ชมรมพิพิธสยาม (Variety Siam)

  • Home
  • ชมรมพิพิธสยาม (Variety Siam)

ชมรมพิพิธสยาม (Variety Siam) เราคือกลุ่มจัดกิจกรรมเชิงศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นวิถีชุมชนอันโดดเด่นและแตกต่าง
(30)

ชมรมพิพิธสยามเกิดขึ้นจากการเติบโตของกลุ่มสไมล์ทริป รอยยิ้มแห่งธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม เครือข่ายจาก Facebook อันทรงพลังที่ทำให้การขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ของกลุ่มสไมล์ทริปฯ ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างจาก คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงาน ชมรมและองค์กรต่าง ๆ ร่วมให้การสนับสนุนและแนะนำการจัดกิจกรรมในแต่ละครั้งจนประสบความสำเร็จงดงามเป็นที่ประทับใจของผู้เข้าร่วมกิจกรรม กว่า ๒ ปีท

ี่ผ่านมาของกลุ่มสไมล์ทริปฯ ได้สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ร่วมกันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยการนำผู้ที่สนใจเข้าเรียนรู้ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงคุณค่าความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ไม่ว่าจะเป็น พระบรมมหาราชวัง วัง พระตำหนัก วัดวาอาราม ชุมชน และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีประวัติความเป็นมาอันน่าสนใจ จากการเริ่มต้นในการจัดมีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คน จนถึงปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมนับร้อยคน จึงทำให้เกิดการเติบโตของกลุ่มอย่างรวดเร็ว และเพื่อเป็นการสร้างต่อยอดการดำเนินการต่าง ๆ ของกลุ่มสไมล์ทริปฯ ให้เป็นรูปธรรมน่าเชื่อถือและสามารถสร้างสรรค์กิจกรรมได้กว้างลึก รวมถึงการเข้าถึงสถานที่ และหรือบุคคลต่าง ๆ ได้มากยิ่งขึ้น จึงได้มีความคิดเห็นร่วมกันที่จะดำเนินการผลักดันให้กลุ่มสไมล์ทริปฯ เติบโตขึ้นไปเป็นชมรม “พิพิธสยาม” เพื่อการขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้น กับการขับเคลื่อนชมรมให้ก้าวไปด้วยระบบเครือข่ายแวด-วงศิลปวัฒนธรรม สังคม และองค์กรต่าง ๆ ให้สามารถก่อเกิดมิตรภาพจากการสร้างสรรค์กิจกรรมและการเรียนรู้ร่วมกันอย่างมั่นคงต่อไป

วัตถุประสงค์
๑. ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าและต้องอนุรักษ์
๒. รวบรวมผู้ที่มีความรักและสนใจในจุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยการดำเนินงานของกลุ่มไม่มุ่งแสวงหาผลกำไร
๓. ส่งเสริมการเรียนรู้/ความรู้ความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของชาติ
๔. เพื่อสร้างสรรค์มิตรภาพในรูปแบบเครือข่ายบนในสังคมออนไลน์ Facebook
๕. ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ลัทธิ
๖. เชิดชูสถาบันหลักของชาติอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

๐สัญลักษณ์๐
สัตว์หิมพานต์ อัปสรสีหะพนมมือ แสดงถือเอกลักษณ์ความเป็นไทย มารยาทไทยที่เป็นสืบทอดกันมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงสัมมาคารวะ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน ทักทายกันอีกด้วย

11/09/2024

ชมรมพิพิธสยามขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องผู้ประสบมหาอุทกภัยในแม่สาย และ จ.เชียงราย รวมถึงในพม่า ปลอดภัย และเข้าสูสภาวะปกติโดยเร็ว

11/09/2024

คลายความคิดถึง เจ้าหญิงของคนไทย
"เ จ้ า ฟ้ า ภ า"

ขอจงทรงพระเจริญ

ขอบคุณคลิปจาก noithamrongsak
#คิดถึงองค์ภา #เจ้าฟ้าภา

10/09/2024
09/09/2024

วันที่ 9 เดือน 9
วันดี เปิดตัวกาแฟสด Drip Bag Coffee
ในนาม Amethyst Drip Bag Coffee
จากแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพ สายพันธุ์อาราบิก้า แบบออกแกนิก บนเขาสูงจังหวัดลำปาง
ขอฝากทุกท่านด้วยนะครับ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์คุณภาพที่คัดสรรมาเพื่อคุณ
เพราะเราเดินทางบ่อยการเรียนรู้จักกับทุกๆ สถานที่ จึงทำให้เราได้พบสิ่งดีๆ เพื่อมาแบ่งปัน
ถ้าไม่ดีจริงเราไม่ทำ และไม่นำมาแบ่งปัน

ทุกที ทุกเวลา
อเมทิสต์ ดริปแบ็กคอฟฟี่ : Amethyst Drip Bag Coffee
Organic Coffee, Qiality Product of Lampang Province Northern of Thailand. สนใจสั้งซื้อติดต่อ โทร 0952429915

#กาแฟสด #กาแฟคั่วบด #ลำปาง #ภาคเหนือ #อาราบิก้า #ชมรมพิพิธสยาม

เปิดรับลงทะเบียนแล้ววันนี้กิจกรรมเคลื่อนพลเส้นทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์บนผืนผ้า  ซำเหนือ ซำใต้ หลวงพระบาง หนองเขียว เมืองแ...
09/09/2024

เปิดรับลงทะเบียนแล้ววันนี้
กิจกรรมเคลื่อนพล
เส้นทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์บนผืนผ้า ซำเหนือ ซำใต้
หลวงพระบาง หนองเขียว เมืองแอด ปากซัน เชียงขวาง เวียงจันทน์
วันที่ 19 - 26 ธันวาคม 2567
เส้นทางแห่งธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ความหลากหลายในชาติพันธุ์ ที่โยงใยกันด้วยอัตลักษณ์บนผืนผ้า และความศรัทธา ความเชื่อ สัมผัสอากาศที่หนาวเย็นของเมืองซำเหนือ เมืองเชียงขวาง ล่องเรือขมธรรมชาติที่งดงาม ที่คุณจะประทับใจ ในเส้นทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ ที่ยังสด ใน สปป.ลาว ไปจนสุดเขตแดนลาว - เวียดนาม

ค่าลงทะเบียนท่านละ 26,990 บาท
แบ่งชำระได้ 3 งวด
งวดแรก ภายในสามวันนับจากวันลงทะเบียน จำนวน 8,990 บาท
งวดสอง ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จำนวน 9,500 บาท
งวดสาม ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 8,500 บาท
***พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 3,600 บาท (สามารถชำระพร้อมกันได้ในงวดสุดท้าย)

อ้ตรานี้รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินขาไปดอนเมือง - หลวงพระบาง โดยสายการบินไทยแอร์เอเซีย (นน.สัมภาระ 20 ก.ก.ต่อท่าน)
- ค่าตั๋วเครื่องบินขากลับ อุดรธานี - ดอนเมือง โดยสายการบินไทยแอร์เอเซีย (นน.สัมภาระ 20 ก.ก.ต่อท่าน)
- ค่ารถตู้ปรับอากาศเดินทางตามโปรแกรมตลอดทริป 8 วัน
- ค่าที่พัก 7 คืน
- ค่าอาหาร 22 มื้อ
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่
- ค่าเรือล่องแม่น้ำอู
- ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่น (ไกด์ลาว)
- ค่าประกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง
- ค่าดำเนินการต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อัตรานี้ไม่รวม
- น้ำหนักสัมภาระส่วนเกินจากที่กำหนด
- ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่โปรแกรมกำหนด
- ทิปคนขับรถตู้วันละ 50 บาท/วัน/ท่าน
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์/ไกด์ตามอัธยาศัย

เอกสารที่ใช้
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน

สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเพียงแจ้งชื่อ-นามสกุล พร้อมเบอร์โทรที่ inbox ของชมรมพิพิธสยาม จากนั้น รอการยืนยันตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมแจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้ท่านดำเนินการ

กำหนดการกิจกรรมเคลื่อนพล
เส้นทางวัฒนธรรม และ อัตลักษณ์บนผืนผ้า
ซำเหนือ - ซำใต้ - หลวงพระบาง - หนองเขียว - เมืองแอ๊ด - เชียงขวาง - เวียงจันทน์
19 - 26 ธันวาคม 2567

19 ธันวาคม 2567
(ดอนเมือง - หลวงพระบาง - หนองเขียว)

05.30 น. พบกัน ณ บริเวณจุดนัดพบภายในสนามบินดอนเมือง (จะแจ้งนัดหมายให้ทราบล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง) เพื่อเช็คชื่อ รับเอกสาร ตรวจสอบสัมภาระก่อนนำทุกท่านไปเช็คอินโหลดสัมภาระ

08.05 น. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ไปยังสนามบินสากลหลวงพระบาง สปป.ลาว โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD1032

09.30 น. ถึงยังสนามบินสากลหลวงพระบาง ทำพิธีผ่านแดน รับสัมภาระ จากนั้น รถตู้รับทุกท่านออกเดินทางเข้าเมืองหลวงพระบาง

10.00 น. นำทุกทานเข้าเยี่ยมชมพระราชวังที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต และพระราชวงศ์ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

จากนั้น นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมวัดเชียงทอง วัดสำคัญในพระราชสำนักหลวงพระบาง สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐา เพชรน้ำงาม มรดกชิ้นเอกทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ในรูปแบบล้านช้างอันโดดเด่น โดยเฉพาะสิมหรือพระอุโบสถสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน โดยสิ่งที่โดดเด่นคือหลังคาซ้อน 3 ตับ ซึ่งดัดอ่อนโค้งและลาดต่ำลงมามาก บนกลางสันหลังคามีการทำช่อฟ้าหรือ สัตตะบูริพัน อันเป็นการจำลองจักรวาลตามคติพุทธศาสนา หน้าบันแกะสลักเป็นรูปลายดอกตาเว็นหรือลายดวงอาทิตย์ สิมแห่งนี้ได้รับการบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2471 บนผนังทั้งด้านนอกและด้านในประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า "ลายฟอกคำ" ส่วนด้านหลังของสิมประดับด้วยภาพประดับกระจกสีเป็นภาพต้นทอง

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (1)

บ่าย นำท่านออกเดินทางจากเมืองหลวงพระบาง มุ่งหน้าสู่เมืองหนองเขียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

15.45 น. ถึงยังเมืองหนองเขียว นำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

จากนั้น นำทุกท่านลงเรือล่องแม่น้ำอูเพื่อไปเยี่ยมชมเมืองงอย อยู่ไปทางทิศเหนือของหนองเขียว ชมภูมิทัศน์ที่งดงามตามธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำอู พร้อมขึ้นฝั่งเมืองอู เดินเท้าท่องเที่ยวเยี่ยมชมวิถีคนเมืองอู และนำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมที่วัดเมืองอู วัดเก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งในเมืองอู ภายในสิมมีการสร้างเจดีย์ประดิษฐานภายในสิม ด้านหน้าองค์เจดีย์บนฐานชุกชีประดิษฐานพระประธานพระพุทธรูปศิลปะลาวที่มีความงดงามองค์ด้วยฝีมือช่างท้องถิ่น

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านล่องเรือกลับเมืองหนองเขียวเพื่อรับประทานอาหารเย็น (2)

จากนั้น อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยที่ผาช้างรีสอร์ท / ราตรีสวัสดิ์หนองเขียว

วันที่ 20 ธันวาคม 2567
(หนองเขียว ซำเหนือ)

05.30 น. อรุณสวัสดิ์ยามเช้า /สรีระกิจ

06.00 น. นำทุกท่านไปเยี่ยมชมตลาดเช้าเมืองหนองเขียว เลือกชมเลือกซื้ออาหารท้องถิ่น หรือสินค้าท้องถิ่นตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านกลับที่พัก เพื่อรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ห้องอาหารโรงแรม (3)

07.45 น. เช็คเอาท์นำทุกท่านออกเดินทางจากเมืองงอยสู่เมืองซำเหนือ แขวงหัวพัน ชมพูมิทัศน์ที่สวยงามระหว่างสองข้างทาง ที่บางช่วงเลียบไหล่เขา สามารถมองเห็นภูเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อนและมีเมฆหมอกปกคลุมสวยงาม บางช่วงเลียบแม่น้ำอูมีโขดหินน้อยใหญ่ ที่แม่น้ำอูไหลผ่านคล้ายออบหลวงเมืองไทย แวะบ้านทอผ้าสามารถเยี่ยมชมการทอผ้าลาวที่มีลวดลายสวยงามของชาวบ้านตามแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ทำมาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน สามารถเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย และราคาไม่แพง

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ที่ร้านอาหารท้องถิ่นเมืองเวียงทอง (4)

13.00 น. พาเดินชมตลาดแวะชมผ้าทอมือแขวงหัวพันที่สวยงาม เลือกชมเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย

14.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองซำเหนือ ระหว่างทางจะพักแวะชมผ้าจากบ้านชาวบ้านที่พร้อมนำออกมาขายให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจผ้าทอซำเหนือ บางคนตัดจากกี่ ท้ายสุดก่อนเข้าเมืองซำเหนือแวะพักที่บ้านเชลยชนเผ่าขมุดั้งเดิมที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมพร้อมเลือกชมผ้าทอจากชนเผ่าขมุได้ตามอัธยาศัย

17.30 น. เข้าสู่เมืองซำเหนือ แขวงหัวพัน เมืองที่คุณจะหลงรักเมื่อแรกเห็น ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร มีแม่น้ำซำไหลผ่านเมือง ทำให้ซำเหนือเป็นเมืองที่อากาศดีตลอดทั้งปี และมีประชากรไม่มากนัก ประชาชนของซำเหนือส่วนใหญ่เป็นชาวลาวลุ่ม และมีชาวม้งรองลงมา ส่วนที่เหลือเป็นไทยดำ ไทยแดงอาศัยอยู่ร่วมกันไม่มากนัก
ซำเหนือ เป็นเมืองเอกของแขวงหัวพัน โดยมีซำเหนือเป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศเวียดนาม ซึ่งแขวงหัวพันอยู่ถัดจากแขวงเชียงขวาง ประเทศลาว เมืองซำเหนือตั้งอยู่กลางหุบเขาเขียวขจี และอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ป่าไม้มากมาย ทำให้มีลักษณะงดงามทางธรรมชาติที่สวยงามอากาศหนาวเย็นตลอดปี โดยมีอนุสาวรีย์แก้วฮักเมืองตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นสัญลักษณ์หรือจุดเช็คอินของเมือง มีตลาดในกลางเมืองยามเช้า ที่จะมีชาวเขาเผ่าต่างๆ นำสินค้าพื้นเมือง สินค้าชนเผ่า และสินค้านำเข้าจากจีน เวียดนามมากมายออกมาขายให้กับผู้คนที่มาเดินซื้อของ เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ มีสินค้าให้เลือกมากมายเช่น อาหารสด อาหารแห้ง ของใช้จากประเทศจีน ประเทศเวียดนามและประเทศไทย ผ้าทอมือ ซึ่งเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของประเทศลาว ที่ส่งไปขายยังเมืองหลวงพระบางและเมืองเวียงจันทน์ มีลวดลายที่ประณีต และสวยงามมาก เข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย

18.30 น. รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ที่ร้านอาหารท้องถิ่น (5)

19.45 น. นำทุกท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมไชพาสุก พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์ซำเหนือ

วันที่ 21 ธันวาคม 2567
(ซำเหนือ - เมืองแอด - ซำเหนือ)

05.30 น. อรุณสวัสดิ์ซำเหนือ / สรีระกิจ

06.00 น. นำทุกท่านออกเดินทางไปตลาดเช้าเมืองซำเหนือ ชมวิถีชีวิตคนซำเหนือ ที่ผสมผสานกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย นำสินค้ามาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นพืชผลทางการเกษตร ผ้าทอมือ งานหัตถกรรม อาหารการกิน อิสระให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้า โดยเฉพาะผ้าทอมือซำเหนือ - ไทดำ -ไทแดง งานหัตถกรรม สินค้าชนเผ่า พืชผลทางการเกษตร ฯลฯ ตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน (6)

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปยังเมืองแอด เมืองชายแดน สปป,ลาว ฝั่งตะวันออกติดกับพรมแดนประเทศเวียดนาม ปัจจุบันก็ยังไปมาหาสู่กันปกติ โดยมีแม่น้ำหม่า เป็นเส้นเขตแบ่งเขตแดนทางธรรมชาติ เมืองแอด เป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งในแขวงหัวพัน มีการติดต่อค้าขาย ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สปป.ลาว กับ เวียดนาม ผู้คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ ไทแดง ทั้งสองฝั่ง เป็นญาติพี่น้องกัน ก่อนที่จะมีการแบ่งเขตพรมแดน ผู้คนทั้งสองฝั่งลาว-เวียดนาม ดำรงชีพโดยการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เวลาว่างจึงมาทำงานหัตถกรรมทอผ้า จักสาน และอื่นๆ ที่นี่มีสินค้าทางการเกษตร และงานหัตถกรรมที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ไทดำ ไทแดง และลาวให้พบเห็น พร้อมจำหน่ายให้กับท่านที่สนใจ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ช.ม.)
นำทุกท่านไปยังเขตแดนระหว่างประเทศ ลาว - เวียงนาม ถ่ายภาพสะพานข้ามพรมแดง และแม่น้ำหม่าที่เป็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศ สุดเขตแดน สปป.ลาว ฝั่งตะวันออก พร้อมทำนำทุกท่านเยี่ยมชมวิถีผู้คนพร้อมเลือกชมเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่นเมืองแอด ( 7)

บ่าย นำทุกท่านเดินทางกลับเข้าเมืองซำเหนือ นำทุกท่านไปยังวัดโพไชยะนาราม เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาเพียงแห่งเดียวของเมือง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2522-2530 ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองซำเหนือได้แบบ 360 องศา อิสระให้ทุกท่านได้สักการะ ทำบุญ พักผ่อน ถ่ายภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ตามอัธยศัย
สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (8)

จากนั้น นำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์ซำเหนือ

วันที่ 22 ธันวาคม 2567
(ซำเหนือ - เวียงไชย - ซำใต้)

06.00 น. อรุณสวัสดิ์ซำเหนือ / สรีระกิจ

07.00 น. นำทุกท่านเช็คเอาท์ออกเดินทางไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น(9)

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางไปยังเมืองเวียงไช เพื่อนำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์การเมืองของ สปป.ลาว ที่ถ้ำผู้นำ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)

09.00 น. ถึงยังถ้ำผู้นำ นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมเรียนรู้ร่วมกัน ถ้ำผู้นำเป็นสถานที่บัญชาการในสมัยสงครามอินโดจีน ผู้นำขบวนการปลดปล่อยประเทศลาว ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นและศูนย์บัญชาการใหญ่เพื่อต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เพราะเวียงไซยมีสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมเพราะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนและมีถ้ำจำนวนมาก พื้นที่โดยรอบมีหมู่ถ้ำมากกว่า 400 แห่งกระจายอยู่ทั่วเมือง แต่มีเพียง 12 ถ้ำที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชาติ
ปัจจุบันเปิดให้เข้าชม 6 ถ้ำ ที่เคยใช้เป็นที่พำนักและศูนย์บัญชาการของท่านผู้นำปฏิวัติทั้ง 4 ท่านคือ
1. ท่านไกสอน พมวิหาน, 2. ท่านสุพานุวง (เจ้าชายแดง), 3. ท่านหนูฮัก พูมสะหวัน 4. ท่านคำไต สีพันดอน
ลักษณะภายในของแต่ละถ้ำมีรูปแบบคล้ายๆ กัน คือ ประกอบด้วยห้องพัก ห้องประชุม ห้องรับแขก และห้องหลบภัยฉุกเฉินใช้เวลาที่ถูกฝ่ายตรงข้ามทิ้งระเบิด ภายในห้องจะมีเครื่องสูบอากาศจากภายนอกพร้อมระบบป้องกันแก๊สพิษและแรงระเบิด ภายในถ้ำยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อบอกเล่าเรื่องราว ประวัติความเป็นมา และความเป็นอยู่ในถ้ำสมัยนั้นให้นักท่องเที่ยวได้ชม ภาพของท่านผู้นำในกิจกรรมต่างๆ การพบปะกันของผู้นำจากต่างประเทศ โรงเรียนในถ้ำ ภาพหญิงสาวถือปืน และอื่นๆ

สมควรแก่เวลานำทุกท่านไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (10)

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางต่อไปยังเมืองซำใต้ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.5 ช.ม.) ระหว่างการเดินทางเส้นทางลัดเลาะไปตามชุมชนหมู่บ้าน ธรรมชาติ ป่าเขา และเลาะเลียบแม่น้ำซำที่มีความงดงามสลับซับซ้อนไปตามขุนเขาสูง บางจุดสามารถแวะถ่ายภาพความงดงามเป็นที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย

16.00 น. ถึงยังเมืองซำใต้ นำทุกท่านเข้าสู่ที่พักท้องถิ่น เฮือนพักสุดสาคอน จัดเก็บสัมภาระพักผ่อนตามอัธยาศัย

จากนั้น นำทุกท่านไปชื่นชมผ้าทอซำใต้อันละเอียดวิจิตร ลวดลายบอกเล่าเรื่องราวที่มาจากวิถีชีวิต ความเชื่อต่างๆ ถักทอออกมาเป็นลวดลายที่สวยงามมากบนผืนผ้าที่ให้สีสันของเส้นไหมที่นำมาทอชวนสะดุดตาให้เลือกชมเลือกซื้อตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (11)

จากนั้น นำทุกท่านกลับเข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์ซำใต้

วันที่ 23 ธันวาคม 2567 (ซำใต้ - ซำเหนือ - เมืองคำ แขวงเชียงขวาง)

06.00 น. อรุณสวัสดิ์เมืองซำใต้ /สรีระกิจ

06.30 น. นำทุกท่านไปยังกาดเช้าเมืองซำใต้เผื่อชมวิถีผู้คนยามเช้า พร้อมเลือกชมเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่เป็นสินค้าหัตถกรรม ผ้าทอ สินค้าทางการเกษตร สินค้านำเข้าจากจีน เวียดนาม ขนม อาหารพื้นเมือง และอื่นๆ ตามอัธยาศัย

07.15 น. นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (12)

จากนั้น นำทุกท่านกลับที่พักเพื่อเช็คเอาท์ออกเดินทางอำลาเมืองซำใต้ เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองคำแขวงเชียงขวาง (ใช้เวลาเดินทางกว่า 7 ช.ม. แวะพักผ่อนเป็นระยะ)
ระหว่างทาง นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมวัดร้างในเขตเมืองเก่าซำใต้ ก่อนย้ายเมืองมายังที่ตั้งปัจจุบัน คือ วัดสีมุงคุน (วัดศรีมงคล) เมืองซำใต้ วัดร้าง ซึ่งในอดีต เป็นวัดหลวงของเมืองซำใต้ ก่อนที่จะมีการย้ายเมืองซำใต้ ไปยังบ้านพันสะหวัน ที่ห่างออกไปจากที่เดิมกว่า ๒ กม. บ้านซำใต้เดิมนั้นก็ให้ย้ายออกไปจากที่เดิม ไปอยู่ฝั่งขวาน้ำซำ ทำให้บริเวณเมืองซำใต้เดิมเเปนเปล่า วัดสีมุงคุนเองก็กลายเป็นวัดร้าง เพราะห่างไกลจากชุมชน ซ้ำยังข้ามไปมายากเพราะไม่มีขัวข้ามน้ำซำ จากบ้านซำใต้

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางต่อไปยังเมืองซำเหนือ ที่หมายในการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน

12.00 น. ถึงยังร้านอาหารท้องถิ่นเมืองซำเหนือรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (13)
จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางต่อ ระหว่างทางแวะพักเป็นระยะ พร้อมชื่นชมวิถีผู้คน ชุมชน ธรรมชาติ ที่อยู่ระหว่างทาง

18.00 น. ถึงยังเมืองคำ แขวงเชียงขวาง นำทุกท่านรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (14)

จากนั้น นำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก เฮือนทัดตะวัน พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์เมืองคำ

วันที่ 24 ธันวาคม 2567
(เมืองคำ (ถ้ำปลิว)- โพนสะหวัน (ทุ่งไหหิน) เชียงขวาง)
06.00 น. อรุณสวัสดิ์เมืองคำ /สรีระกิจ

07.00 น. นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่นร่วมกัน (15)

08.00 น. เช็คเอาท์นำทุกท่านออกเดินทางไปยังถ้ำปิว

08.20 น. ถึงยังเขตอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ถ้ำปิว ถ้ำปิวเป็นอนุสรณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติลาว ในช่วงสงครามลับที่สหรัฐอเมริกาส่งกองกำลังทหารรับจ้าง และเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีลาวอย่างหนักในช่วงปีค.ศ.1964-1973 (ตรงกับปีพ.ศ.2507-2516) ถ้ำแห่งนี้ชาวบ้านใช้เป็นที่หลบภัยจากสงครามและการโจมตีจนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2511 สหรัฐส่งฝูงบินโจมตีทิ้งระเบิดถล่มอย่างหนัก เครื่องบินรบยิงขีปนาวุธชนิดจากอากาศสู่พื้น จำนวน 4 ลูกถล่มใส่ถ้ำปิว โดยลูกแรกตกที่ปากถ้ำ ส่วนอีก 3 ลูกพุ่งเข้าไปในถ้ำ ชาวบ้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำเสียชีวิตทันที 374 คน ปัจจุบันรัฐบาล สปป.ลาว กำหนดให้ถ้ำปิวเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ และทำพิธีไว้อาลัยดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ในวันที่ 24 พ.ย.เป็นประจำทุกปี นำทุกท่านเดินเท้าเข้าชมภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุสงครามและสิ่งของเครื่องใช้ของผู้หลบภัย ตลอดจนวัตถุจัดแสดงอื่นๆ ที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของสงคราม ก่อนนำทุกท่านเดินเท้าต่อไปยังอนุสาวรีย์รำลึกจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ แล้วเดินเท้าขึ้นสู่ถ้ำปิว ถ้ำแห่งการสูญเสียจากภัยสงคราม เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจ

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางเข้าสู่เมืองโพนสะหวัน เมืองเอกของแขวงเชียงขวาง

ระหว่างทางออกถ้ำปิวนำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมบ้านทอผ้าซิ่นลาว ผ้าคลุม และผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เลือกชม เลือกซื้อ ต่อรองราคากับชาวบ้านที่นั่งทอผ้าด้วยกี่มือใต้ถุนบ้านได้ตามอัธยาศัย

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (16)

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านเดินทางเข้าสู่เมืองโพนสะหวัน เมืองเอกของแขวงเชียงขวาง แต่เดิมมีชื่อว่าเมืองแปก คำว่าแปก ในภาษาลาว หมายถึงไม้สนที่ขึ้นอยู่ในพื้นที่เมืองเชียงขวาง ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร จึงทำให้ภูมิประเทศของเมืองนี้มีความหนาวเย็นตลอดปี จนได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองลาว หรือ สวิตเซอร์ลาว ในสมัยโบราณ เมืองนี้รู้จักกันในชื่อว่าเมืองพวน ผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ที่นั่น หรืออพยพไปอยู่ที่อื่นเรียกว่า ชาวไทพวน ใน พ.ศ. 2513 แขวงเชียงขวางเคยเป็นสมรภูมิรบอันดุเดือดนับครั้งไม่ถ้วน ในยุคสงครามเวียดนามหรือสงครามอินโดจีน ในช่วงเวลานั้น กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี 52 เข้ามาทิ้งระเบิดปูพรมเพื่อทำลายล้างขบวนการปะเทดลาว ทำให้บ้านเมืองราษฎรหลายร้อยหลัง ตลอดจนวัดวาอารามถูกทำลายแทบทั้งหมด ส่งผลให้ราษฎรและทหารฝ่ายขบวนการปะเทดลาวต้องอพยพเข้าไปอยู่ตามถ้ำและหุบเขาทั่วไปในแขวงเชียงขวางและพื้นที่ใกล้เคียง

นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมมรดกโลก ทุ่งไหหิน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2562 ทุ่งไหหินตั้งอยู่ที่เชียงแขวง ทางตอนเหนือของลาว เป็นที่ราบสูง มีหินใหญ่ลักษณะคล้ายไหตั้งอยู่ทั่วบริเวณ มีอายุอยู่ในยุคโลหะตอนปลายไม่น้อยกว่า 2,500 ปี ซึ่งมีนักโบราณคดีค้นพบกระดูก ณ บริเวณนั้น สันนิษฐานว่าหินที่มีลักษณะไหนั้นเป็น “ภาชนะ” บรรจุกระดูก เป็นพิธีศพของชาวลาวโบราณ แต่ทุ่งไหหินนี้ เคยมีตำนานที่ว่าด้วยไหที่วางเรียงรายอยู่นี้ เป็นไหเหล้าของ “ขุนเจือง” วีรบุรุษแห่งสองฝั่งโขง

ทุ่งไหหินมีอยู่ 3 กลุ่ม ภายในเมืองโพนสะหวัน อยู่ห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 7.5 กิโลเมตร ไปทางเมืองคูน เมืองหลวงเก่า มีจำนวนไหประมาณ 200 ไห และมีขนาดใหญ่กว่าในอีก 2 กลุ่ม ถัดมาทางด้านซ้ายมือของทุ่งไหหินจะพบถ้ำแห่งหนึ่งมีแสงแดดสาดส่องลงมา ภายในถ้ำมีลักษณะเป็นปล่องมีความสูงประมาณ 60 เมตร ลักษณะภายในถ้ำไม่ลึกมากนัก สามารถบรรจุคนได้ 50 - 60 คน ถ้ำแห่งนี้เคยใช้เป็นที่หลบภัยสงครามของชาวเมืองเชียงขวางยามเมื่อเครื่องบินมาทิ้งระเบิด พร้อมกับใช้เป็นคลังเก็บอาวุธและเชื้อเพลิงเมื่อสงครามอินโดจีนที่ผ่านมา บริเวณโดยรอบทุ่งไหหินบนจุดชมวิวจะพบร่องรอยการขุดสนามเพลาะเป็นแนวยาวเพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ และหลุมระเบิดขนาดใหญ่หลายหลุม ตลอดจนร่องรอยที่ไหหินแตกกระจายอันเป็นผลมาจากฝูงเครื่องบิน บี 52 ของอเมริกา นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมภาพถ่ายภาพภายในเขตมรดกโลกทุ่งไหหิน ถ้าเวลาเพียงพอจะนำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมครบทั้ง 3 กลุ่ม

เย็น นำทุกท่านไปยังจุดชมวิว View Point เมืองเชียงขวางเพื่อชมทัศนียภาพของเมืองเชียงขวางที่งดงามของทิวเขาบ้านเรือนผู้คนและต้นแปก (ต้นสน) ที่ขึ้นกระจายทั่วไปบนทิวเขาน้อยใหญ่

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (17)

จากนั้น นำทุกท่านไปเดินเล่นที่ตลาดมืดริมน้ำงำ เลือกชมเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ตามอัธยาศัย

จากนั้น นำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย (โรงแรมฟ้าวันใหม่ หรือ เทียบเท่า) ราตรีสวัสดิ์เชียงขวาง

วันที่ 25 ธันวาคม 2567
(โพนสะหวัน - เมืองคูน – ปากซัน แขวงบอลิคำไชย)
05.30 น. อรุณสวัสดิ์ยามเช้าเชียงขวาง /สรีระกิจ

05.45 น. นำทุกท่านออกเดินทางไปยังตลาดเช้าเมืองเชียงขวาง เพื่อไปชมวิถีชีวิตผู้คนเมืองโพนสะหวัน พร้อมเลือกชมเลือกซื้อสินค้า อาหารสด ผักผลไม้สด ฯลฯ ตามอัธยาศัย โดยสินค้าที่ขึ้นชื่อ คือไส้กรอก (แบบไส้กรอกอีสาน) ที่วางขายบนแผงใหญ่เต็มบริเวณ น้ำพริก หรือแจ่วบอง แจ่วปลาร้า แจ่วนกนางแอ่น เป็นต้น

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านกลับเข้าสู่ที่พัก พร้อมรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่โรงแรม (18)

08.00 น. นำทุกท่านเช็คเอาท์ออกเดินทางไปยังเมืองคูน เพื่อนำทุกท่านเข้าสู่อดีตอาณาจักรพวนของกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.)

09.15 น. ถึงยังเมืองคูน นำทุกท่านไปเยี่ยมชมร่องรอยอารยธรรมต่างๆ ของไทพวน อาทิ วัดพญาวัด ทาดฝุ่น ทาดดำ ทาดจอมเพชร เมืองคูนซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองเอกของแขวงเชียงขวาง แต่เนื่องจากผลของสงครามอินโดจีน ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของกองทัพอเมริกาจึงทำให้บ้านเรือน วัดวาอาราม โบราณสถานต่างๆ ถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ร่องรอยต่างๆ ที่หลงเหลืออยู่จึงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวไทพวนที่เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมพร้อมความอาลัยจากผลของสงคราม นำทุกท่านเข้าชมสถานสำคัญที่ต่างๆ ในร่องรอยอารยธรรมไทพวก
- วัดพญาวัด (วัดเพียวัด) ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2107 และมีการสร้างเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2125 ในปี 2509 วิหารถูกทำลายโดยเครื่องบิน T28 aircraft gunfire และตอนนี้เหลือเพียงเสาหลักของอาคารเท่านั้นที่มาพร้อมกับพระพุทธรูป.
- ทาดฝุ่น พระธาตุฝุ่นตั้งอยู่ในตัวเมืองอำเภอคูน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2119 พระเจดีย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากอินเดียในช่วงเวลาที่พระพุทธศาสนาแพร่ขยายในลาว. จากลักษณะของทาดเจดีย์มีรูปแบบสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม แบบไทพวนที่ชัดเจนคือบริเวณฐานองค์เจดีย์มีการย่อมุมจำนวนมากทั้งสี่ด้าน องค์เจดีย์ทรงชะลูดสูง เป็นรูปแบบเฉพาะตัวของศิลปะไทพวน
- ทาดจอมเพชร สร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับพระธาตุฝุ่นที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน พระธาตุจอมเพชรถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณค่าทางพุทธศาสนาสร้างแรงบันดาลใจให้กับความจริงและความชัดแจ้ง แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคือความเชื่อที่ว่าการทำบุญเท่านั้น (เช่น การทำความดี การรักษาศีลธรรม และความเคารพ) จะนำมาซึ่งความสุข ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเรือง พระธาตุจอมเพชรถูกทำลายเกือบสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2509 ในช่วงสงคราม.ปัจจุบันหลงเหลือแค่เพียงเศษซากของเจดีย์ที่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขา

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ที่ร้านอาหารท้องถิ่น (19)

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไช (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ)

ถึงยังเมืองปากซัน นำทุกท่านเดินทางไปเยี่ยมชมวัดพระทาดภูเวียง วัดเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืองานช่างศิลปกรรมลาวให้ได้ชื่นชมกัน โดยเฉพาะทางด้านประติมานวิทยาลวดลายปูนปั้นประดับรอบองค์พระทาดศิลปกรรมลาวรูปทรงคล้ายกับพระทาดหลวงเวียงจันทน์ และ พระธาตุพนม ที่เราคุ้นตามีงานปูนปั้นประดับเป็นรูปสัตว์ประจำทิศ เทวดา และลวดลายปูนปั้นประดับที่งดงามตามเสน่ห์งานช่างศิลป์ลาว

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่นเมืองปากซัน (20)

จากนั้น นำทุกท่านเข้าสู่ที่พักเมืองปากซัน เมืองเอกของแขวงบอลิคำไช โรงแรมโชคบุญมา พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์ปากซัน

วันที่ 26 ธันวาคม 2567
(ปากซัน - เวียงจันทน์ - อุดรธานี – กรุงเทพฯ)
06.00 น. อรุณสวัสดิ์ปากซัน /สรีระกิจ
จากนั้น นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (21)

จากนั้น นำทุกท่านกลับเข้าโรงแรมที่พักเพื่อเช็คเอาท์ ออกเดินทางเข้าสู่นครหลวงเวียงจันทน์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ) ระหว่างทางแวะพักผ่อนถ่ายภาพจุดชมวิวตามเส้นทางเป็นระยะ

เที่ยง นำทุกท่านไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น (22)

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปยังประตูไซ

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางต่อไปยังทาดหลวงเวียงจันทน์ อันเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญของประเทดลาว และนครหลวงเวียงจันทน์

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ผ้าไหมลาว (Laos Textiile Museum) พิพิธภัณฑ์ผ้าไหมเมืองลาว ( Lao Textile Museum ) พิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคลที่่รวบรวมผ้าและสิ่งถักทอลาวเพื่อการเรียนรู้ พร้อมทั้งการส่งเสริมการทอผ้า การย้อมผ้า และสร้างผลิตภัณฑ์ ภายในมีการจัดแสดงเครื่องแต่งกาย. เครื่องนุ่งห่มลาวมากมายหลากหลายสมัย หลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ในลาว และเฮือนเก่าแก่โบราณอายุกว่าร้อยปี ฉางข้าวเก่าโบราณให้ชื่นชมท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ภายในพิพิธภัณฑ์ ชมการสาธิตการทอผ้า และการจัดแสดงผ้าโบราณอายุนับร้อยปี ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในประเทศลาว พร้อมวัตถุจัดแสดง สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการทอผ้าและวิถีชีวิตคนลาว ตลอดจนเรียนรู้วิธีการย้อมครามธรรมชาติ ท้ายสุดกับการเลือกชมเลือกซื้อผ้าหรือเครื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในร้านค้าภายในพิพิธภัณฑ์ตามอัธยาศัย

จากนั้น อำลาพิพิธภัณฑ์ผ้าไหมลาว เพื่อออกเดินทางไปยังด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 1 หนองคาย - เวียงจันทน์ เพื่อดำเนินพิธีการผ่านแดนเข้าสู่ประเทศไทย โดยการเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
เมื่อข้ามถึงฝั่งไทย ดำเนินการพิธีการต่างๆ เพื่อเข้าสู่ประเทศรถตู้นำทุกท่านออกเดินทางไปยังสนามบินอุดรธานีเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

19.00 น. ถึงยังสนามบินอุดรธานี นำทุกท่านเช็คอินโหลดสัมภาระ จากนั้น พักผ่อนหาอาหารรับประทานภายในสนามบินตามอัธยาศัย

21.30 น. นำทุกท่านออกเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3357 (น้ำหนักสัมภาระ 20 ก.ก.)

22.30 น. ถึงยังสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ พร้อมความสุขจากประสบการณ์ การเดินทางภายใน สปป,ลาวจากฝั่งตะวันออกสุดของ สปป.ลาว เมืองซำเหนือ แขวงหัวพัน ชายแดนลาว-เวียดนาม มาจรดนครหลวงเวียงจันทน์ ชายแดนลาว - ไทย ตลอดระยะเวลา 8 วัน 7 คืน โดยสวัสดิภาพ

หมายเหตุ : กำหนดการต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม

ดำเนินการจัดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโดย : พิพิธเพลินใจ แทรเวล
ใบอนุญาตเลขที่ 11/11626

อำนวยการจัดการท่องเที่ยวโดย :
ชมรมพิพิธสยาม

โปรแกรมโดย : นายพุทธิกร วัชรยุคนธร

#ซำเหนือ #ซำใต้ #เมืองแอด #หลวงพระบาง #เชียงขวาง #เวียงจันทน์ #ปากซัน #ไทดำ #ไทแดง #ไทลื้อ #ไทพวน #ลาว #ขมุ #ชมรมพิพิธสยาม #พิพิธเพลินใจแทรเวล

เปิดรับลงทะเบียนแล้ววันนี้ กิจกรรมเคลื่อนพล Bhutan (West to Middle)10 - 16 มกราคม 2568บินตรงสู่ราชอาณาจักรภูฎาน ดินแดนแห...
08/09/2024

เปิดรับลงทะเบียนแล้ววันนี้
กิจกรรมเคลื่อนพล
Bhutan (West to Middle)
10 - 16 มกราคม 2568
บินตรงสู่ราชอาณาจักรภูฎาน
ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า เยือนดินแดนที่มีพื้นที่ที่เป็นหุบเขาสูงสลับซับซ้อน สูงจากระดับน้ำทะเล 2,000-7,000 เมตร จนเป็นที่มาของชื่อ “ภูฏาน” แปลว่าดินแดนบนที่สูง หรืออาณาจักรบนฟ้า จนเป็นอีกแห่งหนึ่งในโลกที่ได้ สมญานามว่า “สวิสแห่งเอเชีย”
จนเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ภูฏานถูกเปรียบเปรยว่าเป็น The Last Shangri-la ดินแดนแชงกรี-ลาแห่งสุดท้าย
นอกจากนั้นภูฏานยังเป็นประเทศที่รุ่มรวยด้วยศิลปะและวัฒนธรรมในรูปแบบของศิลปกรรมหิมาลัย (Himalayan Arts) ซึ่งประกอบด้วย ทิเบต เนปาล ภูฏานและสิกขิม จนทำให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบเฉพาะของภูฏาน จึงทำให้เป็นที่หลงใหลแก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทริปนี้นำท่านเยือนภูฏานแบบแกรนด์ภูฏาน จากตะวันตกสู่ใจกลางราชอาณาจักรภูฎาน ที่น้อยคนที่จะได้มีโอกาสไปเยือน
ภาคตะวันตก :
- พาโร เมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ ประตูแห่งการเดินทางและธุรกิจ
ภาคกลาง :
- ทิมพู เมืองหลวงปัจจุบันของประเทศภูฏาน
- ปูนาคา เมืองหลวงแห่งแรก คราวได้มีการรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น
- ตรองสา เมืองศูนย์กลางของการค้าเชื่อมภาคตะวันตก-ตะวันออกตั้งแต่ในยุคอดีต
- บุมทัง เมืองที่ได้ชื่อว่า เมืองแห่งสาวงาม ล้อมรอบด้วยหุบเขาทั้ง 4
ค่าลงทะเบียนท่านละ 113,900 บาท
(จากนโยบายน้อยแต่มากของรัฐบาลภูฎานเพื่อเป็นการคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายค่าต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิด 19)
สามารถแบ่งชำระได้ทั้งหมด 5 งวด
งวดแรก ภายในสามวันจากวันลงทะเบียน จำนวน 10,900 บาท
งวดที่สอง ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 จำนวน 25,000 บาท
งวดที่สาม ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 30,000 บาท
งวดที่สี่ ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 จำนวน 26,000 บาท
งวดที่ห้า ภายในวันที่ 2 มกราคม 2568 จำนวน 22,000 บาท
***พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 9,500 บาท สามารถชำระร่วมกันได้ในงวดสุดท้ายนี้
อัตรานี้รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางไปกลับ โดยสายการบิน ภูฎานแอร์ไลน์
- ค่าวีซ่าภูฎาน
- ค่าพาหนะ รถปรับอากาศรับ-ส่ง ระหว่างสนามบิน, โรงแรม ตามที่กำหนดในรายการเดินทาง รวมทั้งพาหนะอย่างอื่น อาทิ เรือ, เฟอรี่, รถไฟด่วน, กระเช้า ฯลฯ (ถ้ามีกำหนดและระบุในรายการเดินทาง)
- ค่าที่พักโรงแรม พัก 2 ท่าน ต่อหนึ่งห้องคู่
- ค่าภาษีสนามบิน ทุกสนามบิน
- ค่าธรรมเนียมผ่านประตูเข้าชม สถานที่ต่าง ๆ ตามรายการ
- ค่าอาหารทุกมื้อ ตามที่ระบุในรายการ
- ค่าประกันภัยอุบัติเหตุจากการเดินทาง คุ้มครองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) และคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องจากอุบัติเหตุ 500,000 บาท
- มัคคุเทศก์ท้องถิ่น (บรรยายภาษาอังกฤษ)
- หัวหน้าทัวร์คนไทย (ดูแลตลอดเส้นทาง และเดินทางไป-กลับพร้อมคณะ)
อัตรานี้ไม่รวม
- ค่าหนังสือเดินทาง (Passport)
- ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ผู้เดินทางสั่งเองนอกเหนือจากรายการ
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆที่มิได้ระบุรวมในรายการเช่น โทรศัพท์ มินิบาร์ ทีวีช่องพิเศษ ซัก-รีด ฯลฯ (ถ้ามี)
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในการ ดำเนินการบริการนำเที่ยว และ ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)
- ค่าภาษีใบเสร็จรับเงิน จากโรงแรม / ภัตตาคาร (ส่วนเกิน)
- ค่าน้ำหนักสัมภาระที่เกินจากที่สายการบินกำหนด
- ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น, คนขับรถ ชาวภูฏาน ท่านละ 5 USD/วัน รวมเป็นเงิน 35 USD / ท่าน ตลอดการเดินทาง
- ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทย กรุณาพิจารณาให้ตามเห็นสมควร เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน
***สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเพียงแจ้งชื่อนามสกุล เบอร์โทร ของท่านและผู้ที่ร่วมเดินทางพร้อมกับท่าน*** ที่ inbox นี้จากนั้นรอการยืนยันตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรมพร้อมแจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้ท่านดำเนินการ
กำหนดการกิจกรรมเคลื่อนพล
จากตะวันตก สู่ ใจกลาง ราชอาณาจักรภูฎาน
วันที่ 10 - 16 มกราคม 2568
วันที่ 10 มกราคม 2568
05.30 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประตู 5 Row K สายการบิน “ภูฏาน แอร์ไลน์” (Bhutan Airlines)
08.30 น. ออกเดินทางสู่...กรุงพาโร,ภูฏาน โดยสายการบิน “ภูฏาน แอร์ไลน์” เที่ยวบินที่ B3-701
*** เครื่องบินแวะจอดรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่เมืองกัลกัตต้า, อินเดีย 40 นาที ***
11.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานพาโร, ภูฏาน (เวลาท้องถิ่นภูฏาน ช้ากว่าที่ประเทศไทย 1 ช.ม.)
ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง / ศุลกากร
จากนั้น รถปรับอากาศ รอรับคณะ เดินทางสู่...ภัตตาคาร
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (1)
14.00 น. ออกเดินทางสู่...ทิมพู (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20ชั่วโมง)
ระหว่างทาง ผ่านชมสะพานแขวนทอดข้ามแม่น้ำ ซึ่งสร้างโดยพระลามะชาวทิเบต ในศตวรรษที่15 ชื่อ Thangtong Gyalpo ที่เดินทางมาเพื่อต้องการมาหาแร่เหล็ก และท่านได้คิดค้นการทำโซ่เหล็กเป็นครั้งแรก
และผ่านชมเจดีย์สามองค์ริม ฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเป็นเจดีย์แบบทิเบต
ภูฏาน และเนปาล ณ จุดบรรจบของแม่น้ำพาชู กับแม่น้ำทิมพูชู
ที่บริเวณด่านชูซอม (Chuzom) เดินทางต่อท่ามกลางทิวทัศน์แสน
สวยแปลกตาสู่ โดชูลา พาส ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,050 เมตร
16.00 น.เดินทางถึงทิมพู
จากนั้น นำท่านนมัสการ “พระศรีสัจธรรม” หรือ Big Buddha ที่ประดิษฐานอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในโลก เริ่มสร้างโดยเงินทุนของชาวฮ่องกง บริจาคเงินซื้อที่ดินและสร้างพระพุทธรูป ให้แก่รัฐบาลประเทศภูฏานให้ท่านไหว้ขอพรเพื่อเป็นศิริมงคล
จากนั้น ชม “ทิมพู ซอง” (Thimpu Dzong) หรือชื่อทางการว่า “ตาชิโช ซอง” (Tashicho Dzong) ซึ่งเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่
ปัจจุบันเป็นพระราชวังที่ประทับของพระมหากษัตริย์ภูฏาน และเป็น
พระตำหนักฤดูร้อนในสมเด็จพระสังฆราชภูฏาน พระอารามหลวง
สำนักพระราชวัง ทำเนียบรัฐบาล ห้องประชุมรัฐสภาแห่งชาติ โดยแบ่ง
เป็นห้องต่างๆ กว่า 100 ห้อง แต่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเฉพาะ
ส่วนของพระอารามหลวง ซึ่งประดับภาพจิตรกรรมฝาผนัง และผ้าพระบฏที่เล่าเรื่องราวในพุทธศาสนานิกายวัชรยาน
เย็น นำท่านเข้าที่พัก / รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (2)
จากนั้นอิสระให้ทุกท่าน พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์ภูฎาน
วันที่ 11 มกราคม 2568
06.00 น. อรุณสวัสดิ์ภูฎาน/สรีระกิจ
07.00 น.รับประทานอาหารเช้ารวมกัน ที่ห้องอาหารโรงแรม (3)
08.00 น. เช็คเอาท์ออกเดินทางสู่...โดจูลา พาส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
09.00 น. เดินทางถึงโดจูลา พาส ท่ามกลางบรรยากาศแสนสวยสุดแสนโรแมนติค ณ จุดชมวิวบนเขา
ซึ่งหากเป็นวันที่อากาศสดใสจะมองเห็นยอดเขาโต๊ะที่มียอดแบนราบเหมือนโต๊ะและยอดเขาอื่นๆ บน
เทือกเขาหิมาลัย ที่สูงกว่า 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล นำชมสถูป “ดรุค วังเกล” (Druk Wangyel Chorten) หรือสถูปแห่งความเป็นสิริมงคลและ สันติสุขของแผ่นดิน 108 องค์ ที่สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระราชินี อาชิ ดอร์จิ วังโม วังซุก (ในรัชกาลที่ 4) เพื่อถวายพระโพธิสัตว์ และพระอรหันต์ 108 องค์และเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความสงบสุขที่เกิดขึ้นหลังจากการปราบกบฏอัสสัมที่เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศภูฏานในการต่อสู้กับรัฐบาลอินเดีย
09.40 น. ออกเดินทางสู่...ตรองสา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ระหว่างทาง (4)
จากนั้น ออกเดินทาง (ต่อ)
14.30 น. เดินทางถึงตรองสา นำชม ตรองสา ซอง (Trongza Dhong) ตงซาซอง มหาปราการามที่แคบและยาวที่สุดในภูฎาน เป็นที่ตั้งหน่วยงานการบริหารราชการเขตปกครองตงซา มีวัดและวิหารมากถึง 24 หลัง ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันที่ระดับความสูง 2,200 เมตร เหนือแม่น้ำมังเดชู
มหาปราการามแห่งนี้สร้างในปี พ.ศ.2187 มีความสำคัญมากทั้งทางด้านยุทธศาสตร์ และประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรภูฎาน เพราะการเดินทางไปยังภาคตะวันออกจะต้องผ่านตรองสา ทำให้ผู้ปกครองตรองสากลายเป็นผู้มีอิทธิพลที่จะควบคุมเส้นทางการเดินทางและการค้าแถบตะวันออก-ตะวันตก โดยปริยาย นั่นคือ พระบิดาของกษัตริย์องค์แรกแห่งภูฎาน นามว่าท่านจิกมี นัมเกล ซึ่งดำรงตำแหน่ง “เป็นลป” แห่งตงซา
จากนั้น ออกเดินทางต่อสู่เมืองบุมทัง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง)
17.00 น. (โดยประมาณ) เดินทางถึงบุมทัง เมืองท่ามกลางหุบเขาที่สวยและบริสุทธิ์ เหมืองเมืองปายผสมผสานกับเมืองน่านรวมกัน และชื่อของ บุมทัง ยังมีความหมายว่า “สถานที่ที่มีผู้หญิงสวย” (บุม หมายถึง ผู้หญิงสวย, ทัง หมายถึงสถานที่) เนื่องจากในอดีตหุบเขาแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือกันว่ามีแต่สาวงามทั้งนั้น และล้อมรอบด้วยหุบเขาทั้ง 4 ซึ่งประกอบขึ้นเป็นบุมทัง อันได้แแก่ - หุบเขาจาการ์
- หุบเขาชูเมะ
- หุบเขาตัง
- หุบเขาอูรา
จากนั้นนำท่านเข้าที่พัก / รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน (5)
จากนั้น อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย (พักที่เมืองบูมทัง 2 คืน)
วันที่ 12 มกราคม 2568
06.00 น. อรุณสวัสดิ์บูมทัง/สรีระกิจ
08.00 น.รับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ห้องอาหารโรงแรม (6)
จากนั้น นำท่านชม Mebar Tso (The flaming Lake or Burning Lake) ทะเลสาบแห่งนี้ชาวภูฏานถือเป็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ เป็น 1 ในสถานที่ที่ต้องมาทำการบูชาสักครั้ง ด้วยว่า ณ ทะเลสาบแห่งนี้ ท่านเปมา ลิงปะได้เคยมากระโดดลงไปในทะเลสาบแห่งนี้โดยที่มือของท่านได้ถือเทียน
ที่ถูกจุดแล้วเอาไว้ด้วย พอท่านขึ้นมาจากน้ำ เทียนก็ยังไม่ดับ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบว่า Burning Lake
จากนั้นชมอารามกูร์เจ (Krujey Tshechu) วิหารล้ำค่าที่มีความสำคัญในเขตจาการ์ เป็นสถานที่ที่ชาวภูฏานต้องเดินทางมาจาริกแสวงบุญเหมือนที่ต้องเดินทางไปวัดตั๊กซัง เพราะท่านคุรุริมโปเชได้ทิ้งรอยพิมพ์ (เจ)
รูปพระวรกาย (กูร์) เอาไว้บนกำแพงหิน อารามแห่งนี้เป็นอารามใหญ่
ประกอบด้วยวิหารสามหลัง ซึ่งวิหารฝั่งขวาเป็นวิหารที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่บนแท่นหินที่ท่านคุรุริมโปเชเคยใช้เป็นที่นั่งในการบำเพ็ญบารมีนอกจากนั้นภายในวิหารยังมีพระศรีศากยมุนี พระศรีอารยเมตไตรย และ มีพระแม่ตารา (พระโพธิสัตว์ผู้หญิงในศาสนาทิเบต) ทั้ง 21 ปาง
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ณ ร้านอาหารพื้นเมือง ( 7)
บ่าย นำชม วัดจัมบา (Jampa Lakhang) วัดที่สร้างขึ้นด้วยจุดหมายในการตรึงร่างนางยักษ์เอาไว้ โดยวัดคิชู ที่เมืองพาโร ตรึงเท้าซ้าย
ส่วนวัดจัมบา สร้างขึ้นเพื่อตรึงเข่าซ้าย คำว่า จัมบา มีความหมายว่า
“พระพุทธเจ้าแห่งอนาคต” สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 12 รู้จักกันในชื่อวัดพระเมตตรัย เนื่องจากพระประธานวัดนี้คือพระศรีอารยเมตตรัย (โจโว จัมปา-Jowo Jampa) นำท่านชม จาการ์ ซอง (Jakar Dzong or Jakar Yugyal Dzong) หรือเรียกอีกชื่อว่า ปราสาทแห่งนกสีขาว (Castle of White Bird) เนื่องจากซอง เหมือนนกสีขาวที่อยู่บนยอดเขา Chamkhar และ อาจจะเป็นซองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศภูฏานด้วยการวัดเส้นรอบวงของซองแล้วมีความยาว 1.5 กิโลเมตร ซองแห่งนี้ถูกสร้างตั้งขึ้นโดยลามะธิเบต Ralung Yongzin Ngagi Wangchuk เมื่อพ.ศ. 2060-2097 และเมื่อคราวปราบดาภิเษกราชวงศ์วังชุก ได้ใช้ซองแห่งนี้เป็น
พระราชวังแห่งแรกของราชวงศ์ อีกทั้งซองแห่งนี้ยังมีความโดดเด่นตรง “หออุเสะ” ที่มีความสูง 55 เมตร ซึ่งสูงกว่าหออุเสะของซองอื่นๆ ในภูฎาน และทางเดินทางภายในซองที่เป็นลักษณะกำแพงสองชั้นขนานกันไป เพื่อใช้เป็นทางเดินไปสู่เส้นทางน้ำเพื่อลี้ภัยในกรณีที่ข้าศึกได้บุกรุกเข้ามาปิดล้อมภายในซอง ปัจจุบันเส้นทางการเดินนี้ก็ยังถูกรักษาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
เย็น นำท่านเข้าที่พัก และ รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (😎
จากนั้น อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์บูมทัง
วันที่ 13 มกราคม 2567
05.30 น. อรุณสวัสดิ์บูมทัง /สรีระกิจ
06.30 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (9)
07.30 น. เช็คเอ้าท์ แล้วออกเดินทางสู่...ตรองสา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง)
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารพื้นเมืองร่วมกัน (10)
12.00 น. ออกเดินทาง สู่...ปูนาคา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 - 2.30 ชั่วโมง)
14.30 น.เดินทางถึงปูนาคา
จากนั้น นำท่านเข้าชม “ปูนาคา ซอง” (Punakha Dzong) ซึ่งเป็นซองขนาดใหญ่ และสำคัญที่สุด เนื่องด้วยเคยเป็นพระราชวังหลวงมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศจนถึงรัชกาลที่ 3 จึงได้ทรงย้ายเมืองหลวงไปสู่เมืองทิมพูแต่สมเด็จพระสังฆราชจะทรงประทับอยู่ทั้ง 2 เมือง คือฤดูหนาวจะประทับที่ปูนาคา และฤดูร้อนจะทรงประทับอยู่ที่เมืองทิมพู และ ณ ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่เก็บพระอัฐิของท่านธรรมราชา “ซับดรุง งาวัง นัมเกล” ผู้รวบรวมผืนแผ่นดินจนเป็น “ประเทศภูฏาน” จนถึงทุกวันนี้
จากนั้น นำท่านเข้าที่พัก และรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม ( 11 )
จากนั้น อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์ปูนาคา
วันที่ 14 มกราคม 2568
06.00 น. อรุณสวัสดิ์ปูนาคา /สรีระกิจ
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (12)
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่วัดชิมิ
08.30 น.นำท่านเดินเท้าขึ้นชม วัดชิมิ (Chimi Lhakhang) หรือวัดแห่งการเกิดที่ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยท่าน Drukpa Kuenley นักบวชลามะผู้ที่เต็มไปด้วยเวทย์มนต์พลังลึกลับและอิทธิปาฏิหาริย์ท่านได้สะกดวิญญาณ นางปีศาจร้ายที่แปลงร่างเป็นสุนัขเอาไว้ใต้เจดีย์ด้วยเครื่องมือที่เป็นรูปอวัยวะเพศชายทำให้วัดแห่งนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า No Dog Temple และยังได้เนรมิตแพะผสมวัวให้กลายเป็น “ตัวทาคิน” สัตว์ประจำชาติของภูฏาน จึงเป็นวัดที่ชาวภูฏนนิยมมาขอพร เพื่อเพิ่มพลังให้ชีวิตและการขอบุตรกันที่วัดนี้ ซึ่งในโบสถ์จะมีรูปบูชาของท่าน และ จะมีพระลามะทำพิธีให้พรด้วยการใช้เครื่องหมายเพศ ชาย และคันธนูเคาะเบาๆที่ศีรษะ จากนั้นจะรินน้ำมนต์ ซึ่งตามธรรมเนียมเราต้องใช้ฝ่ามือทั้งสองรับน้ำมนต์มาแตะที่ริมฝีปากก่อนที่จะนำไปลูบที่ศรีษะ
10.00 น. ออกเดินทางสู่...โดจูลา พาส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมง)
11.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร ที่โดจูลาพาส (13)
12.30 น. ออกเดินทางสู่...ซิมโทกา ซอง (ใช้เวลาประมาณ 40 นาที)
13.10 น. นำท่านชม ซิมโทกาซอง (Simtokha Dzong) ซองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ สร้างขึ้นในสมัยรวมชาติ ปัจจุบันเป็นโรงเรียนสอนภาษา
“ซองคา” ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติ และใช้เป็นโรงเรียนสอนศาสนาสำหรับสามเณรลามะ ชมความเก่าแก่ของวัด และ สักการะพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์กวนอิมภายในโบสถ์ และสักการะ “มหากาล-มหากาลี” ซึ่งเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าที่คุ้มครองประเทศภูฏานมาแต่ครั้งโบราณ
14.00 น. ออกเดินทางสู่...พาโร (ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
15.30 น. เดินทางถึงพาโร นำท่านชม “พาโร ซอง” (Paro Dzong) หรือ “ริมปุง ซอง”
“ซอง” มีสถานะที่เป็นทั้งป้อมปราการ สำนักงานบริหารราชการเมืองและเป็นอารามหลวง, สนามหลวง กล่าวได้ว่า “ซอง” คือจิตวิญญาณของชาวภูฏานให้เป็นหนึ่งเดียว โดย “ซอง” ได้รับการออกแบบโดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล ผู้ก่อตั้งประเทศภูฏาน
จากนั้น นำท่านไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บริเวณสะพานไม้ของริมปุง ซอง
แปลว่า กองเนินอัญมณี สร้างขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยชนเผ่าฮุนเกรล และต่อมาเมื่อทุกฝ่ายยอมรับในอำนาจของซับดรุงงาวัง นัมเกล จึงได้บูรณะใน .ศ.1646 ให้เป็นซองประจำเมืองพาโร และเปลี่ยนชื่อจากริมปุง ซอง เป็นพาโร ซอง (Paro Dzong)
จากนั้น จัดเวลาให้ท่านเลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง – เดินชมตลาด – พื้นที่เศรฐกิจของเมืองพาโร หรือจะนั่งจิบกาแฟ ชมบรรยากาศของเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ก็ได้ตามอัธยาศัย
สมควรแก่เวลา นำทุกท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
จากนั้น นำทุกทานรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (14)
จากนั้น อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์พาโร
วันที่ 15 มกราคม 2568
05.30 น. อรุณสวัสดิ์พาโร /สรีระกิจ
06.00 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่ห้องอาหารโรงแรม (15)
07.00 น. ออกเดินทางสู่เชิงเขาวัดตั๊กซัง
07.30 น. เดินทางถึงเชิงเขาวัดตั๊กซัง
จากนั้น นำท่านเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา ซึ่งถือเป็นเส้นทางแสวงบุญของชาวพุทธมหายานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
(หากประสงค์จะนั่งม้ากรุณาแจ้งไกด์ท้องถิ่น ล่วงหน้า 1 วัน-ค่าใช้จ่ายไม่รวมในค่าทัวร์ และการนั่งม้าอนุญาตให้นั่งได้เฉพาะขาขึ้นของช่วงแรกเท่านั้น นอกนั้นต้องเดินเท้าขึ้น-ลง เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว)
การเดินขึ้นเขาแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ใช้เวลาช่วงละประมาณ 2 ชั่วโมง ที่ระดับความสูงเฉลี่ย 2,000-3,000 เมตร ในเส้นทางแสวงบุญของชาวพุทธมหายานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ช่วงแรก (สามารถนั่งม้าได้) สิ้นสุดการเดินระยะที่ 1
แวะพักเหนื่อย พร้อมชมภาพมหัศจรรย์ของวัดตั๊กซังที่เกาะเกี่ยวอยู่บนหน้าผาสูง รับประทานอาหารว่าง ดื่มชา-กาแฟที่จุดชมวิว Taktshang Cafe
จากนั้นท่านที่ยังมีพลังศรัทธาแรงกล้าจะร่วมกันเดินข้ามเขาในช่วงที่สอง (เดินเท้าประมาณ 2 ช.ม.) ขึ้นสู่ วัดตั๊กซัง (Taktshang Lhakhang)
หรือวัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นวัดถ้ำ 13 วัดที่สร้างเกาะเกี่ยวกันอยู่บนหน้าผา
ที่ดูเหมือนวิมานสวรรค์ล่องลอยอยู่เหนือกลุ่มเมฆ นับเป็นวัดที่มีความ
มหัศจรรย์1ใน10 ของโลก และมีความสำคัญที่สุดของชาวภูฏานซึ่งทุกคนจะต้องขึ้นไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต...ตามตำนาน ที่เชื่อกันว่าถ้ำเสื้อหรือรังเสือ (Tiger Nest) แห่งนี้คือสถานที่ๆ กูรู ริมโปเช หรือท่านคุรุปัทมสัมภวะ ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งคำสอนแบบวัชรยานตันตระที่เดินทางโปรดสัตว์มาจากทิเบต ได้ขี่นางเสือ (หมายถึงศักติ หรือพลังปัญญาจากเพศหญิงที่แปลงสภาพเป็นนางเสือ) ขึ้นไปสร้างสมบุญบารมีนั่งวิปัสสนากรรมฐานบำเพ็ญสมาธิภาวนาอยู่ในถ้ำนานถึง 3 เดือน ก่อนที่ท่านจะประกาศคำสอนแก่สานุศิษย์เพื่อเผยแผ่พระศาสนาสู่ดินแดนพุทธภูมิภูฏาน ในพุทธศตวรรษที่12
(การเดินขึ้นไปถึงวัดตั้กซัง ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ อากาศบนที่สูงเบาบางซึ่งอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย ท่านที่ต้องการสละสิทธิ์กรุณาแจ้งล่วงหน้า เพื่อจัดเตรียมการดูแล)
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ Takshang café (บุฟเฟ่ต์อาหารพื้นเมืองแบบมังสวิรัติ) (16)
จากนั้น นำท่านเดินเท้ากลับสู่จุดจอดรถ (ใช้เวลาเดินลงประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง) นำทุกท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก
เย็น รับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ห้องอาหารโรงแรม (17)
จากนั้น อิสระให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์พาโร
วันที่ 16 มกราคม 2568
06.00 น. อรุณสวัสดิ์พาโร / สรีระกิจ
07.00 น.รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ที่ห้องโรงแรม (18)
08.00 น.นำท่านชม “วัดคิชู” (Kichu Temple) อายุ1,300 ปี วัดเก่าแก่ที่สุด
แห่งหนึ่งของภูฏาน สร้างโดยกษัตริย์ ซองเซน กัมโป โปรดให้สร้างวัดขึ้น 108 แห่ง เพื่อตอกหมุดสะกดอวัยวะ 108 จุด ของนางยักษ์ตนหนึ่ง โดยจุดที่สร้างวัดคิชูในเมืองพาโรเป็นข้อเท้าซ้ายของนางยักษ์
10.00 น. นำท่านเช็คอิน ณ สนามบินนานาชาติพาโร
12.30 น. ออกเดินทางกลับสู่...กรุงเทพฯ โดยสายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3-700 (บิน 4.30 ชม.)
*** เครื่องบินแวะจอดรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่เมืองกัลกัตต้า, อินเดีย 40 นาที ***
รับประทานอาหารกลางวันและเครื่องดื่ม บนเครื่องบิน (19)
18.00 น. เดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความสุขและความประทับใจจากการเดินทางเรียนรู้ร่วมกัน ณ ราชอาณาจักรภูฎาน
หมายเหตุ : กำหนดการเดินทางและเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามความจำเป็นและเหมาะสม และตามตารางเวลาของสายการบินที่ใช้เดินทาง
อำนวยการจัดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดย ชมรมพิพิธสยาม
ดำเนินการจัดการท่องเที่ยว โดย พิพิธเพลินใจ แทรเวล
ใบอนุญาตเลขที่ 11/11626
โทร 0952429915
#ภูฎาน #ราชอาณาจักรภูฎาน #พาโร #ทิมพู #ปูนาคา #ตรองสา #บูมทัง #ชมรมพิพิธสยาม #พิพิธพลินใจแทรเวล #ท่องเที่ยว #ศิลปวัฒนธรรม

Address

12 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 66 ถ. จรัญสนิทวงศ์ บางพลัด

10700

Opening Hours

Monday 09:00 - 17:00
Tuesday 09:00 - 17:00
Wednesday 09:00 - 17:00
Thursday 09:00 - 17:00
Friday 09:00 - 17:00
Saturday 09:00 - 17:00
Sunday 09:00 - 17:00

Telephone

+66952429915

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ชมรมพิพิธสยาม (Variety Siam) posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to ชมรมพิพิธสยาม (Variety Siam):

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Opening Hours
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Travel Agency?

Share