบบนี้นั้นมีมานานนม อายุของหมู่บ้านนี้ก็ปาเข้าไป 300 ปีแล้ว
หนาวนี้ยังไม่รู้จะไปไหนดีแนะนำไปพักหมู่บ้านนี้เลยค่ะ เพราะสวยงามมากๆ และได้สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ด้วยค่ะ

ยังชอบวิถีชาวบ้านที่นี่มากๆเลย

11/11/2015

ภูเขาไฟฟูจิยามนี่สวยมากๆเลยค่ะ

09/11/2015

วัดเออิคันโดะ(Eikando Temple) หรือวัดเซ็นรินจิ(Zenrinji Temple) เป็นวัดของพุทธศาสนานิกายโจโด วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในการชมใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งตอนนี้ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีขอบอกว่าสวยมาก ยิ่งตอนค่ำคืนยิ่งสวยและโรแมนติกมากเลยค่ะ

09/11/2015

วัดโทได (ญี่ปุ่น: 東大寺 โทได-จิ ) เป็นวัดพุทธในเมืองนะระ ประเทศญี่ปุ่น ศาลาหลวงพ่อโต (ไดบุสึเด็ง) ของวัดนี้ได้รับการบันทึกว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุสึขนาดใหญ่หล่อจากบรอนซ์ ซึ่งเป็นพระปฏิมาแทนองค์พระไวโรจนพุทธเจ้า นอกจากนี้ วัดนี้ยังเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนฤทธิยวรรณาลัยในสายเคงอนอีกด้วย วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในทะเบียนเดียวกับวัด ศาลเจ้า และสถานที่สำคัญอื่นๆอีก 7 แห่งในเมืองนะระ

วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.752 โดยคำสั่งของจักรพรรดิโชมุ ผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าหากมีวัดแห่งนี้สามารถคุ้มครองประชาชนให้รอดปลอดภัยจากโรคร้ายที่ระบาดอยู่ได้ การก่อสร้างวัดแห่งนี้ถือเป็นงานที่ยากลำบากมากสำหรับผู้คนในยุคนั้น ด้วยความใหญ่โตของโครงสร้างอาคารต่างๆ ว่ากันว่าต้องใช้คนก่อสร้างมากถึง 2,600,000 คนเลยทีเดียว วิหารปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ.1692 เพื่อทดแทนของเดิมที่พังทลายลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยถูกลดขนาดเหลือเพียง 2 ใน 3 ของขนาดเดิมที่เคยสร้าง แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นวิหารไม้ทีใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบันนี้อยู่ดี (ในวิหารจะมีโมเดลจำลองวิหารแบบดั้งเดิมให้เห็นอยู่ รวมถึงมีโมเดลจำลองเจดีย์ไม้คู่สูง 100 เมตร ที่พังทลายลงพร้อมกันวิหารใหญ่ในตอนนั้นด้วย

วัดนี้ที่ประตูทางเข้าไม้ขนาดใหญ่ด้านหน้านั้น จะมีรูปปั้นขนาดใหญ่เฝ้าประตูอยู่ทั้งสองข้าง และที่ด้านหน้าของประตูก่อนเข้าวัดนั้นจะมีกลางอยู่จำนวนมาก

หากใครต้องการให้อาหารกวางก็สามารถซื้อขนมเซนเบ้ (senbei) เป็นขนมสำหรับกวางโดยเฉพาะ เพราะวัดนี้มีน้องกวางอยู่มากมาย

08/11/2015

Tokyo Daijingu
ถ้าอยากจะขอพรขอให้สมหวังในด้านรักนั้นต้องนึกถึงศาลเจ้า Tokyo Daijingu เพราะคนมากมมายต่างมาขอพรด้านความรักที่ศาลเจ้าแห่งนี้ สิ่งที่ฮิตสุดๆในศาลเจ้าคือมีเซียมซีด้านความรัก「恋みくじ」ให้เสี่ยงทายกันด้วยค่ะ เซียมซีนี้จะเป็นรูปของเด็กผู้หญิงที่ทำมากจากกระดาษญี่ปุ่น ส่วมใส่ชุดกิโมโนสีต่างๆรวมถึงเครื่องรางสำหรับคู่รักหรือให้สมหวังในความรักค่ะ

เป็นศาลเจ้าที่สงบเงียบมากๆ คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรด้านความรักเป็นอันดับ1 สำหรับผู้ที่มาเที่ยวญี่ปุ่นอยากสมหวังด้านความรักแนะนำไปศาลเจ้าDaijingu เลยค่ะ

04/11/2015

เสน่ห์ของญี่ปุ่นสวยๆมากๆ
ใบไม้เปลี่ยนสี+ฟูจิ🍁

素晴らしいですね

紅葉🍁+富士山🗻

01/11/2015

Kawagoe (川越) เป็นเมืองที่ห่างจากโตเกียวประมาณ 30-50 นาที อยู่ในจังหวัดไซตามะ Saitama ในยุคสมัยเอโดะ (Edo) มีโตเกียวเป็นเมืองหลวง เมือง Kawagoe เป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว มีหน้าที่ส่งเสบียงอาหารไปยังโตเกียว เมือง Kawagoe เป็นเมืองที่มีความสำคัญในยุคนั้นมาก สังเกตได้จากการที่โชกุนได้สร้างประสาท (Kawagoe Castle) ไว้ที่นี่ การก่อสร้างบ้านเรือน และวัฒนธรรม เป็นไปตามแบบ Edo

ในช่วงสงครามโลก เมืองโตเกียวซึ่งเป็นศูนย์กลางของ Edo ได้ถูกโจมตี ไฟไหม้ และแผ่นดินไหว จนไม่เหลือสิ่งก่อสร้างในสมัย Edo ให้เห็นในปัจจุบัน แต่เมือง Kawagoe เป็นเมืองที่ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาก จึงมีบ้านเรือนเก่าให้เห็นในปัจจุบันนี้

เมืองคาวาโกเอะมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆให้ชมหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นถนนการค้าในสมัยโบราณรวมไปถึงหอระฆังประจำเมืองและศาลเจ้าเก่าๆอีกมากมาย เราสามารถเดินเที่ยวทั่วทั้งเมืองได้

เป็นเมืองที่น่าหลงใหลมากๆเลย ซึ่งคนญี่ปุ่นเองก็นิยมไปเที่ยวกัน

เป็นเมืองโบราณมากๆถ้าจะให้เข้ากับบรรยากาศก็สามารถเช่าชุดกิโมโนแต่งและเดินชมเมืองรอบๆได้เลย ราคาเช่าชุดที่นี่ไม่แพงด้วยค่ะ สำหรับท่านไหนที่ชอบความเป็นญี่ปุ่นแนะนำไปที่นี่เลยค่ะ เดินทางจากโตเกียวไม่ไกลด้วย ชาวบ้านที่นี่ใจดีและเป็นกันเองมาก

27/09/2015

Odaiba เป็นแหล่งชอปปิ้งและความบันเทิงของโตเกียว ถ้าดูจากแผนที่แล้ว Odaiba มีสภาพเป็นเกาะอยู่ที่อ่าวโตเกียว ในสมัยเอโดะ ค.ศ.1603-1868 เกาะ Odaiba ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการ (คำว่า daiba แปลว่าป้อมปราการ) ป้องกันการรุกรานของข้าศึก

ต่อมาอีก 100 กว่าปี เกาะ Odaiba ได้ถูกถมเพิ่มเพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ตึก สำนักงาน และ ท่าเรือ การถมทะเลในตอนนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในวงการก่อสร้างมาก ในปี ค.ศ. 1990 มีโรงแรม และศูนย์การค้ามาเปิดที่ Odaiba และเริ่มมีสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ เกิดขึ้นเช่นตึก Fuji TV Building, Telecom Center และ Tokyo Big Sight ตอนนี้ Odaiba เป็นเมืองใหม่ของโตเกียว มีผังเมืองสวยงาม ตึกรูปทรงแปลกๆ รถไม่เยอะเหมือนโตเกียว และไม่วุ่นวาย

และเมืองโอไดบะก็ได้เป็นสถานที่ได้รับความนิยมของช่างภาพ นักเขียน ที่มาเก็บภาพตอนพระอาทิตย์ตก และยังได้รับความนิยมถ่ายรูป pre-wedding อีกด้วย เนื่องจากเป็นสถานที่โรแมนติกมากๆเลย

12/05/2015

ที่ฟุระโน่ มีชื่อเสียงด้านทุ่งดอกลาเวนเดอร์ซึ่งจะบานช่วงปลายมิถุนายนถึงปลายกรกฎาคม Lavender Fields in Furano

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when First Travel JAPAN posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to First Travel JAPAN:

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Travel Agency?

Share