Green Bangkok 2030

22/02/2021

https://www.facebook.com/114517608647869/posts/3253196901446575/

17/02/2021

05/06/2020

23/02/2020

https://www.facebook.com/276214212878690/posts/820806471752792/

02/01/2020

26/12/2019

ขอบคุณ City Cracker ครับ

พื้นที่นำร่องของโครงการเป็นเพียงพื้นที่เบื้องต้นเท่านั้น
ถ้าหากใครอยากเห็นพื้นที่สีเขียวในละแวกบ้านของตนเอง แอบกระซิบเราได้นะครับ

เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของทุกคนครับ

สู่การเป็นมหานครสีเขียว กับ 11 พื้นที่นำร่อง จากโครงการ Green Bangkok 2030
กทม. เพิ่งประกาศโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเราชาวกรุงเทพฯ อย่างโครงการ Green Bangkok 2030 ที่ทางกทม.ร่วมมือกับ ปตท. และภาคีเครือข่าย We Park และ BIG Trees โดยมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งปริมาณพื้นที่ร่มไม้ต่อเมือง การเข้าถึง และพื้นที่สีเขียวต่อประชาชน ให้ได้ในปี 2030
เป้าหมายการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในปี 2030 ปัจจุบันหากวัดขนาดพื้นที่สีเขียวต่อคน เราชาวกรุงเทพฯ ก็มีพื้นที่สีเขียวเพียง 6.9 ตารางเมตร/คน จากทั้งหมด 39.2 ตารางกิโลเมตร แต่ภายในปี 2030 กทม. จะเพิ่มให้เป็น 10 ตารางเมตร/คน เท่ากับว่า กทม. เองต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวอีก 1.1 หมื่นไร่ ในแง่ของพื้นที่ร่มไม้ต่อเมือง ปัจจุบันเรามีประมาณ 17 % เท่านั้น กทม. จึงต้องการเพิ่มพื้นที่ร่มไม้ให้เป็น 30 % ของพื้นที่เมือง หรือประมาณ 1.3 แสนไร่
แต่แค่เพิ่มพื้นที่สีเขียวอาจจะยังไม่พอ UN habitat ได้ออกเกณฑ์ใหม่เรื่องระยะการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวขึ้นมาว่า พื้นที่สีเขียวนั้นควรเข้าถึงได้ในระยะ 400-800 เมตร หรือ 5- 10 นาที ซึ่งกรุงเทพฯ ของเรามีพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงได้ในระยะ 400 เมตรเพียง 13 % ดังนั้นโครงการ Green Bangkok 2030 จึงต้องการกระจายการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มให้เป็น 50 % ภายในปี 2030
ในโปรเจกต์ Green Bangkok 2030 ไม่ใช่แค่ความร่วมมือของภาครัฐและภาคีเครือข่ายเท่านั้น แต่ประชาชนอย่างเราๆ ก็สามารถช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ด้วย หากใครต้องการบริจาคที่ดินของตนเองเป็นพื้นที่สีเขียวก็สามารถติดต่อได้ที่ ชั้น 2 และ 3 ศูนย์การค้าเอราวัณแบงค็อก หรือที่ แฟนเพจ Green Bangkok 2030 และนี่คือพื้นที่นำร่อง ทั้งหมด 11 แห่ง ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งบางส่วนก็จะแล้วเสร็จภายในปีหน้าด้วย

20/12/2019

มาทำให้สวน เป็นมากกว่าสวนกันครับ

สวนจำลอง (Mock-up Park) พื้นที่ซอยหน้าวัดหัวลำโพง พร้อมเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ
โดยเฉพาะวันนี้ (20 ธ.ค.) และวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) ครับ เราจะมีกิจกรรมเพื่อทดลองการใช้งานกันครับ

มาร่วมกิจกรรมและแสดงความคิดเห็นกันเยอะ ๆ นะครับ

18/12/2019

Bangkok is Thailand’s capital and most populated city. It is not only the nationally political and administrative center, but it is also equipped with charming tourist attractions of culturally diverse combination like the Grand Palace, Santa Cruz Church, Yaowarat (China Town) Area, ICONSIAM, Mahanakhon Skywalk, and Buddhist temples. In addition, with important shopping and trading areas, Bangkok has been granted various world’s rankings, one of the first choices for tourism, the 1st global destination and most visited cities by foreign tourists.

The Bangkok Metropolitan Administration (BMA) has launched the Tree/You/Again Project to introduce the conservative tourism in the Bangkok area. Foreign tourists are invited to plant Thai important trees in public parks located in Phra Nakhon District namely Mahakan Fort Public Park, Rommaninat Public Park, Saranrom Public Park and Santi Chai Prakan Public Park.

The BMA hopes that after planting trees under the Project, foreign tourists will be impressed, feel attached to Thailand and desire to visit Bangkok again for observing the growth of their own planting trees.

17/12/2019

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3074799989412817&id=2039942646231895

15/12/2019

https://www.facebook.com/219158378492326/posts/709473822794110/

14/12/2019

บรรยากาศการเตรียมงานประกาศเจตนารมณ์ GREEN BANGKOK 2030 พบกันวันพรุ่งนี้ ที่สวนวชิรเบญจทัศ เวลา 10.00 น. นะคะ

13/12/2019

การประกาศเจตนารมณ์ GREEN BANGKOK 2030 ของเรามีกิจกรรมให้ทำเพียบ ใครว่างเชิญได้เลยต้งแต่ 09.00-19.00 น. มีรถมินิบัสรับส่งจากด้านหน้า บีทีเอส หมอชิต ไปส่งที่ทางเข้าสวนวชิรเบญจทัศ ด้านที่เช่าจักรยาน ฟรีทุกครึ่งชั่วโมงด้วยจ้า ^__^

13/12/2019

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10157879267745406&id=126520920405

Think Positive : สวนจำลองที่เกิดจากความตั้งใจในการสร้างสวนสาธารณะของชุมชนอย่างยั่งยืน
ในยุคที่หลายประเทศกำลังรุดหน้าสู่ความก้าวหน้าอย่างขีดสุด ตึกรามบ้านช่องและสถาปัตยกรรมความล้ำสมัยต่างๆ ถือเป็นซิกเนเจอร์ที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ทั่วโลกมีทั่วทุกหัวมุมถนน ทว่าสิ่งที่เป็นดัชนีบ่งบอกถึงความเจริญของบ้านเมืองอีกอย่างและถือเป็นการสร้างความเฟรนด์ลี่ให้เมืองกับคนคือ พื้นที่สาธารณะและสวนสาธารณะ ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ไม่แพ้กัน
ในฐานะที่เป็นคนเมืองและเห็นว่าพื้นที่ประเภทนี้ในกรุงเทพฯ มีน้อย ภูมิสถาปนิก ‘ยศ–ยศพล บุญสม’ จึงผลักดันโครงการ We Park เพื่อพัฒนาพื้นที่ว่างให้เป็นพื้นที่สาธารณะสีเขียวอย่างมีคุณภาพเเละยั่งยืน “ถ้าเรารอโอกาสจากภาครัฐก็อาจจะขับเคลื่อนช้า มันต้องมาช่วยกัน แล้วเราก็เห็นว่าพื้นที่รกร้างขนาดเล็กในเมืองมีเยอะ เราเลยรวมกลุ่มกับคนในวิชาชีพ ภาควิชาการ หน่วยงานต่างๆ ในการสร้างเครือข่ายร่วมมือกับทางกรุงเทพฯ เพื่อใช้กระบวนการออกแบบสร้าง pocket space ที่ตอบโจทย์คนในชุมชน”
ยศเล่าว่าในปัจจุบันหลายประเทศไม่ได้เน้นแค่ปริมาณของพื้นที่สาธารณะอีกต่อไป ทว่าให้ความสำคัญกับระยะทางที่ประชาชนจะสามารถเข้าถึงพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างสะดวก ประจวบเหมาะกับที่มีองค์กรเอกชนบริจาคที่ดินบริเวณซอยหน้าวัดหัวลำโพงให้ทาง กทม. เขาจึงมองว่านี่คือโอกาสที่ดี
“ทีนี้เลยคุยกันว่าแทนที่เราจะเอาพื้นที่ไปออกแบบตามกระบวนการเดิมที่สร้างสวนแล้วใช้เลย ซึ่งมันไม่น่าจะตอบโจทย์เพราะหลายๆ ครั้งการทำแบบนี้ทำให้สวนกลายเป็นที่รกร้างหรือคนไม่เข้ามาใช้ เราเลยขอความร่วมมือจากสำนักงานเขตฯ นำพื้นที่ตรงนี้มาเป็นโจทย์ให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการออกแบบ ให้พวกเขาทำเวิร์กช็อป เสนอความคิดเห็น คุยกับชุมชน และออกแบบพื้นที่ เพื่อดูว่าอะไรคือปัญหาในพื้นที่ พบว่าชาวบ้านในชุมชนกลัวคนจรจัดมานอน ปัญหาความไม่ปลอดภัยในซอย เป็นต้น”
กระบวนการนี้ทำให้ยศและทีมงานรู้ความต้องการที่แท้จริงของชุมชน และยังถือเป็นการทำให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งต่อยอดให้เกิดเป็นไอเดียสวนจำลอง “ระหว่างการพูดคุยเราก็คิดว่ากระบวนการทำ mockup park น่าสนใจตรงที่เวลาคุยในกระดาษแล้วหลายคนเขาไม่เห็นภาพ คนในชุมชนบางคนอาจไม่ได้มาร่วมพูดคุยแต่ละครั้งเพราะเวลาไม่ตรงกัน ก็เลยคุยกับทาง กทม. ว่าจะขอทำ mockup test ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือถ้าอยู่ได้ยาวกว่านั้นก็จะดี”
“ขั้นตอนคือให้ทางกรุงเทพฯ มาช่วยปลูกต้นไม้ และเราเอาวัสดุอุปกรณ์ไปวางตามจุดต่างๆ ทำเป็นที่นั่ง เพื่อทดสอบว่าชาวบ้านที่มาใช้สวนเห็นโอกาสและปัญหาอะไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลมาปรับแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งกระบวนการต่อไปคือการของบประมาณจาก กทม. และระดมทุนจากเอกชนหรือใครก็ได้ที่อยากบริจาค เพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมกับพื้นที่ หรือจะเป็นการมีส่วนร่วมในแง่การลงแรง ลงความคิดก็ได้ เราอยากสร้างโมเดลในการทำสวนรูปแบบนี้ขึ้นมา”
แน่นอนว่าการทำสวนแบบไปลงต้นไม้สำเร็จรูปเลยเป็นวิธีที่ง่ายและไม่เสียเวลา แต่โมเดลสวนที่ยศและ We Park อยากสร้างคือการทำสวนสาธารณะที่ยั่งยืนและชุมชนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของร่วมกัน “ถ้าทำสวนแบบนั้นมันไม่ตอบโจทย์ กทม.ลงเงินแล้วสักพักก็จะทิ้งร้าง คนไม่รู้สึกว่าอยากไปใช้เพราะไม่มีอะไรให้ใช้ อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือพอเขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเจ้าของหรือไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย มองว่าสวนนี้เป็นของ กทม.หรือของคนอื่น เขาก็จะไม่ช่วยกันดูแล ไม่คิดต่อว่าจะไปเติมเต็มมัน หรือใช้จินตนาการว่าทำอะไรกับมันได้ กลายเป็นปัญหาที่ผลักให้ภาครัฐฝ่ายเดียว”
“เราว่าทุกคนในสังคมมีความคิดว่าอยากทำนั่นทำนี่ทั้งนั้น แต่ไม่ค่อยมีโอกาสที่จะนำไอเดียมาแชร์กันและมีคนสร้างให้เป็นรูปธรรม ถ้าเขาได้มีส่วนร่วมในการคิด การสร้าง หรือการลงขันลงแรงกัน ความเป็นเจ้าของจะเกิดขึ้น เกิดเป็นการช่วยกันดูแลบริหารจัดการ และทำยังไงให้สวนมันไปต่อได้ เพราะสวนเสร็จไม่ใช่ว่าเสร็จเลย มันเป็นการนับหนึ่งว่าเขาจะใช้สวนนี้สร้างประโยชน์กับชุมชนหรือสังคมต่อไปยังไง ซึ่งเราคิดว่ามันสำคัญกว่าการสร้างพื้นที่สีเขียวเสียอีก เพราะมันคือการสร้างความยั่งยืนว่าเรามีสวนนี้ไปเพื่ออะไร”
ยศยังบอกอีกว่าการทำสวนจำลองถือเป็นการเปิดโอกาสให้คนในชุมชนไม่ว่าใครก็ตามได้พบปะพูดคุยกัน ซึ่งแม้ว่าความคิดเห็นอาจไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่นี่ก็ถือเป็นกลไกในการสร้างสังคมที่ดี
ตอนนี้สวนจำลองบริเวณซอยหน้าวัดหัวลำโพงอยู่ในขั้นตอนเปิดให้ทุกคนเข้าไปทดลองใช้ เพื่อพัฒนาให้เข้ากับคนในชุมชนต่อไป และถ้าโปรเจกต์นี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ยศเองก็อยากเป็นตัวเชื่อมที่ทำให้เกิดพื้นที่สาธารณะแบบนี้ขึ้นอีกเรื่อยๆ ในอนาคต

12/12/2019

มาร่วมเป็นสักขีพยานในการประกาศเจตนารมณ์เพื่อพัฒนาเมืองให้เป็น GREEN BANGKOK ในปี ค.ศ.2030 ด้วยกัน พร้อมพบกับกิจกรรมกรีนๆ ในงาน ที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียวแห่งความร่วมใจ ในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562 เวลา10.00 น. นะคะ ^__^