พิพิธเพลินใจ แทรเวล

พิพิธเพลินใจ แทรเวล เพลินใจในทุกเส้นทางท่องเที่ยวกับเ?

จาก กลุ่ม Smiltrip ที่สร้างสรรค์กิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันทางวัฒนธรรม มาเป็นชมรมพิพิธสยามในปี 2555 มาจนถึงปัจจุบันนี้ และก้าวต่อไปกับการต่อยอดการสร้างสรรค์กิจกรรมท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ เราได้ดำเนินการจดทะเบียนธุรกิจท่องเที่ยวกับกรมการท่องเที่ยวภายใต้ชื่อ "...พิพิธเพลินใจ แทรเวล..." ใบอนุญาตเลขที่ 12/03054 ที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวได้กว้าง และลึกขึ้นอย่างครบวงจร ตามที่คุณต้องการเดินทาง หรือ

ให้ ให้เราดูแลโปรแกรมการท่องเที่ยวให้กับท่าน

อีกก้าวหนึ่งที่พร้อมให้บริการการจัดการท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะสำหรับท่านที่ต้องการจัดกลุ่มท่องเที่ยวแบบเฉพาะกลุ่มและเป็นส่วนตัว ....

พิพิธเพลินใจ แทรเวล
หลากหลายเรื่องราวในการเดินทางบนเส้นทางแห่งมิตรภาพและรอยยิ้ม
โทร. 0952429915

กลุ่มสไมล์ทริป (Smile Trip)
รอยยิ้มแห่งธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม

วันที่ก่อตั้ง วันที่ 1 มิถุนายน 2553
วิสัยทัศน์ สร้างมิตรภาพบนเครือข่ายผู้รักศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตไทย พร้อมสร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง

ตราสัญลักษณ์
รูปพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ประดิษฐานอยู่ด้านบนของรอยยิ้มสีทอง โดยมีชื่อกลุ่มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมคำขวัญ “รอยยิ้มแห่งธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม” อยู่ในรอยยิ้มนั้น ซึ่งรูปพระปรางค์สื่อถึงสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักกันดี ส่วนรอยยิ้มสีทองเปรียบได้กับความสุขที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนจะได้รับจากการร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมกับกลุ่มสไมล์ทริป

หลักการและเหตุผล
กลุ่มสไมล์ทริป รอยยิ้มแห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม ก่อกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวกันของกลุ่มผู้รักการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติศิลปวัฒนธรรมบนสังคมเครือข่ายออนไลน์ Facebook ซึ่งได้รวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมนำชมวัดวาอาราม พระราชวัง วิถีชีวิตชุมชน ฯลฯโดยเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจ ซึ่งในช่วงแรกการจัดกิจกรรมยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่ด้วยพลังของสังคมเครือข่ายออนไลน์ ทำให้ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 100 คน และมีสมาชิกในหน้า Facebook Fan Page มากกว่า 300 คน ซึ่งนับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ กลุ่มสไมล์ทริปเน้นการจัดกิจกรรมด้วยการเดินเท้าเพื่อเข้าถึงรายละเอียดอย่างใกล้ชิด รวมทั้งดำเนินการโดยไม่มุ่งแสวงหากำไร จากผู้เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้ง ทีมงานที่ร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมก็เป็นผู้ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ทำด้วยใจรัก และมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนมีความสุขกับการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็นสมบัติชาติที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้

วัตถุประสงค์
ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าและต้องอนุรักษ์
รวบรวมผู้ที่มีความรักและสนใจในจุดมุ่งหมายเดียวกัน โดยการดำเนินงานของกลุ่มไม่มุ่งแสวงหาผลกำไร
ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของชาติ
เพื่อสร้างสรรค์มิตรภาพในรูปแบบเครือข่ายบนในสังคมออนไลน์ Facebook
ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ลัทธิ และการก้าวล่วงสถาบัน
รูปแบบการจัดกิจกรรม
กิจกรรมเดินเท้าสัญจรเข้าสู่พื้นที่นำชม อาทิ วัดวาอาราม วัง ชุมชน และสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจทางศิลปวัฒนธรรม โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้นำชม ตลอดจนผู้ร่วมกิจกรรมได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ

งบประมาณ
การจัดกิจกรรมในแต่ละครั้งจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม แต่จะมีการขอรับน้ำใจจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อใช้สนับสนุนการจัดกิจกรรมของกลุ่ม และเป็นค่าตอบแทนให้กับวิทยากร นอกจากนี้ยังนำเงินที่ได้รับดังกล่าวไปร่วมบำรุงสถานที่ต่างๆ ที่เข้าเยี่ยมชม

ลักษณะของการจัดกิจกรรมของกลุ่มแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ประกอบด้วย
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นกิจกรรมหลักของกลุ่ม ที่จะนำผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดินเท้าเข้าสู่วัดวาอาราม วัง และชุมชน เพื่อเรียนรู้รูปแบบศิลปกรรม วัฒนธรรม วิถีชีวิตชุมชน ตลอดจนอัตลักษณ์ของชุมชนและพื้นที่ต่างๆ พร้อมบอกเล่าเรื่องราว รวมทั้งเกร็ดความรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ วิธีการเรียนรู้จะจัดในวันอาทิตย์เท่านั้นและใช้วิธี เดินเท้าหรืออาจมีการใช้พาหนะในการเดินทางขึ้นกับความเหมาะสมและสถานที่เป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ร่วมกิจกรรมสอดแทรกอีกด้วย
กิจกรรมเดินนอกรอบ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่จัดเพิ่มเติมจากกิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม โดยมุ่งเน้นการนำชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งรูปแบบการจัดกิจกรรมจะใช้ระยะเวลาในการจัดเพียงครึ่งวันหรือเต็มวันแล้วแต่ความเหมาะสมและเนื้อหาที่จะเรียนรู้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเรียนรู้ ตลอดจนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

กิจกรรมที่ผ่านมา
กิจกรรมกิจกรรมเดินนอกรอบนำชมพระราชวังพญาไท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน 2553 (ทริปที่เป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมเดินย้อนรอยประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม บนเกาะรัตนโกสินทร์)
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 1 ตอนเดินย้อนรอยประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมบนเกาะรัตนโกสินทร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2553
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 2 ตอนชุมชนชานกำแพงพระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรวิหาร โบสถ์พราหมณ์เทวสถาน วัดเทพมณเฑียร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 3 ตอนตลาดญวณ วัดญวณ วัดเขมร วัดราชาธิวาส..... วัดเทวราชกุญชร.... เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2553
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 4 ตอนวัฒนธรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี วัดประยูรวงศาราม...... วัดกัลยาณมิตร..... ชุมชนกุฏีจีน โบสถ์ซางตาครูส ศาลเจ้าเกียนอันเกง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2554
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 5 ตอน 2 วัดประจำรัชกาล 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม....... และวัดอรุณราชวราราม..........) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2554
กิจกรรมเดินนอกรอบ: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2554
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 6 ตอนวิถีชีวิตชุมชนและศิลปกรรมริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี (วัดดุสิตาราม...... พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ชุมชนอันซอริซซุนนะห์ วัดดาวดึงษาราม..... วัดบางยี่ขัน..... และวัดคฤหบดี.....) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2554
กิจกรรมเดินนอกรอบ: นำชมพระราชวังพญาไท วัง 5 แผ่นดิน ในวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2554 (ย้อนกลับไปเพื่อร่วมรำลึกทริปแรกของกลุ่มเมื่อปี 2553)
กิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 7 ตอนเดินตามรอยนิราศกวีเอกของโลกสุนทรภู่ ตามหาสถานที่ต่างๆ ตามวรรณกรรมนิราศรำพันพิลาปของสุนทรภู่ ในวัดเทพธิดาราม…. วัดราชนัดดาราม…. วัดสระเกศ….. วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2554 (กิจกรรมย้อนรำลึกทริปแรกกิจกรรมเดินย้อนรอยปี 2553)
วิทยากรในการนำชม
กลุ่มสไมล์ทริป รอยยิ้มแห่งธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม ได้รับโอกาสและความกรุณาจาก ครู อาจารย์ ผู้รู้ ที่กรุณาร่วมแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ ให้กับผู้ที่สนใจเข้าร่วมทริปในแต่ละครั้ง จนทำให้มีผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ซึ่ง วิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ และกรุณากับกลุ่มสไมล์ทริปมาตลอด คือ อาจารย์จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา ประธานชมรมสยามทัศน์ ซึ่งท่านยังให้เกียรติเป็นที่ปรึกษาในการกิจกรรมของกลุ่มอีกด้วย และในกิจกรรมเดินย้อนรอยศิลปวัฒนธรรม ครั้งที่ 5 ตอนวัดประจำรัชกาลที่ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทางกลุ่มยังได้รับเกียรติจาก อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ และคณะเข้าร่วมกิจกรรม ตลอดจนร่วมแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจให้กับผู้เข้าร่วมอีกด้วย รวมทั้ง ยังได้รับเกียรติจาก อาจารย์อภิวัฒน์ โควินทรานนท์ คุณปรีชา เฉลิมการนนท์ และคุณขวัญภูมิ วิไลวรรณ ผู้รู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ร่วมแบ่งปันเรื่องราวให้กับกลุ่มด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีวิทยากรของสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มเติมอีกด้วย

ทีมงานกลุ่มสไมล์ทริป รอยยิ้มแห่งธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม
นายอติรุจ วัชรยุคนธร (นับทอง / ปู) ประธานกลุ่ม / ฝ่ายกิจกรรม
น.ส.ธารณา ทรัพย์บางยาง (พัช) รองประธาน / ฝ่ายต้อนรับ
นายพงษ์พันธ์ พูลเพิ่ม (เอ้) เลขานุการ
น.ส.จินตนา คล้ายกุน (นิด) เหรัญญิก
นายชัยวัน เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา (ตั้ม) ฝ่ายประชาสัมพันธ์
นายจรูญ ปรุงศักดิ์ ( ตุ้ย) ประสานงาน
นายวัลลภ รุจิขจร (จ๊อบ) ประสานงาน
นายพงศกร สุขเกตุ (นิค) ศิลปกรรม


ช่องทางการติดต่อ
1. ทาง Social Network Facebook : www.facebook.com/smiletripgroup
2. ทางอีเมล์ [email protected]
3. หมายเลขโทรศัพท์ 085-222-6256

ด้วยกำลังใจที่เราได้รับจากเพื่อน ๆ ผู้รักในธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม เป็นแรงใจที่ทำให้เราจะไม่หยุดที่จะจัดกิจกรรมดีๆ ที่สร้างสรรค์มิตรภาพ และความรัก ความเข้าใจอันดีในศิลปวัฒนธรรม รวมถึงความเข้าใจอันดีระหว่างผู้รักในสิ่งเดียวกัน อันเป็นการสร้างมิตรภาพและรอยยิ้มแห่งความสุขกลับไป เพื่อรอวันที่จะได้พบเจอกันใหม่ในกิจกรรมครั้งต่อๆ ไป ความรู้ กอปรกับ ความรัก ที่สร้างสรรค์มิตรภาพให้อยู่คู่กันไปกับกิจกรรมส่งเสริมความรู้ในศิลปวัฒนธรรม

24/03/2024

เพลินใจนำเสนอ

#พระจุฑาธุชราชฐาน #วัดอัษฎางคนิมิตร #เกาะสีชัง #ชลบุรี

พระจุฑาธุชราชฐาน พระราชฐานหรือวังแห่งเดียวที่สร้างอยู่บนเกาะกลางทะเล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ประทับรักษาพระวรกายของพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงแปรพระราชฐานเป็นการส่วนพระองค์เนื่องจากมีสภาะอากาศที่ดี ภูมิทัศน์ที่สวยงาม การก่อสร้างมิได้ทำแค่ที่ประทับของเจ้านายเท่านั้น. แต่ยังทรงประกอบพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่มากมายเพื่อให้พสกนิกรที่พักอาศัยอยู่บนเกาะสีชังแต่เดิมมีคุณภาพชีวิต มีการศึกษา สาธารณูปโภคที่ดีขึ้น มีการสร้างโรงเรียน วัด การชลอรอยพระพุทธบาทจากพุทธคยามาประดิษฐานบนไหล่เขาคยาสิริ เพื่อเป็นหลักชัยบนเกาะ และทำพิธีสมโภชเมื่อวันที่ 27-30 เมษายน 2435 ตลอดจนจัดการพระราชพิธีวิสาขบูชาในเขตพระราชฐานวัดอัษฎางคนิมิตร และพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่อีกมากมาย จวบจนเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสในวิกฤตการณ์ รศ.๑๑๒ จึงทำให้การก่อสร้างอาคาร พระที่นั่งต่างๆ ชลอตัว และหยุดการก่อสร้างไปในที่สุด รวมถึงพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ที่การก่อสร้างไปได้ะอสมควรแล้วต้องชลอนำวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดกลับพระนครมาสร้างเป็ยพระที่นั่งวิมานเมฆภายในพระราชวังดุสิต คงเหลือแต่ฐานรากทรงแปดเหลี่ยมและแนวอาคารไว้เป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึง
วัดอัษฎางคนิมิตร เป็นพระอารามประจำพระราชฐาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดประจำวัง โดยพระราชทานนามของเจ้าฟ้าอัษฎางเดชาวุธเป็นชื่อของวัดแห่งนี้ ลักษณะพิเศษของวัดอัษฎางคนิมิตร คือ การสร้างพระอุโบสถเจดีย์เพื่อใช้ในศาสนกิจ รวมถึงการใช้ก้อนหินเป็นใบเสมาพร้อมแกะสลักจารึกในเสมาหินทั้ง ๘ หลัก เบื้องหน้าของพระอุโบสถเจดีย์ได้นำหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์จากเมืองพุทธคยามาปลูกไว้ ปัจจุบันได้ล้มลงแล้ว ภายในพระอุโบสถเจดีย์พื้นปูด้วยกินอ่อนสลับสีขาว-ดำ เล่นลวดลายคล้ายรัศมี ด้านบนคอเจดีย์ทำช่องแสงไว้ ๒ ระดับ บนสุด ๙ ช่อง ด้านล่าง ๘ ช่อง โถงด้านในสุดเป็นแท่นประดิษฐานพระพุทธรูป สำหรับโถงทางเดินโดยรอบพื้นปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนเล่นลวดลายสวยงาม ด้านบนของโถงทางเดินมีค้ำยันเหล็กเส้นบางค้ำให้เกิดความแข็งแรงในการรับน้ำหนัก ผนังโดยรอบเป็นช่องซุ้มหน้าต่างเหนือซุ้มหน้าต่างประดับด้วยกระจกสีตามแบบพระราชนิยม
ความงดงามทางด้านประวัติศาสตร์ ของเกาะสีชัง เกิดจากการตั้งพระราชหฤทัยในรีชกาลที่ ๕ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทำให้ที่นี่มีเรื่องราวและสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมายทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชุมชน และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เกาะสีชังจึงมีเรื่องราวในทุกแง่มุมให้ค้นหาเพื่อการเรียนรู้ต่างๆ มากมาย เกาะเล็กๆ กลางทะเล อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่รอคุณมาสัมผัสความงดงามต่างๆ ของความเป็นสีชัง แล้วคุณจะรักสีชัง เหมือนกับเรา

#เกาะสีชัง #พระจุฑาธุชราชฐาน #วัดอัษฎางคนิมิตร #ชมรมพิพิธสยาม #พิพิธเพลินใจแทรเวล
รับจัดการท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มทั้งในและนอกประเทศ
พิพิธเพลินใจแทรเวล
ใบอนุญาตเลขที่ 11/11626
โทร 0952429915

23/03/2024

ย่างกุ้ง เช้าไป-เย็นกลับ เลือกวันเดินทางได้ตามอัธยาศัย
เริ่มต้น 3,900 บาท/ท่าน***
โปรนี้ถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 67
***เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

22/03/2024

จองเลย! บินตรงทุกวันสู่ย่างกุ้ง

เริ่มต้น 3,900 บาท*** โปรนี้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 67 ย่างกุ้ง เข้าไป - เย็นกลับ สำหรับท่านที่มีเวลาน้อยแต่อยากไปสักการะพร...
22/03/2024

เริ่มต้น 3,900 บาท*** โปรนี้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 67
ย่างกุ้ง
เข้าไป - เย็นกลับ
สำหรับท่านที่มีเวลาน้อยแต่อยากไปสักการะ
พระธาตุเจดีย์ชเวดากอง เทพทันใจ เทพกระซิบ
พระนอนตาหวาน พระนั่งงาทัตจี ช้อปปิ้งตลาดสก๊อต
พิพิธเพลินใจแทรเวล จัดให้ตามความต้องการ เลือกวันเดินทางได้ตามอัธยาศัย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ inbox
หรือ โทร 0952429915
***เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
***ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไป-กลับ

#ย่างกุ้ง #ชเวดากอง #พระนอนตาหวาน #เทพทันใจ #เทพกระซิบ #ตลาดสก๊อต #เที่ยวพม่า #เช้าไปเย็นกลับ #พิพืธเพลืนใจแทรเวล

พิพิธเพลืนใจ แทรเวล
ใบอนุญาตเลขที่ 11/11626
12 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 66 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด
เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
โทร 0952429915

20/03/2024

Passage To แปลว่า ผ่านไป
Content / Clip ที่จะนำพาบรรยากาศ ความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มาฝากกันในสถานที่ๆ ตั้งใจเดินทาง พบเจอความงดงาม ทางธรรมชาติ วิถีชุมชน ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ผ่านไปเพื่อมานำเสนอให้ทุกท่านได้ติดตามท่องเที่ยวไปพร้อมกันกับเรา

คลิปนี้ ... นำทุกท่านไปชื่นชมความงดงามทางธรรมชาติ ของน้ำตกตาดเยือง น้ำตกขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของลาวใต้ ในแขวงจัมปาศักดิ์ สปป ลาว มาฝากกันครับ

คำว่า เยือง ในภาษาลาว แปลว่า เลียงผา
น้ำตกแห่งนี้ไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง ในอดีตบริเวณนี้ตามข้อสันนิษฐานอาจมีเลียงผาอาศัยอยู่ จึงกลายเป็นชื่อของน้ำตกแห่งนี้
ส่วนคำว่า ตาด ในภาษาลาว แปลว่า น้ำตก

สายน้ำสีขาวไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง กว่า 500 เมตร ช่วงบ่ายแดดส่องสะท้อนมองเห็นสายรุ้งอยู่หน้าน้ำตก สามารถเดินลงไปชมทัศนียภาพน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ในฤดูฝนหรือช่วงเวลาน้ำหลาก ปริมาณของน้ำตกจะมีมากกว่าที่เห็นในคลิป เสียงน้ำกระทบกับเบื้องล่างจะดังกึกก้องกว่าในฤดูแล้ง อีกทั้งกระเซ็นสายน้ำที่เป็นละอองแผ่กระจายเป็นวงกว้างอาจทำให้เกิดความชุ่มฉ่ำและเปียกได้ แต่ก็ถือเป็นความสุขที่ได้สัมผัสละอองของสายน้ำอันบริสุทธิ์ของน้ำตกตาดเยืองที่ไม่ควรพล่ดเมื่อมาเยือนนครจำปาศักดิ์ แดนลาวใต้

#น้ำตกตาดเยือง #ลาว #พิพิธเพลินใจแทรเวล ใบอนุญาตเลขที่ 11/11626 #เที่ยวลาว #ลาวใต้ #จัมปาศักดิ์ ่องเที่ยว ัวร์ #ปากเซ #อย่าปิดการมองเห็น

รับจัดท่องเที่ยวลาวใต้เป็นหมู่คณะ
สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียด
โทร 0952429915

19/03/2024

เพลินใจนำเสนอ...
วัดพระธาตุหนองบัว อุบลราชธานี

พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ หรือที่ชาวอุบลเรียกกันว่า “พระธาตุหนองบัว” สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2500 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนา พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นี้ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นี้ เดิมมีความกว้างด้านละ 6 เมตร องค์พระธาตุทั้ง 4 ด้านแกะสลักพระประจำวันเกิด และกลีบบัวประดับ ฐานล่างแกะรูปพระพุทธเจ้าปางประสูติ ตรัสรู้ปฐมเทศนา และปรินิพพาน

ต่อมาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานยังองค์พระบรมธาตุ และได้ทำการก่อสร้างพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เล็กไว้ โดยมีฐานรูปสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 17 เมตร ส่วนยอดฉัตร 4 ชั้น ลงรักปิดทอง ที่ยอดฉัตรเป็นรูปดอกบัวตูม ทำด้วยทองคำหนัก 31 บาท ฐานตอนล่างสุดเป็นรูปมารยกฐานไว้ ถัดขึ้นไปเป็นรูปพระสงฆ์สาวกยืนในซุ้มด้านละ 8 องค์รวม 32 องค์ ถัดขึ้นไปเป็นภาพปูนปั้นเล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติสลักเป็นช่อง ๆ 1 ช่อง ต่อ 1 เรื่อง รวมทั้งหมด 10 ช่องและเหมือนกันทั้ง 4 ด้าน ถัดขึ้นไปอีกเป็นลายรัดประคตรูปเทพนั่งบนแท่นสลับกับลายกนก ถัดขึ้นไปอีกประดับลายปูนปั้นเป็นรูปพระพุทธเจ้าในปางต่าง ๆ สูงจนถึงยอดเจดีย์ ที่มุมฐานทั้งสี่ที่อยู่ด้านล่างเป็นรูปครุฑแบก เหนือขึ้นมาเป็นนาค 7 เศียร

ภายในองค์พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ หรือพระธาตุหนองบัว เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุไว้ในสถูปลงรักปิดทองศิลปะอินเดียแบบปาละ คือ เป็นสถูปทรงสี่เหลี่ยมสลักลายเรื่องพระเจ้า 500 ชาติ อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเรียงเป็นแถวคั่นแถวด้วยลายกลีบบัว

รอบองค์พระธาตุเป็นกำแพงแก้ว ซึ่งทั้ง 4 มุมของกำแพงแก้วประดิษฐานพระเจดีย์ธาตุขนาดเล็กอีก 4 องค์ เป็นเจดีย์ทรงเหลี่ยมประดับลายรูปเทพพนมและลายกนก ที่ฐานปั้นเป็นรูปเทวดาประทับนั่งในซุ้มภายในองค์ประธาตุมีประตูทางเข้า 4 ด้าน สร้างเสร็จในปี พ.ศ.​ 2512

#วัดพระธาตุหนองบัว #อุบลราชธานี #วัดเมืองอุบล #เพลินใจนำเสนอ #พิพิธเพลินใจแทรเวล

#อย่าปิดกั้นการมองเห็น

16/03/2024

เพลินใจนำเสนอ

หอไตรหนองขุหลุ

หอไตรหนองขุหลุ อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอาคารหอไม้งานสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นอีสาน ใช้สำหรับเป็นที่เก็บหนังสือใบลานและตำราทางพระพุทธศาสนาของวัดศรีโพธิ์ชัย ตั้งอยู่ในหนองขุหลุเพื่อป้องกันปลวกและแมลงกัดกินหนังสือใบลาน ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้วและอยู่ในสภาพค่อนข้างทรุดโทรม

หอไตรหนองขุหลุ เป็นหอไตรกลางน้ำที่คงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมท้องถิ่นของเมืองอุบลราชธานี และเป็นหอไตรกลางน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย หอไตรนี้ตั้งอยู่ในหนองขุหลุ สร้างขึ้นในราว พ.ศ.2459-2461 โดยหลวงปู่สิงห์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย และหลวงราษฎร์บริหาร (สด กมุทมาศ) นายอำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานีในสมัยนั้น ท่านได้ปรึกษาหารือกันเรื่องตู้คัมภีร์ใบลานและตำราทางพุทธศาสนาของวัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งมีจำนวนมาก ทำให้ปลวกและแมลงกัดแทะจนตำราขาดเสียหาย จึงคิดที่จะหาที่เก็บแห่งใหม่ และเห็นร่วมกันว่าควรสร้างหอไตรกลางน้ำขึ้น ซึ่งจะเป็นวิธีการที่จะป้องกันปลวกและแมลงได้ และได้เลือกหนองขุหลุเป็นสถานที่ก่อสร้างหอไตร เพราะเห็นว่าหนองขุหลุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีสภาพแวดล้อมเหมาะสม จากนั้นจึงได้บอกกล่าวชาวบ้านให้หาไม้และวัสดุอื่น ๆ มาช่วยกันก่อสร้างหอไตรจนแล้วเสร็จ

ตัวอาคารหอไตรหนองขุหลุ เป็นสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นอีสานที่มีความงามเรียบง่าย โดยฝีมือช่างในท้องถิ่น ซึ่งมีส่วนประกอบไปด้วย อาคารไม้ยกพื้นสูง รองรับด้วยเสาไม้ 25 ต้น ทำจากไม้พรรณชาติเรียงเป็นแถว 5 แถว แถวละ 5 ต้น ตัวอาคารเป็นเรือนไม้แบบเครื่องสับ หลังคามีสองส่วน คือ ส่วนบนเป็นทรงจั่ว ส่วนชั้นล่างทำเป็นหลังคาปีกนก (พะไร) ปัจจุบันมุงกระเบื้องดินเผา ส่วนประดับหลังคา คือ ตัวเหงาไม้แกะสลักรูปนาค ช่อฟ้า (โหง่) รวยระกา และคันทวย แกะสลักเป็นลายก้านขด คล้ายเลข 1 ไทยซ้อนกันและหันหัวแย้งกันสามชั้น โดยรอบอาคารตีไม้เข้าลิ้นในแนวตั้ง ทรวดทรงอาคารแผ่กว้าง หลังคาสูงทิ้งชายคาลาดต่ำ ให้ความรู้สึกสงบนิ่งและสมดุล

ภายในเป็นห้องทึบสำหรับเก็บคัมภีร์ใบลาน มีประตูทางเข้าทางด้านทิศใต้ทางเดียว ส่วนที่ใช้ประดับตกแต่งที่เป็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และคันทวย ทำด้วยไม้แกะสลักลวดลาย แสดงถึงฝีมือช่างพื้นถิ่นในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี และเดิมทีจะไม่มีสะพานเชื่อมติดต่อ เมื่อก่อนพระต้องพายเรือเข้าไป จนกระทั่งปี พ.ศ.2517 ฟ้าผ่าเสาแถวแรกด้านทิศตะวันตกสุด ทางวัดศรีโพธิ์ชัยจึงได้จัดงบประมาณเพื่อมาเปลี่ยนเสาในปีนั้นเลย ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ได้สร้างสะพานไม้เข้าชมหอไตร และปี พ.ศ.2524 ฟ้าได้ผ่าเสาแถวแรกด้านทิศตะวันออกสุดในเวลากลางคืนอีกจนเกิดไฟลุกไหม้ แต่ฝนตกหนักจึงทำให้ไฟดับลง วันต่อมาทางวัดก็เปลี่ยนเสาต้นที่ถูกฟ้าผ่าเสียหายนั้นออกจนแล้วเสร็จ ต่อมาสะพานไม้ที่เชื่อมหอไตรได้ชำรุดทรุดโทรม ทางราชการและชาวบ้านจึงได้สร้างสะพานใหม่ในปี พ.ศ. 2544 จนสามารถเดินเข้าชมหอไตรกลางน้ำได้อย่างสะดวกขึ้นกว่าเดิม

สำหรับตัวอาคารหอไตร ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์สืบต่อกันมา ครั้งล่าสุด คือ ในปี พ.ศ.2542 บูรณะและดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 8 อุบลราชธานี กรมศิลปากร สำหรับคัมภีร์โบราณและหีบพระธรรมได้ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่อุโบสถวัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอตระการพืชผล

หอไตรหนองขุหลุ นอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่งดงามแล้ว ยังนับเป็นปูชนียสถานที่เรียกกันว่า “ธรรมเจดีย์” ในปี 2547 หอไตรหนองขุหลุ ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากกรมศิลปากร

ข้อมูลอ้างอิง.: สารสนเทศท้องถิ่นอีสาน

16/03/2024

Lovely Laos : Champasak Southern of Laos.

ผ่านไป แขวงจัมปาศักดิ์ สปป.ลาว
ดินแดนแห่งความสุขทั้งธรรมชาติ และ ประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม
วันนี้นำคลิป Intro บทนำ ของการท่องเที่ยวลาวใต้ นครจัมปาศักดิ์ม่รีวิว ผ่านตาทุกท่านก่อนที่เราจะจัดทริปไปกันในเดือนมิถุนายนนี้ แล้วคุณจะหลงใหลในมนต์เสน่ห์ในแดนลาวใต้ นครจัมปาศักดิ์ที่มากกว่าที่คุณรู้ ชวนค้นหาสิ่งดีๆ จากการท่องเที่ยวที่นี่มากกว่าที่คุณคิด

#จัมปาศักดิ์ #ลาว #ลาวใต้ #เที่ยวลาว #พิพิธเพลินใจแทรเวล

พิพิธเพลินใจแทรเวล
เลขที่ใบอนุญาต 11/11626
12 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 66 ถ.จรัญสนิทวงศ์
แขวงบางพลัด เขตบางพลัด
กรุงเทพฯ 10700
โทร 0952429915
Email : [email protected]

Lovely Laos วันนี้พาไป Agro Farm ฟาร์มปลูกผักไฮโดร ที่ใช้น้ำและสารอาหารผ่านน้ำเป็นอาหารพืช ผักที่ปลูกในโครงการ สัญลักษณ์...
16/03/2024

Lovely Laos

วันนี้พาไป Agro Farm ฟาร์มปลูกผักไฮโดร ที่ใช้น้ำและสารอาหารผ่านน้ำเป็นอาหารพืช ผักที่ปลูกในโครงการ

สัญลักษณ์ทีเป็นแลนด์มาร์คมาแล้วเห็นเด่นตระหง่านคือ ประติมากรรมรูปมือพนม ที่ช่องกลางระหว่างมือยัง้ป็นช่องทางเดินลอดผ่านเข้าไปสู่พื้นที่ด้านใน ระหว่งแนวทางเดินที่ทอดเข้าสู่ด้านในยังเป็นเต๊นท์ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์หลากหลายชนิด ท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปีของเมืองปากช่อง

Agro Farm ตั้งอยู่ที่บ้านวัดหลวง เมืองปากซอง แขวงจัมปาศักดิ์ สปป.ลาว มีพื้นที่ประมาณ ๔๐ เฮกตาร์ (๒๕๐ ไร่) ปลูกพืชผักมากกว่า ๗๗ ชนิด โดยสามารถผลิตพืชผักปลอดสารพิษ อาทิ ผักสลัด มะเขือเทศ แตงกวา ผักกาดขาว ต้นหอม หน่อไม้ฝรั่ง และพริก และมีผลผลิต ๑๑๐ ตันต่อเดือน ซึ่งส่งจำหน่ายภายในแขวงจำปาสัก ๒๐ ตันต่อเดือน และแขวงอื่น ๆ ๙๐ ตันต่อเดือน ภายในฟาร์มมีโรงเรือนปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ๒๓ หลัง โรงเรือนคัดเกรด ๑ หลัง และโรงเรือนขยายกล้าพันธุ์ ๑ หลัง ทั้งนี้ AGRO VEGE FARM ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมด้วย

#พิพิธเพลินใจแทรเวล #ลาวใต้ #เที่ยวลาว

ไปเที่ยวลาวกันกับเรา
พิพิธเพลินใจแทรเวล
เลขที่ใบอนุญาต 11/11626
ที่ตั้ง 12 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 66 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700
โทร 0952429915
Email : [email protected]

7,999 บาท*** เที่ยวกัมพูชา นตรวัด - นครธม - บันทายศรี ทริปส่วนตัวที่คุณเลือกวันเดินทางเองได้เริ่มต้น 7,999 บาท***นครวัด-...
14/03/2024

7,999 บาท***
เที่ยวกัมพูชา นตรวัด - นครธม - บันทายศรี
ทริปส่วนตัวที่คุณเลือกวันเดินทางเองได้
เริ่มต้น 7,999 บาท***
นครวัด-นครธม บันทายศรี ปราสาทบายน ปราสาทตาพรม ปักษีจำกรง ลานพระเจ้าขี้เรื้อน พิมานอากาศ ปราสาทบาปวน ล่องเรือโตนเลสาป เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา

3 วัน 2 คืน ตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป

ราคาเริ่มต้น 7,999 บาท***
พักโรงแรมอังกอร์ฮอลิเดย์ (หรือเทียบเท่า)
อาหารทุกมื้อตามโปรแกรม

ทริปส่วนตัวที่คุณเลือกวันเดินทางที่สะดวกได้
สนใจสอบถามรายละเอียด ที่ inbox เพจ พิพิธเพลินใจ แทรเวล หรือ โทร.0952429915

พิพิธเพลินใจแทรเวล
เลขที่ใบอนุญาต 11/11626
12 ซ.จรัญสนิทวงศ์ 66 ถ จรัญสนิทวงศ์
แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700

***ตามโปรแกรมและเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

#เที่ยวกัมพูชา #นครวัด #นครธม #เสียมราฐ #กัมพูชา #พิพิธเพลินใจแทรเวล เพลินใจไปทุกเส้นทางท่องเที่ยวไปกับเรา

เปิดรับลงทะเบียนพร้อมรายละเอียด โปรแกรม ราคา 25 มีนาคม นี้
12/03/2024

เปิดรับลงทะเบียน
พร้อมรายละเอียด โปรแกรม ราคา 25 มีนาคม นี้

12/03/2024

สีหาสนะบัลลังก์ องค์จริงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ประเทศพม่าจะไม่ได้มีกษัตริย์แล้วก็ตาม แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองในสมัยที่ยังมีกษัตริย์ปกครอง สีหาสนะบัลลังก์ เป็นหนึ่งในบัลลังก์ทั้งเก้า ประกอบด้วย

1.ดอกบัว
2.หงส์
3.หอยสังข์
4.กวาง
5.นกยูง
6.ช้าง
7.ผึ้ง
8.สิงห์

ซึ่งสีหาสนะบัลลังก์องค์นี้เคยถูกนำไปอินเดียในปี ค.ศ.1902 ภายหลังพม่าเสียเมืองในปี ค.ศ.1885 สมัยพระเจ้าสีป้อ หลังจากที่พม่าได้รับเอกราชเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2492 ทางการพม่าได้ทำเรื่องขอคืนทรัพย์สินต่างๆ ของพม่าที่อังกฤษได้ยึดไปกลับคืนมา หนึ่งในนั้นคือ สีหาสนะบัลลังก์องค์นี้ โดยลอร์ดเม้าท์แบตเทน์ เป็นผู้นำกลับมา

เมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองหลวงสุดท้ายของพม่ายุคราชอาณาจักร สถาปนาขึ้นเพื่อเป็นเสมือนศูนย์ “มณฑล” แห่งชมพูทวีป ที่ใจกลางมณฑลคือ พระราชวังหลวง ที่ใจกลางพระราชวังหลวงคือ ท้องพระโรงใหญ่ทรงปราสาทพระเมรุ ในปราสาทพระเมรุสูงเสียดฟ้ามีศูนย์กลางคือ บัลลังก์ทั้ง 8 และหัวใจของบัลลังก์ทั้ง 8 คือ สีหาสนบัลลังก์

สีหาสนะ (2 องค์) หรือบัลลังก์สิงห์ ทำจากไม้ซ้อ (Gmelina racemosa) ประดิษฐานที่ท้องพระโรงใหญ่หรือ ปราสาทฉอง องค์จำลองอยู่ที่เชตวันฉอง ทั้งนี้ สีหาสนะจะใช้ในพระราชพิธีสำคัญ รับทูตานุทูต และเจ้าประเทศราช เมื่อมีงานจะปักด้วยเศวตรฉัตร 8 ฉัตรโดยรอบบัลลังก์ ส่วนพื้นที่ตั้งทำจากดินอัด เป็นดินจากนครต่างๆ ในมัชฌิมเทศ

ปัจจุบัน สีหาสนะบัลลังก์จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แห่งชาตินครย่างกุ้ง

#เที่ยวพม่า #พิพิธเพลินใจแทรเวล #บัลลังก์ตั่งทอง #สีหาสนะบัลลังก์ #พม่า #ทัวร์พม่า #ย่างกุ้ง

พิพิธเพลินใจ แทรเวล ใบอนุญาตเลขที่ 11/11626
รับจัดทัวร์พม่าแบบส่วนตัว หรือหมู่คณะ เริ่มตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป
สนใจสอบถามรายละเอียดที่ โทร 0952429915
หรือ facebook : pipitploenjaitravel

12/03/2024
11/03/2024

ตื่นกันแต่เช้าเพื่อออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปล่องเรือข้ามฟากที่ท่าเรือปาโซดาน ไปยังท่าเรือดัลลาฝั่งตรงข้ามนครย่างกุ้งเพื่อไปชมวิถีชีวิตผู้คนยามเช้าที่เดินทางข้ามฟากไป-มา เพื่อดำเนินชีวิตในการเริ่มต้นวันใหม่ในการดำรงชีพ ระหว่างการล่องเรือบนเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ สองข้างทางจะมีนกนางนวลที่หลบอากาศหนาวเย็นมาหาที่อบอุ่นได้อพยพมาอยู่ในบริเวณนครย่างกุ้งและหนาแน่นในท้องน้ำแม่น้ำย่างกุ้ง ในช่วงปลายปีและยาวนานมาจนถึงช่วงต้นๆ เดือนมีนาคมของทุกปี จึงทำให้มีกิจกรรมน่ารักๆ ในการให้อาหารนกนางนวลสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินระหว่างเดินทางข้ามฟากในแต่ละครั้ง

บรรยากาศกิจกรรมเคลื่อนพล ย่างกุ้ง หงสา อินทร์แขวน หงสา ในมุมมองศิลปวัฒนธรรม
วันที่ 7-10 มีนาคม 2567

#พิพิธเพลินใจแทรเวล เลขที่ใบอนุญาต 11/11626
#กิจกรรมเคลื่อนพล #ชมรมพิพิธสยาม #ย่างกุ้ง #หงสา #อินทร์แขวน #พม่า #นกนางนวล

09/03/2024

วันที่ 8 มี.ค. 2567 สำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า สื่อท่องเที่ยวชื่อดัง "ทราเวล แอนด์ ลีเซอร์" (Travel+Leisure) เปิดเผยรายงานผลการจัด 20 อันดับสนามบินนานาชาติหรูหราของโลกปี 2024 หรือ The Report of 20 Best Airport Offering Luxury Experience พบว่า การจัด 10 อันดับแรกของสนามบินนานาชาติที่หรูหราสุดของโลกนั้น สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ติดอันดับที่ 7 ทำคะแนนภาพรวมได้ 55 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน
ขณะที่ สนามบินนานาชาติชางฮี ประเทศสิงคโปร์ อยู่อันดับ 6 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ทำคะแนนภาพรวมได้ 61 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ขณะที่คะแนนในแต่ 4 กฎเกณฑ์การใช้จัดอันดับ พบว่า ด้านห้องบริหารพักรับรอง หรือ Lounge ได้ 19 คะแนน ด้านคุณค่าแบรนด์หรูหราได้ 29 คะแนน ด้านเครื่องดื่มประเภทแชมเปญ และคาร์เวียร์ ได้ 10 คะแนน ด้านโรงแรมระดับไฮเอ็นด์ภายในเขตสนามบินได้ 3 คะแนน
สำหรับ 10 อันดับแรกของสนามบินนานาชาติหรูหราที่สุดของโลก มีดังนี้
1. สนามบินดูไบ 83 คะแนน
2. สนามบินฮีทโทรว อังกฤษ 82 คะแนน
3. สนามบินโดฮา กาตาร์ 73 คะแนน
4. สนามบินชาร์ล เดอ โกล ฝรั่งเศส 66 คะแนน
5. สนามบินซิดนีย์ ออสเตรเลีย 61 คะแนน
6. สนามบินชางฮี สิงคโปร์ 61 คะแนน
7. สนามบินสุวรรณภูมิ ไทย 55 คะแนน
8. สนามบินเช็คแลปก๊อก ฮ่องกง 52 คะแนน
9. สนามบินแฟรงเฟิร์ต เยอรมนี 52 คะแนน
10. สนามบินนาริตะ 49 คะแนน

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://mgronline.com/travel/detail/9670000021130
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

เปิดรับลงทะเบียนแล้ววันนี้กิจกรรมเคลื่อนพลเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน ของชมรมพิพิธสยามพุกาม – มัณฑะเลย์วันที่ 1 – 5 พฤษภาคม ...
09/03/2024

เปิดรับลงทะเบียนแล้ววันนี้
กิจกรรมเคลื่อนพลเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน ของชมรมพิพิธสยาม
พุกาม – มัณฑะเลย์
วันที่ 1 – 5 พฤษภาคม 2567

กับการนำทุกท่านไปท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ร่วมกัน ณ เมืองมรดกโลกพุกาม และ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์
- ร่วมพิธีสรงพระพักตร์พระมหามัยมุนี
- สักการะพระสถูปเจ้าฟ้าอุทุมพร นอกจากนี้ยังพาท่านเข้าเยี่ยมชมชุมชนโยเดียค้นหาร่องรอยแห่งกาลเวลาที่เชื่อมโยงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุษไทยที่ถูกกวาดต้อนมา และเข้าเยี่ยมชมสถานที่งดงามจากพระราชศรัทธาของกษัติรย์พม่าที่มีต่อพระพุทธศาสนา อาทิ วัดชเวนันดอว์ วัดกุโสดอ และ มัณฑะเลย์ฮิลล์

- สักการะพระธาตุเจดีย์ชเวซิกอง หนึ่งใน 5 มหาสถานของคนพม่า
- สักการะพระมหามัยมุนี หนึ่งในห้ามหาสถานของคนพม่า
- เยี่ยมชมพุกามเมืองเก่า ที่มีวัดเก่าแก่โบราณมากมาย จนได้ขนานนามว่าเป็นทุ่ง-ทะเลเจดีย์ จนได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก
- สักการะพระตรีมุรติ เทพแห่งความรัก ความสมหวังทุกประการ ที่เทวสถานฮินดูประจำเมืองพุกามในอดีต
- ล่องเรือชมความงดงามของทัศนียภาพยามช่วงพระอาทิตย์อัสดงกลางแม่น้ำอิระวดี ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลงใหลและไม่พลาดที่จะปักหลักรอเวลาพระอาทิตย์อัสดงเพื่อรอบันทึกภาพแห่งความประทับใจ

เดินทางไป - กลับ กรุงเทพฯ ดอนเมือง - มัณฑะเลย์ - ดอนเมือง โดยสายการบินเมียนมาร์แอร์เอวย์ส Full Course Service น้ำหนัก สัมภาระ 30 ก.ก.ทั้งไปและกลับ หิ้วขึ้นเครื่องได้อีก 7 ก.ก. บริการอาหารว่างเครื่องดื่มบนเครื่อง

เอกสารที่ใช้
- พาสสปอร์ต (มีอายุคงเหลือมากกว่า 6 เดือน)
- ประกันโควิด (ทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องกรมธรรม์)
ค่าลงทะเบียนท่านละ 24,999 บาท

อัตรานี้รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ - กรุงเทพฯ+สัมภาระ 30 กิโลกรัม ทั้งไปและกลับ
- ที่พัก 4 คืน (หนึ่งห้องพัก 2 ท่าน) พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 2,800 บาท
- อาหาร 12 มื้อ
- ค่าประกันโควิด-และการเดินทาง (รัฐบาลพม่าบังคับทำทุกคน พร้อมตรวจสอบเอกสารก่อนเข้าประเทศ)
- ค่ารถปรับอากาศบริการตลอดโปรแกรม
- ค่าเรือล่องแม่น้ำอิระวดีชมพระอาทิตย์ตก
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามโปรแกรม
- ค่าวิทยากร
- มัคคุเทศก์ท้องถิ่นบรรยายไทย
- และค่าดำเนินการต่างๆ เป็นทีเรียบร้อยแล้ว

อัตรานี้ไม่รวมไม่รวม
- ค่าทิป (คนขับรถ - มัคคุเทศก์ - เด็กรถ) 150 บาท / วัน x 5 วัน = 750 บาท ต่อผู้เดินทาง 1 ท่าน
- ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากโปรแกรมที่ระบุ

***แบ่งชำระได้ 4 งวด***
งวดแรก ภายใน 3 วันนับจากวันลงทะเบียน จำนวน 7,500 บาท
งวดสอง ภายในวันที่ 1 มีนาคม 2567 จำนวน 5,000 บาท
งวดสาม ภายในวันที่ 1 เมษายน 2567 จำนวน 6,499 บาท
งวดสี่ ภายในวันที่ 25 เมษายน 2567 จำนวน 6,000 บาท
พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 2,800 บาท สามารถชำระรวมกันกับยอดชำระงวดสุดท้าย
หากท่านชำระเต็มจำนวนในงวดแรก รับส่วนลด 200 บาท ต่อท่าน(คงเหลือ 24,799 บาท )

สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกรุณาแจ้งชื่อ - นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของท่านและผู้ร่วมเดินทางพร้อมกับท่าน ที่ inbox จากนั้น รอการยืนยันตอบรับการเข้าร่วมกิจกรรมพร้อมแจ้งรายละเอียดต่างๆ ให้ท่านดำเนินการ

กำหนดการกิจกรรมเคลื่อนพล พุกาม – มัณฑะเลย์
1 – 5 พฤษภาคม 2567

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2567
10.00 น. พบกัน ณ บริเวณจุดนัดหมายภายในสนามบินดอนเมือง เพื่อเช็คชื่อก่อนเช็คอิน และโหลดสัมภาระ

12.20 น. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ โดยสายการบินเมียนมาร์แอร์เวย์ส เที่ยบิน 8M361 Full Course Service มีบริการเครื่องดื่มอาหารว่างบนเครื่อง น้ำหนักสัมภาระ 30 ก.ก.ทั้งไปและกลับ

13.40 น. ถึงยังสนามบินมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้น รับสัมภาระและนำทุกท่านขึ้นรถบัสปรับอากาศออกเดินทางจากสนามบินเดินทางเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ตามโปรแกรม

- วัดชเวนันดอว์ วิหารชเวนันดอว์ ตำหนัก วัง พระที่นั่งทองคำ ในอดีตเคยเป็นวังในเขตพระราชวังมาก่อน สร้างขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 (พุทธศตวรรษที่ 24) เป็นงานฝีมือช่างหลวงไม้แกะสลักสมัยพระเจ้ามินดงเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดจากภัยของสงคราม เนื่องจากพระราชวังต่างๆในแถบมัณฑะเลย์ถูกระเบิดฝ่ายสัมพันธมิตรทำลายลงทั้งหมดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สาเหตุที่รอดจากการทำลายครั้งนั้น เนื่องจากพระเจ้าตีปอทรงโปรดให้ย้ายตัวอาคารหลังดังกล่าว เพื่อสร้างวัดชเวนันดอร์ หลังจากพระเจ้ามินดงผู้เป็นพระราชบิดาได้เสด็จสวรรคตในอาคารหลังนี้ แต่เดิมวิหารแห่งนี้เคยหุ้มด้วยทองประดับกระจกสีทั้งภายในและภายนอก ปัจจุบันที่ยังเหลือให้เห็นอยู่บ้างจะเป็นบริเวณเพดานเท่านั้น ด้านในของตัววิหารยังมีพระแท่นของพระเจ้าตีปอกับบัลลังก์ที่ย่อส่วนจำลองมาจากของจริงนั้นและภาพไม้แกะสลักเรื่องพุทธชาดกภายในพระอารามอีกด้วย หลังจากที่พระเจ้ามินดงสิ้นพระชนม์ลงที่อารามแห่งนี้ พระเจ้าตี่ป่อก็โปรดให้ย้ายวัดชเวนันดอร์ออกมาไว้ยังที่ตั้งในปัจจุบันซึ่งอยู่ในเขตของพระราชวังมัณฑะเลย์ ซึ่งนับว่าเป็นการดี เพราะต่อมาพระราชวังมัณฑะเลย์ก็ถูกทำลายลงในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่วิหารชเวนันดอร์ไม่ถูกทำลายและยังหลงเหลือความงดงาม วิจิตรตระการตาให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

- วัดกุโสดอ เป็นวัดที่พระเจ้ามินดงสร้างขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 ซึ่งถือเป็นการสังคายนาครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี โดยได้จารึกเป็นอักษรพม่า ที่ถอดความมาจากภาษาบาลีไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ทั้งหมด 729 แผ่น แต่ละแผ่นจะอยู่ในครอบมณฑป ซึ่งตั้งอยู่โดยรอบวัด ต้องเริ่มอ่านจากทิศตะวันออกวนตามเข็มนาฬิกา ในวัดมีต้นพิกุลปลูกเป็นแถว มีต้นหนึ่งที่มีขนาดเท่ากับสิบคนโอบซึ่งมีอายุกว่า 200 ปี มีเจดีย์ที่เลียนแบบมาจากชเวซิกองในพุกาม หนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกไว้ว่า วัดนี้มีพระไตรปิฎกใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันแผ่นหินอ่อนที่แกะสลักพระไตรปิฏกจำนวน 729 แผ่นได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งความทรงจำของโลกจากองค์การยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

- มัณฑะเลย์ฮิลล์ มัณฑะเลย์ฮิลล์ เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่ตั้งอยู่บนภูเขามัณฑะเลย์ความสูง 236 เมตร และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองมัณฑะเลย์ นอกจากจุดชมวิวแล้ว ด้านบนภูเขายังมีวัด วิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้สักการะบูชา โดยนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสวยงามมาก มัณฑะเลฮิลล์ถูกสร้างขึ้นพร้อมๆ กับในช่วงที่มีการสร้างเมืองมัณฑะเลย์ขึ้นมาในสมัยของพระเจ้ามินดง พื้นที่ด้านบนมีปูชนียสถานสำคัญๆ เช่นวิหารบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นพระบรมธาตุที่ขุดพบที่แคว้นคันธารราษฎร์ ในประเทศอินเดีย และวิหาร “ซูตองพญา” ซึ่งมีรูปทรงคล้ายมณฑปครอบพระมหามัยมุนี ภายใต้วิหารประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระกัสสป และพระสมณโคดม รอบวิหารมีระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพเมืองมัณฑะเลย์ และสามารถมองเห็นแม่น้ำอิระวดี พระราชวังมัณฑะเลย์ และวัดกุโสดอว์

จากนั้น นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน (1)

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านเดินทางเข้าสูที่พัก โรงแรม Yi-Link Mandalay พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์มัณฑะเลย์

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2567
06.00 น. อรุณสวัสดิ์มัณฑะเลย์ /สรีระกิจ

06.45 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (2)

07.45 น. ออกเดินทางจากโรงแรมที่พักไปยังเมืองพุกาม (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง แต่จะแวะพักให้ท่านได้ยืดเส้นยืดสาย เป็นระยะ)

12.45 น. ถึงยังเมืองมรดกโลกพุกาม

13.00 น. นำทุกท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น (3)

13.45 น. นำทุกท่านออกเดินทางท่องเที่ยวในเขตพุกามเมืองเก่าที่งดงามไปด้วยทุ่งเจดีย์ที่รายล้อมไปทั่วบริเวณ พุกาม เป็นเมืองโบราณที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ในภาคมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ถึง 13 เมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพุกาม อาณาจักรแห่งแรกของชาวพม่า ในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดของอาณาจักรระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13 มีวัด เจดีย์ และอาราม กว่า 10,000 แห่ง ถูกสร้างขึ้นบนที่ราบพุกามเพียงแห่งเดียว ซึ่งยังคงมีวัดและเจดีย์กว่า 2,200 แห่งที่ยังคงอยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน

- โบสถ์วัดอุบาลีเต็ง โบสถ์ขนาดเล็กที่มีภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 800 ปี ที่ได้รับการอนุรักษ์ในความงดงามให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชม ภายในแบ่งออกเป็นสองห้อง ด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระประธาน ห้องเบื้องหลังมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่งดงามตามแบบศิลปะพุกามพม่าในยุคแรก รูปแบบของอาคารหลัก รวมถึงหลังคา เพียงแต่มีขนาดเล็ก สร้างโดยพระอุปาลี ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนสีเต็มผนังที่ยังคงปรากฏให้เห็นความงดงามและเรื่องราววิถีชิวิตตลอดจนเรื่องราวพุทธประวัติศิลปะ ลวดลายพรรณพฤกษาเครือเถาว์ ดาวเพดานประดับศิลปะพม่าที่งดงามยิ่ง ในวิหารยังประดิษฐานพระประธานปูนปั้นประดับศิลปะพม่าที่งดงามเช่นกัน

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปยัง ทีโลมินโล สร้างขึ้นโดยพระเจ้าไชยสิงขะในราว ค.ศ. 1211–1231 สูง 3 ชั้น 46 เมตร และสร้างด้วยอิฐ[2] วัดนี้เป็นที่รู้จักสำหรับประติมากรรมปูนปลาสเตอร์ที่โดดเด่น และบนชั้นหนึ่งประดิษฐานพระพุทธรูป 4 องค์ เจดีย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวพุกามใน ค.ศ. 1975 พระเจ้านรปติสี่ตู่ทรงมีราชบุตรหลายพระองค์ ทั้งที่เกิดแต่อัครมเหสีและพระชายา เมื่อทรงตัดสินใจแต่งตั้งกษัตริย์พระองค์ต่อไป ตามธรรมเนียมพระองค์จะต้องตั้งบุตรในอัครมเหสี แต่พระองค์ทรงเคยรับปากพระชายาองค์หนึ่งว่าจะทรงพิจารณาราชบุตรจากชายาองค์นี้ให้ขึ้นครองราชย์ด้วย ดังนั้นพระองค์จึงตัดสินใจใช้ "ฉัตรเสี่ยงทาย" โดยทรงตั้งฉัตรอันเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ไว้ตรงกลาง แล้วให้ราชบุตรแต่ละพระองค์มานั่งล้องวงกัน หากฉัตรล้มลงแล้วปลายฉัตรชี้ไปที่ราชบุตรองค์ใดนั้น ก็จะทรงแต่งตั้งเป็นกษัตริย์สืบต่อไปจากพระองค์ ซึ่งปรากฏว่าปลายฉัตรชี้ไปที่เจ้าชายไชยสิงขะ ซึ่งเป็นราชบุตรอันเกิดแต่ชายา ชาวพม่าจึงเรียกพระเจ้าไชยสิงขะว่า "กษัตริย์ฉัตรตั้ง" และเมื่อทรงขึ้นครองราชย์จึงทรงสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณที่พระราชบิดาเอาฉัตรเสี่ยงทาย และเรียกว่า "เจดีย์ทีโลมินโล

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปยัง อานันทวิหาร วัดแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ ที่งดงามมากที่สุดในพุกาม และได้รับยกย่องว่าเป็น “เพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม” เป็นวัดที่สร้างในสมัย พระเจ้าจันสิตตา (ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.1672-1655) กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พุกาม พระองค์เคยเป็นทหารคู่พระทัยของพระเจ้าอโนรธามหาราช อีกทั้งได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่อีกพระองค์หนึ่ง อานันทวิหารได้ชื่อว่างดงามที่สุดเพราะเต็มไปด้วยเชิงชั้นทางศิลปะครบทุกแขนง เป็นวิหารที่มีอิทธิพลของอินเดียอยู่มาก วิหารสร้างในรูปแบบทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 175 ฟุต สูงจากฐานชั้นล่างถึงยอดฉัตร 172 ฟุต ตัววิหารที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขเด็จยื่นออกไปเท่ากันทั้ง 4 ทิศ เช่นเดียวกับผังกางเขนกรีก หลังคายกระดับทีละชั้น จนถึงจุดกึ่งกลางจึงประดิษฐ์ฐานส่วนยอดซึ่งเป็นรูปเจดีย์เอาไว้ ซึ่งสัดส่วนของเจดีย์นั้นงดงามได้สัดส่วนไม่มีที่ติ เมื่อมองจากภายนอกแล้วคล้ายมี 2 ชั้น
อานันทวิหารเป็นพระเจดีย์ที่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขยื่น 4 ทิศ ประตูทางเข้าเป็นประตูโค้ง (arch) ที่มักพบเห็นในสถาปัตยกรรมตะวันตกมากกว่าตะวันออก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนไม้ปิดทอง สี่ทิศ สี่องค์ สูง 9.5 เมตร ประกอบด้วย
1. พระกกุสันโธพุทธเจ้า ประจำทิศเหนือ (องค์เดิม แท้จริงแล้วประจำทิศตะวันออก)
2. พระโกนาคมนพุทธเจ้า ประจำทิศตะวันออก (สร้างใหม่)
3. พระกัสสปพุทธเจ้า ประจำทิศใต้ (องค์เดิม)
4. พระโคตมพุทธเจ้า ประจำทิศตะวันตก (สร้างใหม่)

จากนั้น นำทุกท่านลงเรือล่องแม่น้ำอิระวดีเพื่อชมภูมิทัศน์ของเมืองพุกาม พร้อมชมความงดงามของพระอาทิตย์อัสดงเหนือแม่น้ำอิระวดี

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่นพร้อมชมการแสดงหุ่นกระบอกพม่า (4)
19.00 น. นำทุกท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม Arthawka hotel bagan พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์พุกาม (ในโรงแรมมีสระว่ายน้ำ)

3.วัดจุฬามณี
4.วัดกุปยางจี
5.วัดโลกะนันดา

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567
06.00 น. อรุณสวัสดิ์พุกาม /สรีระกิจ

06.45 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (5)

07.45 น. ล้อหมุนออกเดินทาง นำทุกท่านไปท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ในเขตพุกามเมืองเก่า
- เจดีย์ชเวซิกอง หนึ่งในห้ามหาสถานที่คนพม่าให้ความเคารพนับถือสูงสุด เป็นต้นแบบเจดีย์แบบพม่า การก่อสร้าง เจดีย์ชเวซิกอง เริ่มต้นขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธามังช่อ (พ.ศ. 1587–1620) ซึ่งเป็นผู้สถาปนาอาณาจักรพุกามใน พ.ศ. 1602–1603 และเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 1645 ในรัชสมัยของพระเจ้าจานซิต้า ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาพระเจดีย์ได้รับความเสียหายจากการเกิดแผ่นดินไหวและภัยพิบัติทางธรรมชาติจำนวนมากและได้รับการบูรณะใหม่หลายครั้ง ในการบูรณะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการบูรณะโดยใช้แผ่นทองแดงกว่า 30,000 แผ่น อย่างไรก็ตามฐานระเบียงเจดีย์ระดับล่างยังคงอยู่ในรูปแบบเดิม เชื่อกันว่าเจดีย์ชเวซิกองเป็นที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุและพระทันตธาตุของพระโคตมพุทธเจ้า พระเจดีย์มีรูปทรงระฆังคว่ำมีการปิดประดับทองคำเปลว ฐานเจดีย์มีหลายชั้น เจดีย์เป็นทรงตัน ฐานระเบียงเจดีย์มีแผ่นภาพเคลือบปูนปั้นเล่าเรื่องในนิทานชาดก ที่ทางเข้าของเจดีย์มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของผู้ปกป้องศาสนสถาน บริเวณโดยรอบล้อมด้วยวิหารและศาลเจ้าขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สี่องค์ของพระพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้ทั้งสี่ทิศ ที่ด้านนอกเขตเจดีย์มีวิหารนะ 37 ตน โดยมีท้าวสักกะหรือพระอินทร์เป็นหัวหน้านะ สร้างจากไม้แกะสลักอย่างประณีตตามแบบศิลปะพม่า บริเวณเจดีย์ชเวซี่โกนยังมีเสาหินที่จารึกเป็นภาษามอญในสมัยพระเจ้าจานซิต้า

- วัดธรรมยางยี เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในพุกาม พื้นที่โดยรอบของวัดนั้นทุกด้านยาวเท่ากันคือ 255 ฟุต ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของกำแพงเมืองในอาณาจักรพุกาม ภายในวัดประดิษฐานพระเจดีย์องค์ที่ใหญ่ที่สุด และเป็น 1 ใน 4 ของเจดีย์ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของพุกาม มีนามว่า ‘เจดีย์ธุ’ (Dhu) ซึ่งมาจากคำว่า ‘ธรรมยาน’ หมายถึง ‘ความแข็ง แกร่งที่สุด’ ตัววิหารตกแต่งด้วยศิลปะของตะวันออกอย่างผนังอิฐ ซึ่งเป็นงานชั้นสูงของอาณาจักรพุกาม ‘พีระมิดแห่งดินแดนตะวันออก’ เป็นคำกล่าวขานของนักโบราณคดีชาวต่างชาติถึงวัดธรรมยางจี เพราะหากมองจากบนท้องฟ้าแล้ว วิหารแห่งนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส คล้ายกากบาทของกรีก ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมในยุคก่อนเจดีย์อนันทะ หนึ่งในเจดีย์ที่เลื่องชื่ออีกแห่งของอาณาจักรพุกาม แต่หากมองจากด้านล่างแล้ววัดแห่งนี้มีรูปทรงคล้ายพีระมิด แต่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของพุกาม
-
- วัดสุลามณี หนึ่งในวิหารที่งดงามที่สุดในพุกาม มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามแบบวัดพุกามโบราณ เหมือนกับวิหารติโลมินโล และวิหารกอดอร์เพลิน แต่ความแตกต่างอาจอยู่ที่ช่องที่แสงสามารถส่องผ่านมาได้มากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น วิหารสุลามณีเป็นเจดีย์ที่มีสองชั้น เหนือวิหารแต่ละชั้นมีหลังคาชั้นซ้อนอีกสามชั้นแสดงสัญลักษณ์ความเป็นปราสาทให้เด่นชัดยิ่งขึ้น เหนือหลังคาชั้นสุดท้ายขึ้นไปเป็นเจดีย์ทรงศิขระ ประดับด้วยเจดีย์ทั้งสี่มุม วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองพุกามโบราณ ในกลุ่มวิหารธรรมยางจี

- วัดอีซากัวนา เจติยาวิหารขนาดเล็กของพระอิซากัวนา ที่มีพระพุทธรูปและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ใกล้กันเป็นที่ต้องของอาคารที่ประดิษฐานรูปเคารพของพระอิซากัวนา ที่สร้างขึ้นจากความศรัทธาของผู้คนพุกามมาเคารพกราบไหว้ขอพรและความเป็นศิริมงคล

- วัดพญาตองซู เจดียาคาร ที่สร้างเป็นรูปเจดีย์สามองค์เป็นแนวยาวผืนผ้า ภายในเป็นห้องสามห้องประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสามห้อง และมีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวพระโพธิสัตว์ เทพ และพระพุทธเจ้าองค์เล็กองค์น้อยเป็นจำนวนมากเต็มฝาผนัง ที่เปรียบเสมือนกับคำเปรียบเปรยที่ว่า พระพุทธเจ้ามีมากมายกว่าผืนทรายในมหาสมุทร ชมแบบร่างการเขียนภาพในสมัยโบราณที่ยังค้างอยู่ภายในเจดีย์ให้ได้เยี่ยมชมเพื่อการเรียนรู้

จากนั้น นำทุท่านไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น (6)

บ่าย นำทุกท่านหลบร้อนไปพักจิบกาแฟ ขนมเค้ก ที่ร้านกาแฟท้องถิ่น
สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางไปเรียนรู้จักวิธีการทำงานเครื่องเขิน (โยนเห่) ในเมืองพุกาม พร้อมเลือกชมเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางต่อไปยัง เจดีย์โลกานันดา เจดีย์ได้รับการสร้างขึ้นริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี ในรัชสมัยพระเจ้าอโนรธามังช่อ ภายในบรรจุพระทันตธาตุ เจดีย์ประกอบด้วยฐานแปดเหลี่ยมเพิ่มมุมจำนวนสามชั้น แต่ละชั้นประดับช่องที่ท้องไม้และมีทางประทักษิณพร้อมบันไดขึ้นทุกด้าน องค์ระฆังประดับด้วยรัดอกและบัวคอเสื้อ การยืดสูงขององค์ระฆังทำให้ระบุได้ว่าเจดีย์องค์นี้อยู่ในกลุ่มอิทธิพลปยู เจดีย์ไม่มีบัลลังก์ มีปล้องไฉนทรงกรวยเตี้ย ปัทมบาทและปลีสั้นซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะร่วมกันของเจดีย์แบบพม่าแท้และเจดีย์กลุ่มอิทธิพลปยู ถือเป็นเจดีย์รุ่นเก่าที่สืบทอดมาก่อนรัชสมัยพระเจ้าอโนรธามังช่อ

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางไปยังวัดกูพะย๊อกจี หรือ วัดกุบยางจี (Gubyaukgyi Temple) สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกาม และออกแบบให้แสง จากภายนอก ส่องเข้าหาองค์พระพุทธรูป ทำให้ดูสวยงาม และภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเหลือมากที่สุด เป็นภาพพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ที่แห่งนี้ถือว่าเป็นที่ที่สวยที่สุดในพุกาม ใกล้กันมีร้านจำหน่ายภาพวาดจากทราย หรือ Sand Painting จากศิลปิน สามารถเลือกชมเลือกซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกตามอัธยาศัย

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปยังวัดสัพพัญญู เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในเมืองพุกามครับ โดยมีความสูงอยู่ที่ ประมาณ 61 เมตร ด้วยศิลปะแบบปาละของอินเดีย ถือเป็นแม่แบบของสถาปัตยกรรมพม่ากันเลยครับ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถัดจาก วัดอนันดา นั่นเองครับ ความเป็นมายาวนาน กลางศตวรรษที่ 12

จากนั้น นำทุกท่านไปยังวิหารที่เป็นเทวสถานของพราหมณ์ในอดีตของเมืองพุกาม ในวิหาร นัตเหล่าจอง ที่เป็นศาสนสถานพราหมณ์-ฮินดู ไวษณพนิกาย ที่ถือพระวิษณุหรือพระนารายณ์เป็นองค์ประธาน ภายในวิหารประกอบไปด้วยแกนกลางทึบตันกลางวิหาร แกะสลักเป็นรูปเคารพเทพตามคติของพรามหณ์ คือ พระนารายณ์บรรทมสินธุ์มีก้านบัวออกจากพระนาภีและเป็นภาพเทพตรีมุรติ อันประกอบไปด้วย พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ แกะสลักได้งดงามมาก ผนังเสาแกนกลางอีกสามด้านแกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ประทับยืน ที่นี่ท่านสามารถกราบไหว้ขอพร เทพตรีมุรติ เพื่อขอความรัก ขอพรเพื่อความสำเร็จได้ตามอัธยาศัย
จากนั้น นำทุกท่านเดินเท้าเพื่อชมรูปแบบเจดีย์ในยุคแรกของการสร้างเจดีย์ที่มีลักษณะคล้ายลอมฟาง ที่ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย ก่อนที่จะมีวิวัฒนาการปรับมาเป็นรูปแบบยุคแรกของเจดีย์ศิลปกรรมแบบพุกาม

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางไปยัง วัดเซ่งเนียดนิอะมา หรือเรียกตามที่แปลเป็นไทยว่า วัดสองพี่น้อง วัดแห่งนี้มีรูปแบบงานสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่งดงามเคียงคู่กัน เจดีย์องค์แรกด้านหน้าเมื่อเข้าไปในเขตวัดจะเป็นลักษณะเจติยาคารแบบพุกาม ภายในมีห้องประดิษฐานพระพุทธรูป และภาพจิตรกรรมฝาผนังประดับภายใน ด้านหลังเจดีย์องค์แรก เป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบลังกา อิทธิพลศิลปะปาละ ที่รุ่มรวยการตกแต่งประดับไม่ว่าจะเป็นรัดอก ช่องจรนำ ฐานบัลลังยกเกร็ด ฯลฯ อันงดงามมาก

จากนั้น นำทุกท่านไปเก็บภาพพระอาทิตย์อัสดง ภายในวัดโซมินจี วัดที่รุ่มรวยงานเซรามิคตกแต่งประดับองค์เจดีย์ ที่มียังหลงเหลือร่องรอยความเจริญในวิทยาการอดีตกว่า 800-900 ปี ให้เราได้ชื่นชม

จากนั้น นำทุกท่านไปชื่นชมความงดงามยามค่ำ ของวัดธรรมยาสะกา วัดที่มีเจดีย์สีทองสุกอร่ามรูปแบบศิลปกรรมพุกามขนาดใหญ่ วัดแห่งนี้ สร้างพระเจ้านรปติสิทธุ กษัตริย์สมัยพุกามตอนปลาย โปรดให้สร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้น ลักษณะที่โดดเด่นของเจดีย์องค์นี้ก็คือ การที่เจดีย์องค์นี้อยู่ในผังห้าเหลี่ยม ซึ่งแทนพระอดีตพุทธและอนาคตพุทธในภัทรกัป ด้านหน้าบันไดแต่ละด้านปรากฏกู่ประดิษฐานพระอดีตพุทธและอนาคตพุทธ เจดีย์ทรงระฆังห้าเหลี่ยมถือเป็นลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของเจดีย์องค์นี้ เนื่องจากไม่มีเจดีย์ทรงระฆังองค์อื่นใดอีกเลยในศิลปะพุกามที่สามารถสร้างเจดีย์ในแผนผังแบบพิเศษนี้

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน (7)

จากนั้น นำทุกท่านออกเดินทางเข้าสู่ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์พุกาม

วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2567

06.00 น. อรุณสวัสดิ์พุกาม

07.00 น. รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ณ ห้องอาหารโรงแรม (8)

08.00 น. อำลาพุกามออกเดินทางจากโรงแรมที่พักเพื่อพาทุกท่านไปขึ้นเขาแห่งนัต หรือ ภูเขาดอกจำปา โปปาเมาเทนท์ และเดินทางกลับเมืองมัณฑะเลย์
ระหว่างทางแวะให้ท่านพักผ่อน ดื่มน้ำตาลสด ที่หมู่บ้านทำน้ำตาลสด และน้ำตาลเมา พร้อมเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย

11.30 น. นำทุกท่านรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น (9)

12.30 น. นำทุกท่านออกเดินทางต่อไปยังโปปาเมาท์เท่นท์ เพื่อนำทุกท่านขึ้นยังยอดเขาที่เป็นที่สถิตของนัตที่รักษาเมือง 37 ตน ภูเขาโปปา มีลักษณะสัณฐานที่โดดเด่นมองเห็นได้ในระยะไกล ในบริเวณพื้นที่ราบแต่ภูเขาโปปาแห่งนี้ได้ยกตัวสูงขึ้นท่ามกลางพื้นที่ราบทั่วบริเวณ เหมือนดั่งยอดเขาพระสุเมรุ ที่สถิตแห่งเทพเทวดา ลักษณะทางกายภาพและภูมิศาสตร์ พรรณพฤกษา ในบริเวณโดยรอบของภูเขาเป็นพื้นที่ๆ ดอกจำปาขึ้นอยู่โดยรอบบริเวณเต็มไปหมด ทำให้มีดอกจำปาสดออกดอกสะพรั่งตามช่วงฤดูกาล จนทำให้เกิดงานภูมิปัญญาในการคิดถนอมรักษาดอกจำปาให้อยู่คงทนสวยงามตลอดไป คือ การทำจำปาดอง ใส่ขวดขายเพื่อเป็นของที่ระลึกของผู้มาเยือนติดมือกลับไป และนอกเหนือจากพื้นที่นี้แล้ว ก็ไม่ปรากฏการทำจำปาดองในพม่าอีกเลย
ถึงยังบริเวณทางขึ้นของโปปาเมาท์เท่นท์ นำทุกท่านเดินขึ้นบันไดไปตามเส้นทางเพื่อขึ้นสู่ด้านบนสุดของเขาศักดิสิทธิ์แห่งนี้อันเป็นที่สถิตของนัตที่รักษาเมือง นัตคืออะไร เราจะขยายความให้ท่านได้รู้จักและเรียนรู้ร่วมกันในวันจัดกิจกรรม

14.00 น. นำทุกท่านออกเดินทางเข้าสู่เมืองมัณฑะเลย์

17.30 น. นำทุกท่านแวะเยี่ยมชมการทำทองคำเปลวที่ร้านท้องถิ่นบ้านหัตถกรรมทำทองคำเปลวที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ ทรงเคยเสด็จมาทอดพระเนตรเทคนิคการทำทองคำเปลวโดยการตีทองด้วยมือ การทำทองคำเปลวในเมืองมัณฑะเลย์จัดว่าเป็นศาสตร์และศิลปะชั้นสูงในการทำงานฝีมือแขนงนี้ และจัดว่าเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อที่สุดของพม่าทั้งเป็นของฝาก รวมถึงสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ เนื่องจากทองคำมีคุณภาพดีและนำไปใช้ทำงานได้สะดวก เนื่องจากเนื้อทองคำเรียบละเอียดบริสุทธิ์
จากนั้น นำทุกท่านไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน (10)

สมควรแก่เวลานำทุกท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม YI-Link Mandalay พักผ่อนตามอัธยาศัย ราตรีสวัสดิ์มัณฑะเลย์

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2567
03.15 น. อรุณสวัสดิ์มัณฑะเลย์ สรีระกิจ

03.45 น. นำทุกท่านออกเดินทางไปยังวัดมหามัยมุนี เพื่อร่วมพิธีสรงพระพักตร์พระมหามัยมุนี ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทางวัดได้ปฏิบัติกันมายาวนาน
พระมหามัยมุนีเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่า และเป็นหนึ่งในห้าศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า คำว่า มหามัยมุนี แปลว่า "ผู้รู้อันประเสริฐ" เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ อดีตราชธานีของพม่าในยุคราชวงศ์คองบอง เดิมทีเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของยะไข่ มีตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาลโดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์หนัก 6.5 ตัน มีการสร้างบนฐานสูง 1.84 เมตร (6.0 ฟุต) รวมองค์พระมีความสูงทั้งหมดกว่า 3.82 เมตร (12.5 ฟุต) ไหล่กว้าง 1.84 เมตร (6.0 ฟุต) และรอบเอวกว้าง 2.9 เมตร (9.5 ฟุต)

ก่อนสร้างกษัตริย์ผู้สร้างทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้า เสด็จมาประทานพรให้พระพุทธปฏิมาองค์นี้เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระพุทธศาสนาไปในภายภาคหน้า โดยในอดีตแม้เมืองยะไข่จะถูกโจมตีโดยกษัตริย์เมืองอื่นที่ทรงแสนยานุภาพอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนย้ายองค์พระมหามัยมุนีนี้ออกจากเมืองได้ ต้องมีเหตุให้ขัดข้องทุกครั้งไป จนกระทั่งถึงรัชสมัยพระเจ้าปดุง แห่งราชวงศ์คองบองสามารถตียะไข่ได้ และได้อัญเชิญพระมหามัยมุนีออกจากยะไข่ได้ในปี พ.ศ. 2327 โดยล่องมาตามแม่น้ำอิระวดีมายังเมืองมัณฑะเลย์ พระมหามัยมุนีจึงได้มาประดิษฐานอยู่ที่เมืองมัณฑเลย์เป็นการถาวรนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ด้วยความเชื่อว่าพระพุทธมหามัยมุนีเป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต ด้วยเหตุที่ได้รับประทานพร หรือบางตำนานก็กล่าวว่าได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้า จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวายโดยทุกเช้าในเวลาประมาณ 04.00 น พระมหาเถระและสาธุชนทั่วไปที่ศรัทธาจะมาทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมทานาคาอย่างดี พร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนที่ถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท แล้วนำกลับคืนแก่สาธุชนผู้นั้นไปบูชาต่อ พร้อมใช้พัดทองโบกถวายเป็นอันดี เสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนมชีพอยู่

จากนั้น นำทุกท่านเดินทางกลับเข้าสู่โรงแรมที่พัก เพื่อรับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (11)

07.45 น. เช็คเอาท์นำทุกท่านออกเดินทางไปยัง หมู่บ้านมินตาสุ เป็นชุมชนโบราณที่ตั้งอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์ ในอดีตเป็นทีป่ระทับของเจ้านายเชื้อพระวงศ์บ้านพลูหลวง ที่ถูกเทครัวกวาดต้อนจากกรุงศรีอยุธยามาพักอาศัยกันอยู่ในย่านนี้ คำว่า มินตา แปลว่า เจ้าชาย สุ แปลว่า รวม ตีความตามรูปแบบภาษา หมายรวมว่าเป็นที่รวมของเชื้อสายว่านเครือของเจ้านายหรือพระราชวงศ์ ภายในชุมชนมีวัดใหญ่ประจำชุมชนคือวัด มหาวาลุกะ มินตาสุ ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของคนโยเดียที่พักอาศัยอยู่ในย่านชุมชนนี้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันคนโยเดียเหล่านี้จะกลายเป็นคนพม่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ก็ยังคงมีประเพณีทางวัฒนธรรมไทยที่ยังหลงเหลือรักษาอยู่คือ การก่อพระเจดีย์ทราย ในวันสงกรานต์เป็นประจำทุกปี หลังจากที่มีการก่อเจดีย์ทรายในแต่ละปี ก็จะทำการเทปูนฉาบทิ้งไว้จนกว่าจะเวียนกลับมาถึงช่วงสงกรานต์ในปีถัดไปก็จะรื้อเอาเจดีย์เก่าออกแล้วสร้างใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งประเพณีนี้จะปรากฏอยู่ในชุมชนโยเดียโบราณ 2- 3 แห่ง เพียงเท่านั้น อาทิ มินตาสุ สุขะ (มัตตะยะ) เป็นต้น นำทุกท่านเข้าเยี่ยมชมชุมชนพร้อมสักการะพระเจดีย์ทรายและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด

สมควรแก่เวลานำทุกท่านออกเดินทางต่อไปยังสุสานลินซินกอง ที่สุสานแห่งนี้เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประวัติศาสตร์ไทย เนื่องด้วยสันนิษฐานกันว่าเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระเจ้าอุทุมพร หรือพระมหาเถระอุทุมพร อดีตพระมหากษัตริย์ เมืองอยุธยา ที่ถูกกวาดต้อนมาหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๒๓๑๐ หลังจากที่พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ เจ้าพม่าได้ทำพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพและนำพระบรมอัฐิมาบรรจุไว้ยังสุสานแห่งนี้ ซึ่งจากการขุดค้นหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบพระพุทธรูปที่มีลักษณะร่องรอยแบบโยเดีย บาตรแก้ว และผ้าจีวรที่ห่อคลุมบาตรแก้วที่มีการประดับกระจกอันงดงาม พร้อมกระดูกบุคคล จึงทำให้เกิดการสันนิษฐานว่าเป็นพระบรมอัฐิของพระมหาเถระอุทุมพร จากนั้นยังมีการขุดค้นและหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ต่อมา พร้อมการบูรณะพื้นที่สุสานแห่งนี้ให้มีสภาพที่ดีขึ้นเพื่อให้ผู้มาเยือนได้มีโอกาสมาสักการะบรรพชนไทยที่ถูกกวาดต้อนมายังมัณฑะเลย์ - อังวะ

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านออกเดินทางไปยัง สะพานไม้อูเบ็ง เป็นสะพานไม้สักทอดข้ามทะเลสาบตองตะม

ที่อยู่

12 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 66 ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด
Bangkok
10700

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 16:00
อังคาร 09:00 - 16:00
พุธ 09:00 - 16:00
พฤหัสบดี 09:00 - 16:00
ศุกร์ 09:00 - 16:00

เบอร์โทรศัพท์

+66952429915

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ พิพิธเพลินใจ แทรเวลผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง พิพิธเพลินใจ แทรเวล:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง สำนักงานตัวแทนจัดการท่องเที่ยว


บริษัทท่องเที่ยว อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด