Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้

Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้ ข้อมูล ความรู้ และ บริการ เกี่ยวกับ วีซ่าออสเตรเลีย - Visa to Australia , Australian visa service

25/03/2025

มีคนถามเข้ามาว่า ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว จองที่พักแล้ว แต่วีซ่าไม่ผ่านทำยังไง?

คำตอบ ถ้ายังเหลือเวลา สามารถลองยื่นวีซ่าอีกรอบได้ แต่ถ้าใกล้เดินทางแล้ว ยื่นวีซ่าไม่ทันแล้ว ก็ทำใจครับ

เพราะ ตั๋วเครื่องบิน หรือที่พัก ไม่ใช่ requirement ของการขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ไม่ได้เอามาพิจารณาด้วย

และมีการแจ้งไว้อยู่แล้วว่าไม่ควรซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือจองที่พักก่อนได้วีซ่า

ย้ำเตือนกันอีกทีครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

14/03/2025

เมื่อก่อน พอเรายื่น Partner Offshore Subclass 309 พร้อม Visitor Subclass 600 เพื่อจะไปเยี่ยมคู่ครองเป็นการชั่วคราว ในขณะที่ Partner 309 อยู่ในขั้นตอนพิจารณา

โดยมากเจ้าหน้าที่ก็อนุมัติ เพราะรู้ว่าเรายื่น 309 ไปแล้ว เราคงไม่เข้าไปทำอะไรผิดกฎวีซ่าท่องเที่ยวในออสเตรเลียหรอก เพราะไม่อยากให้กระทบ 309 ที่รออยู่ และในตอนนั้น 309 จะอนุมัติได้ ตัวผู้สมัครจะต้องอยู่นอกประเทศด้วย เลยเป็นการบังคับกลาย ๆ ให้ออกนอกออสเตรเลียอยู่แล้ว

แต่ช่วงโควิดต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ Partner ที่ยื่น Offshore หรือ 309 นั้น ถูกเปลี่ยนแปลงกฎ ให้สามารถอนุมัติวีซ่าได้ในขณะที่ผู้สมัครอยู่ในออสเตรเลีย ซึ่งส่วนตัวมองว่าดี เพราะเข้าไปแล้วก็ยืดหยุ่นได้ จัดการชีวิตได้ เผื่อมีอะไรทำให้ต้องอยู่ในออสเตรเลียต่อ ก็ทำได้ถูกต้องตามกฎ แล้วก็รอ 309 ไป

ถึงตรงนี้ทุกอย่างก็เหมือนจะดี จนกระทั่งหลัง ๆ เริ่มมีคนมาปรึกษาเรื่อง Visitor visa โดนปฏิเสธทั้งที่ยื่น 309 ไปแล้ว แค่อยากไปเที่ยวหาแฟน หาคู่ครอง เป็นการชั่วคราวระหว่างรอผล Partner visa แต่สุดท้ายไปไม่ได้เพราะวีซ่าโดนปฏิเสธ (ไม่ทุกเคสนะ แต่เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น)

แม้เราจะคิดเหมือนเดิมว่า คนยื่น 309 แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปทำผิดกฎที่ออสเตรเลียเลย ค่าวีซ่า 309 ก็ไม่ใช่ถูก ๆ แล้วก็เป็นหนทางที่จะไปอยู่ออสเตรเลียถาวรที่ถูกต้อง ใครจะไปด้วย Visitor แล้วไปโดดกันล่ะ

ถึงมีจริง ๆ เช่นไปออสเตรเลียแล้วเลิกกันกับคนที่สปอนเซอร์ 309 หรือไปแล้วไปเจอคนใหม่ เลยไม่สนใจ 309 ที่ยื่นก่อนหน้านี้แล้ว ตามหลัก เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดทีหลังจากการยื่นขอ Visitor นะ

แต่ก็นั่นแหละ ถึงเราจะคิดเหมือนเดิม แต่ถ้าเจ้าหน้าที่เปลี่ยนมุมมองวีธีการพิจารณา เราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะขอให้เจ้าหน้าที่ทบทวนทุกเคสที่มีครอบครัว มีคู่ครองอยู่ที่ออสเตรเลียอย่างละเอียดก่อนจะตัดสินวีซ่าด้วยเถอะ

อะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวมันควรถูกพิจารณาอย่างละเอียดแบบนั้นจริง ๆ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

10/03/2025

ยื่นวีซ่าไปแล้ว แต่ยังไม่สะดวกไปทำไบโอฯได้ไหมครับ? คือตอนแรกอยากยื่นไปก่อน เดี๋ยวว่างค่อยไปสแกนนิ้ว

คำตอบ เมื่อยื่นวีซ่าไปแล้ว เราจะได้จดหมายให้เราไปเก็บ Biometrics ซึ่งเป็น requirement นึงของการพิจารณาวีซ่าออสเตรเลียที่ยื่นจากนอกประเทศ (อธิบายคร่าว ๆ)

อย่าง subclass 600 หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าวีซ่าท่องเที่ยวก็จะมีกำหนดให้ไปเก็บไบโอฯใน 14 วัน แต่ถ้าเราไปทำไม่ทันใน 14 วันจริง ๆ ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ (ง่ายที่สุดก็ผ่านทาง enquiry form ลองเซิร์ซหาดู) ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ก็จะต่อเวลาให้

คำแนะนำของผม เวลา 14 วัน มันไม่น้อยนะ ถ้าวางแผนดี ๆ น่าจะพอหาเวลาไปทำไบโอฯได้ หรือถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าง ก็ยังไม่เห็นต้องรีบยื่น การยื่นวีซ่า ใส่ใจกับมันซักหน่อย จะได้ทำให้จบ ๆ ขั้นตอนต่าง ๆ ไป

ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ แจ้งเข้าไปขอยืดเวลา แต่อย่าปล่อยเบลอเป็นอันขาด บางคนบอกช่างมันเดี๋ยวค่อยไปทำ เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับการขอวีซ่า สุดท้าย เลย 14 วัน โดนปฏิเสธวีซ่าได้เลยทันที

มีไม่น้อยนะที่ตอนโดนปฏิเสธวีซ่าเพราะไม่ไปทำไบโอฯในระยะเวลาที่กำหนด ถึงตอนนั้น ทักมาถามว่าทำยังไงได้บ้าง?

ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ยื่นใหม่อย่างเดียว

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

07/03/2025

อีกคำถามที่ถามกันเข้ามาเยอะ คือ เรื่องเงินในบัญชี

ประเด็นต้องมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ อันนี้ตอบไปหลายครั้งแล้ว กฎไม่ได้ระบุไว้ตายตัวว่าถ้ามีเงินเท่านั้นเท่านี้วีซ่าท่องเที่ยวจะผ่าน เจ้าหน้าที่ประเมินจากหลายปัจจัย ที่ดูหลัก ๆ เลยคืออาชีพ หลายคนที่อาชีพมั่นคง เงินในบัญชีไม่เยอะ วีซ่าก็ผ่าน เพราะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคงไม่ทิ้งอาชีพที่มั่นคงในเมืองไทย ไปหนีวีซ่าอยู่ออสเตรเลีย

ประเด็นต่อมา คือ มีหลายบัญชี ยื่นบัญชีไหนดี อันนี้ก็เช่นกัน ตอบไปหลายครั้งแล้วว่ายื่นได้ทุกบัญชี บางคนเงินบัญชีเงินเดือนเหลือแค่พอใช้ในแต่ละเดือน ที่เหลือโอนไปบัญชีเงินเก็บ บัญชีลงทุน ถ้าเป็นกรณีแบบนี้ ควรยื่นไปทุกบัญชีเลย อาจจะเขียนอธิบายเพิ่มเติม เผื่อเจ้าหน้าที่ดูแล้วงง บัญชีไหนเป็นบัญชีไหน

ประเด็นสุดท้าย ไม่ค่อยได้พูด คือ เงินหมุนกับเงินนอน เงินหมุนเวียนในบัญชี คือเงินที่เข้ามาแล้วออกไป ไม่ได้มีผลต่อการขอวีซ่าเท่าเงินคงเหลือในบัญชี ดูย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือนนะ ไม่ใช่พึ่งมามีเงินเหลือไม่นานก่อนยื่นวีซ่า

ยกตัวอย่างตัวเองเลยละกัน ด้วยความที่ผมทำงานหลายอย่าง ทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าออกในบัญชีพอสมควร แต่ละเดือนส่วนใหญ่ก็ 7 หลักขึ้นไป (มีหลักฐานที่มาของเงิน และการจ่ายออกทั้งหมด เผื่อโดนตรวจสอบภาษี หรือเรื่องฟอกเงิน)

หลายเดือนที่ผ่านมีการทำธุรกิจที่พัก ต้องรีโนเวท เงินก็ยิ่งเข้าเยอะออกเยอะ แต่เหลือค้างบัญชีน้อย แบบนี้อาจจะขอวีซ่าไม่ผ่านก็ได้นะครับ เพราะเงินหมุนเข้าหมุนออกไม่ใช่เงินที่เหลือในบัญชีที่นำไปใช้ท่องเที่ยวได้

ในฐานะคนที่หมุนเงิน ผมเข้าใจนะว่าถ้าเราสามารถหมุนเงินขนาดนี้ได้ สุดท้ายก่อนจะไปเที่ยวเราก็สามารถหมุนเงินมาใช้สำหรับการท่องเที่ยวได้เช่นกัน แต่นั่นคือความเข้าใจของเรา เวลาเจ้าหน้าที่ตัดสินวีซ่าเขาก็ต้องดูไปตามกฎเกณฑ์ ขอวีซ่าเราใช้ความคิดของเราตัดสินไม่ได้ครับ อันนี้แนะนำอย่างจริงใจ โดยใช้เคสตัวเองเป็นตัวอย่าง

ที่พูดนี่ก็เพราะหลายคนมั่นใจในเรื่องเงินหมุนมาก ๆ มากจนน่าเป็นห่วง อย่างเช่น เจ้าของธุรกิจค้าขาย เงินหมุน 6 หลัก ขอวีซ่าไม่ผ่าน ถ้ามาปรึกษาผมก็จะอธิบายตามหลักตามเกณฑ์ มันเป็นเงินหมุนไง คุณค้าขายเงินหมุนไว้สำหรับซื้อของมาขาย ไม่ใช่เป็นเงินที่คุณเอาไปเที่ยวได้จริง ถ้าคุณเอาเงินที่ใช้ซื้อของมาค้าขายไปเที่ยวออสเตรเลียแทน แล้วกลับมาคุณจะทำธุรกิจอย่างไร (มีน้องคนนึงจริงใจมาก บอกตามตรง อ๋อ หนูกะว่าจะไปเสี่ยงดูค่ะ)

ในฐานะคนทำธุรกิจ บางช่วงผมเงินเหลือน้อยจริง ๆ ถ้าต้องขอวีซ่าช่วงนั้นก็จะเสียว ๆ หน่อย ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนผม ยกตัวอย่างเพิ่มเติมอีกนิด เพื่อนผมเป็นฟรีแลนซ์ (ที่รับเงินมีหลักฐาน มีโดนหักภาษี มีการจ่ายภาษี) รายได้ของเพื่อนแต่เดือนไม่คงที่ ส่วนใหญ่ก็ 5 หลัก 7-8 หมื่น อาจจะมีบางเดือนถึง 6 หลัก ถึงแสน แต่เงินหมุนอะไรไม่ค่อยมีหรอก

เงินเข้าหลักหมื่นต่อเดือนเป็นส่วนใหญ่ แต่เพื่อนผมมีเงินค้างในบัญชีหลายแสน บัญชีเงินเก็บมีแยกต่างหาก ด้วยเงินหมุนหลักหมื่นต่อเดือนแบบนี้ เพื่อนคนนี้ขอวีซ่าผ่านมาตลอด ไม่ต้องเสียวเท่าคนเงินหมุนหลักล้านแบบผมด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม อันนี้พูดโดยหลักการภาพกว้างนะ สุดท้าย มันก็ดูเป็นกรณีไปอยู่ดี มีอยู่แล้ว คนที่เงินหมุนเยอะเงินค้างบัญชีน้อยแล้วผ่าน แต่จะเอาส่วนน้อยมาอธิบายส่วนมากมันไม่ได้ไง เห็นมาเยอะ คนที่เอาตัวเองแค่เคสเดียวมาอ้างมาแนะนำคนอื่นว่าทำได้ คนฟังคำแนะนำก็ซวยไป

ยังไงดูหลักใหญ่ ดูภาพรวมไว้ก่อน พอมาเคสของเรา เราค่อยประเมินละเอียดอีกที แนะนำแบบนี้ครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

06/03/2025

ส่วนตัวผมเป็นคนให้ความสำคัญกับวีซ่าลูกติดตามแม่ (แม่มีสถานะ TR, PR, หรือ Citizen) ดังนั้นเวลามีใครสอบถามเกี่ยวกับ Child Visa ก็จะเต็มใจตอบเสมอ รวมถึงพยายามให้กำลังใจคุณแม่ที่อยากพาลูกมาอยู่ด้วย เพราะระยะเวลาการรอนานมาก

ก็พอเข้าใจว่าในแต่ละปี ทาง Immigration จะกำหนดตัวเลขที่ไว้สำหรับวีซ่าประเภทต่าง ๆ (ยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยว) ด้วยเหตุผลนี้ เวลามีจำนวนผู้สมัครมากกว่าจำนวนตัวเลขที่อนุมัติได้ ก็จะเกิด Backlog หรือเคสที่ค้างอยู่

อธิบายให้เห็นภาพ ตัวเลขที่ Immigration กำหนดไว้สำหรับวีซ่าเด็ก คือ 3,000 คน แต่สมมุติว่ามีผู้สมัครเกิน ก็จะอนุมัติได้แค่ 3,000 อีก ที่เหลือก็ต้องรอ Financial year หน้า ส่วนตัวมองว่า ตัวเลขมันน้อยนะ 3,000 จากใบสมัครทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่แค่ของไทย และถ้าปีหน้ามีโควต้าน้อยกว่าใบสมัครที่เข้ามา เคสค้างก็จะสะสมไปเรื่อย ๆ หรือที่ผ่านมา อาจจะสะสมมานานแล้วก็ได้

นอกจากนี้ Backlog ก็เกิดจากเหตุผลอื่นได้เช่นกัน ไม่ใช่แค่ Number ที่ Immigration กำหนดอย่างเดียว แต่ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุผลใดก็ตาม ถ้ามีเคสค้างเยอะ ๆ ย่อมส่งผลให้ใบสมัครรอการตัดสินนาน

ที่จริง Child visa รอนาน อาจจะไม่ใช่แค่มีเคสค้างด้วย เพราะเท่าที่ดู กระบวนการทำงานอื่น ๆ ก็ไม่เอื้อให้การพิจารณาเคสทำได้รวดเร็วเลย เอาง่าย ๆ ทุกวันนี้ใบสมัคร Child visa ยังเป็นระบบกระดาษอยู่ (Paper based application) ทำเอาสงสัยว่า Immigration เขาไม่ให้ความสำคัญกับวีซ่าลูกติดตามแม่หรืออย่างไร (สงสัยส่วนตัวนะครับ)

ตอนนี้วีซ่าลูกติดตามแม่รอกันอย่างน้อย 1 ปี หรือ ปีครึ่ง ถ้าใครรอแค่ 1 ปี ถือว่าเร็วได้เลยนะ บางเคสรอ 2 ปีหรือนานกว่านั้นก็มี ส่วนตัวเวลามีคุณแม่ท่านไหนมาปรึกษา ก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรเหมือนกัน เรื่องของระยะเวลาการรอ เพราะมันทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ให้กำลังใจ

บางทีก็อยากอ้อนวอนขอให้ Immigration เห็นใจ แม่ลูกอยากอยู่ด้วยกัน เคสแม่ลูกไม่ต้องพิสูจน์ความสัมพันธ์ใด ๆ (ไม่เหมือนเคสวีซ่าพาร์ทเนอร์) ถ้าทำตามขั้นตอนแล้วพิสูจน์ว่าแม่พาลูกมาอยู่ได้ สวัสดิการสวัสดิภาพเด็กเมื่อมาอยู่แล้วจะไม่มีปัญหา อยู่ดี ปลอดภัย วีซ่าก็ไม่ควรจะต้องรอนานขนาดนั้น

บางทีท่านเจ้าหน้าที่ Immigration อาจจะลืมไปว่า ชีวิตเด็กคนนึงนั้นไม่ได้มีแต่เรื่องวีซ่า ยังมีเรื่องการศึกษาที่สำคัญมาก ๆ เรื่องการได้อยู่กับพ่อหรือแม่ก็สำคัญ เพราะเขาเป็น Dependent Child แต่บางทีกลับต้องรอวีซ่าจนวางแผนชีวิตอะไรไม่ได้ ชีวิตเด็กก็น่าสงสาร ชีวิตคุณแม่ที่อยากพาลูกมาก็น่าสงสาร

สุดท้ายก็หวังแค่ว่าวันนึง Immigration จะพิจารณาเพื่อเร่งให้กระบวนการต่าง ๆ ของ Child visa เร็วขึ้น แม่ลูกเขาจะได้ใช้ชีวิตต่อไปกันได้ หวังว่าจะมีวันนั้นครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

ป.ล. ตัวเลข 3,000 มาจากประกาศของ Immigration นะครับ เขาให้แค่นี้ ก็ต้องเชื่อถือเขา เพราะเขามีสถิติในมือ ที่ผมคิดว่า 3,000 มันน้อย เป็นความรู้สึกส่วนตัวผมครับ ขออนุญาตย้ำอีกที เดี๋ยวแปะลิ้งค์อ้างอิงให้ในคอมเมนต์

ป.ล.2 เคยมีคนโดนปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวมาปรึกษาผม บอกว่าใช้เอเจ้นท์ แล้วเอเจ้นท์ให้เหตุผลว่า Visitor visa มีโควต้า ทำให้โดนสุ่มปัดตก ฟังแล้วตกใจ อ้างได้มั่วมาก ไม่จริงนะครับ Visitor visa ไม่มีโควต้าใด ๆ ไม่มีสุ่มปัดตก พูดแบบนี้เหมือนดูถูก Immigration เพราะถ้ามีการสุ่มแบบนั้น เราก็เชื่อถืออะไรระบบ Immigration ประเทศนี้ไม่ได้แล้ว แต่ถ้าบอกว่ามีเคสที่เจ้าหน้าที่ตัดสินผิด ตัดสินไม่ยุติธรรม อันนี้เข้าใจได้ เพราะมีจริง ๆ

Send a message to learn more

03/03/2025

ที่จริงมีคนติดต่อมาอยากไปเรียนที่ออสเตรเลียเยอะ แต่พอเราประเมินคุณสมบัติผู้ที่จะยื่นแล้วว่าวีซ่ามีโอกาสผ่านน้อย เราก็ต้องแจ้งไปตามตรง ไม่อยากให้เสี่ยงยื่น ต้นทุนก็สูง ทั้งค่าเรียน ค่าวีซ่า ค่าประกัน เวลาโดนปฏิเสธขึ้นมามันเจ็บหนักอยู่นะ แต่ถึงบอกไปแบบนี้ บางคนก็ไม่ได้เชื่อเรา ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน

เฉพาะค่าวีซ่าตอนนี้ก็ AUD 1600 แล้ว

#วีซ่าออสเตรเลีย #วีซ่านักเรียน

Send a message to learn more

22/01/2025

มีคนส่งข้อความเข้ามาว่า "อยากขอวีซ่าท่องเที่ยว แนะนำหน่อย" พอเจอแบบนี้ พูดตรง ๆ ว่าแอดมินก็ตอบลำบาก แม้จะเจอมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เปิดเพจ และเจอบ่อยก็ตาม

อย่างแรก เราไม่รู้ว่าผู้ที่จะยื่นวีซ่าเป็นใคร คุณสมบัติหรือ profile เป็นอย่างไร การงานการเงินอย่างไร

ต่อมา วัตถุประสงค์การเดินทางคืออะไร เพราะไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยว (visitor visa) ก็มีได้ทั้งไปเที่ยวอย่างเดียว และมีญาติ มีแฟน อยู่ที่นั่น

หรือถ้ามีงาน งานเป็นอย่างไร รายได้เท่าไหร่ มั่นคงแค่ไหน การเงินเป็นอย่างไร ใช้เงินตัวเองไปเที่ยว หรือว่ามีใครออกเงินให้ ถ้ามีคนออกเงินให้ ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร ฯลฯ

จริง ๆ แอดมินก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของใคร แต่ถ้าจะให้ตอบโดยไม่มีข้อมูลอะไรใดใดของผู้ที่จะยื่นวีซ่าเลย ไม่สามารถตอบได้จริง ๆ ครับ

ดังนั้น ถ้าอยากปรึกษาจริง ๆ เตรียมข้อมูลเบื้องต้นมานิดนึง แอดมินจะได้ประเมินและแนะนำอย่างตรงไปตรงมาครับผม

แอดมิน

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

14/01/2025

มีถามกันมาหลายคนเรื่องการขอต่อวีซ่า และการยื่นใบสมัครวีซ่าในขณะที่ยื่นวีซ่าประเภทอื่นแล้วแต่ผลยังไม่ออก

อันนี้อธิบายก่อนเลย ปกติออสเตรเลียจะไม่มีการต่ออายุวีซ่า ที่หมายถึงใช้วีซ่าตัวเดิม เลขอะไรต่าง ๆ เลขเดิม แต่อายุวีซ่าถูกขยาย

ตามหลักการแล้ว จะเรียกว่ายื่นใบสมัครใหม่ (Lodge new application) ทำใบสมัครใหม่ แนบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ใหม่ จ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ แล้ววีซ่าที่ได้มาจะเป็นเลขใหม่ อะไรใหม่ทั้งหมด

สรุปง่าย ๆ วีซ่าเป็นคนละอันกับอันเดิม แม้จะเป็นประเภทเดียวกัน Subclass 600 ไป 600 หรือเปลี่ยนประเภทไปเลย เช่น จาก Subclass 100 หรือ 801 ไปเป็น RRV 155 อะไรแบบนี้

แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าจะเรียกง่าย ๆ ว่าต่อวีซ่า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อยากอธิบายให้เข้าใจในหลักการเฉย ๆ

ทีนี้ไอ้กระบวนการการขอวีซ่าใหม่ต่อจากของเดิม คำถามแรกเลยที่โดนถาม คือ ทำได้ตอนไหน? ต้องรอให้วีซ่าเดิมหมดก่อนหรือไม่? คำตอบตามหลักการเลยอีกเหมือนกัน คือ ไม่ได้ห้ามขอวีซ่าใหม่ก่อนอันเดิมหมด

ยกตัวอย่างเช่น ตัวแอดมินมี visitor visa - tourist stream อายุ 3 ปี ผ่านมาแค่ 1 ปี ดันต้องไปงานประชุมที่ออสเตรเลีย จึงต้องขอ visitor visa - business stream ให้ตรงกับวัตถุประสงค์การเดินทาง

หลังจากวีซ่าผ่าน วีซ่าตัวใหม่ก็จะออกทับวีซ่าตัวเดิมเรียบร้อย จบไป ไม่ต้องไปถามหาอายุวีซ่า 2 ปีที่เหลืออยู่ของตัวเก่า

แล้วเรายื่นพร้อมกัน 2 ใบสมัครได้หรือไม่? คำตอบก็คือได้นะครับ และคนก็ทำกันเยอะแยะ เช่น ลูกเราอยู่ระหว่างการรอวีซ่า subclass 101 อยู่ แต่มันรอนาน ปิดเทอมอยากไปเยี่ยมคุณแม่ ขอ subclass 600 เพื่อไปชั่วคราว มันก็ทำได้

แต่ละอันก็มี process การพิจารณาแยกกัน แต่เจ้าหน้าที่จะมีการดึงข้อมูลของอีกใบสมัครนึงมาประกอบการพิจารณาอีกอันนึงหรือไม่ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่

Process แบบคู่ขนานกันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ เลยนะ ทั้งการยื่นในและนอกออสเตรเลีย บางคนยื่นอุทธรณ์อยู่ในออสเตรเลีย ขอ Bridging visa B เพื่อออกมายื่นวีซ่าอีกประเภทนอกออสเตรเลีย ก็ทำได้

เพิ่มเติมให้อีกนิดนึง ทำไมโดนปฏิเสธวีซ่าในประเทศออสเตรเลีย ถึงยื่นขอวีซ่าอื่นในประเทศออสเตรเลียไม่ได้ (ยกเว้นบางกรณี) ไหนบอกยื่นกี่ใบสมัครก็ได้ไง

เหตุผลพื้นฐานเหตุผลนึง คือ มันเป็นการปิดช่องว่าง เพราะถ้าทำได้ บางคนโดนปฏิเสธวีซ่าในออสเตรเลียแล้ว แทนที่จะยื่นอุทธรณ์ (ตามหลักการ) แต่หัวหมอยื่นใบสมัครใหม่ไปเรื่อย ๆ ก็อยู่ต่อได้เรื่อย ๆ แบบนี้ เขาก็เลยอุดตรงนี้ซะ จบ ๆ ไป ไม่วุ่นวายเกิดใบสมัครใหม่ไม่รู้จบ

ความรู้สึกส่วนตัวของแอดมินที่ทำวีซ่ามาหลายประเทศ จริง ๆ กฎเกณฑ์วีซ่าของออสเตรเลียนี่ถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลมากแล้วนะ

แต่หลายครั้งก็ยังมีบางคนที่ผิดพลาด จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่สุดท้ายอาจจะต้องยอมรับว่ามันแก้ไม่ได้จริง ๆ

ดังนั้นใครจะยื่นจะทำอะไรกับวีซ่า จะต่อ จะยื่นใหม่ จะยื่นประเภทไหน จะยื่นกี่ใบสมัคร ควรวางแผนดูกฎดูเกณฑ์ให้ดี อย่าให้พลาดครับ แนะนำกันตามตรง

#วีซ่าออสเตรเลีย

ป.ล. กฎเกณฑ์วีซ่าออสเตรเลีย ส่วนตัวเราว่าดีนะ แต่สุดท้ายหลายอย่างก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้นด้วยอยู่ดีนั่นแหละ

Send a message to learn more

07/01/2025

คำถามจากทางบ้าน (เพื่อนแอดมินถามมาเอง) - ขอวีซ่าท่องเที่ยวไว้ก่อน ยังไม่มีกำหนดเดินทางได้หรือไม่? เวลาอยากจะไปเมื่อไหร่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขอ

แอดมินขอตอบแบบนี้ครับ ตามกฎการขอวีซ่าท่องเที่ยวแทบทุกประเทศทั่วโลกที่แอดมินเคยเห็นมา จะขอไปเที่ยว ต้องมีกำหนดการเดินทางว่าจะไปวันไหน กลับวันไหน เพราะเป็นข้อมูลที่ต้องถูกบันทึกไว้ในระบบ

ลองนึกภาพเจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลของผู้สมัครวีซ่าไปเที่ยวออสเตรเลีย แต่ผู้สมัครไม่ใส่วันเดินทางมา เจ้าหน้าที่จะบันทึกอย่างไร ดังนั้น มันต้องมี ยิ่งสมัยนี้ขอออนไลน์ ระบบบังคับให้ใส่อยู่แล้ว

แล้วถ้าใช้วีธีใส่วันหลอก ๆ เพื่อขอวีซ่าไว้ก่อนทำได้ไหม คำตอบก็คือทำได้ แล้วก็มีคนทำ เพื่อนแอดมินเองนี่แหละ ตอนนั้นจะลาออกจากงาน กลัวว่าหากไม่ได้ทำงานประจำแล้ว จะขอวีซ่าไม่ผ่าน เลยรีบไปขอวีซ่าอเมริกาไว้ก่อน (วีซ่าอเมริกาส่วนใหญ่ได้ 10 ปี)

เพื่อนก็ใช้วิธีการกำหนดวันเดินทางหลอก ๆ ไป แล้ววีซ่าก็ผ่าน แต่ไม่ได้เดินทางตามกำหนด กว่าจะได้ไปก็หลังจากนั้นเกือบ 10 ปี ตอนบินไปถึง เจ้าหน้าที่ที่ด่าน ตม. ก็ถามนิดหน่อยว่ามาครั้งแรกใช่ไหม แล้วก็เข้าได้ตามปกติ แต่เรียกได้ว่าเกือบเสียเงินเปล่า ไม่ได้ใช้วีซ่า

ทีนี้ถามว่ามันจำเป็นไหมที่ต้องมีวีซ่าไว้ก่อน อยากเดินทางเมื่อไหรก็ไปได้เลย คำตอบสำหรับตัวแอดมินเองคือไม่จำเป็น จะไปเมื่อไหร่ค่อยขอก็ได้ เท่าที่ทำวีซ่ามาพันพันเคส เจอเคสกรณีเร่งด่วนจริง ๆ ไม่ถึง 10 เคส โดยเฉพาะกรณีไปเที่ยวเฉย ๆ นี่ไม่เคยเจอเลย (ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองที่พักไว้แล้ว ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน)

อันนี้ไม่นับกรณีที่ไม่วางแผนการเดินทาง ใกล้เดินทางแล้วถึงขอวีซ่า แล้วมาอยากได้วีซ่าแบบด่วน ๆ อยากจะจ่ายเงินเพิ่มอะไรแบบนี้ อันนี้บางประเทศมีให้จ่ายเพิ่ม (เงินซื้อความสะดวกได้) แต่บางประเทศอย่างเช่นออสเตรเลียก็ไม่มีให้เร่ง ทุกคนเท่ากัน ตามคิวเหมือนกัน

ส่วนบางคนที่เขามีญาติพี่น้อง มีสามีมีภรรยา มีลูก อยู่ที่ออสเตรเลีย เขาอยากมีวีซ่าไว้ก่อน เผื่อเหตุฉุกเฉิน จะได้บินได้เลย ซึ่งอันนี้เข้าใจได้ แต่ส่วนใหญ่เท่าที่เจอมา คนกลุ่มนี้จะมีวีซ่าอยู่แล้ว เพราะเขามีกำหนดการเดินทางเรื่อย ๆ

กรณีแบบนี้ไม่ใช่การขอไว้เผื่อ แต่เป็นประมาณว่าขอครั้งนี้ เดินทางตามกำหนดจริง แต่วีซ่าที่ได้มา มันเผื่อครั้งต่อ ๆ ไปได้ด้วย เผื่อกรณีฉุกเฉินได้ด้วย หรือใครจะเดินทางบ่อยจริง ๆ จะลงทุนขอแบบ frequent traveller ได้ 10 ปีไปเลยก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนและความจำเป็นของแต่ละคน

กลับมาที่เพื่อนแอดมินคนที่ถามเข้ามา แอดมินก็บอกไปตามตรง ถ้าจะไปเที่ยว ไม่ต้องขอเผื่อหรอก เราจำเป็นต้องสบายขนาดจะไปเที่ยวไหนไม่ต้องวางแผน อยากไปก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปได้ทันทีขนาดนั้นเลยเหรอ จะไปทีนึง วางแผนหน่อยก็ได้

แต่ถ้ารวย ไม่เสียดายเงิน จะขอวีซ่าไว้ก่อนนาน ๆ มันก็ได้นั่นแหละ ไม่ได้ห้าม มันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แค่แนะนำไปตามจริง ตามประสบการณ์ครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

18/12/2024

มีคนถามเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่ขออธิบายอีกที

- ทำงาน 2 jobs รับเงิน 2 ทาง ยื่นว่าทำงานที่ไหนดี?
- มีบัญชีหลายบัญชี ยื่นบัญชีไหนดี?

ถ้าโดยทั่วไป (ตอบแบบไม่เห็นเอกสาร) ก็ต้องตอบว่า ในใบสมัครก็กรอกงานหลักที่มั่นคงกว่า เงินเดือนเยอะกว่า อะไรไป แล้วก็แนบเอกสารอีกงานนึงไปด้วย ถ้ากลัวเจ้าหน้าที่งง อาจจะเขียนอธิบายเพิ่มไปเป็นจดหมายแยก

แต่จดหมายอธิบายนี่ไม่ได้จำเป็นทุกเคสนะ บางเคสเอกสารมันชัดเจนดูง่าย ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มันเยอะแยะวุ่นวาย

ส่วนเรื่องบัญชี ยื่นได้ทุกบัญชี ไม่มีกฎบอกว่ายื่นได้บัญชีเดียว ไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่รู้ว่าเรารวย อย่างบางคนแยกบัญชีเงินเดือน บัญชีเงินเก็บ พอเงินเดือนเข้าก็เหลือเงินไว้พอใช้ ที่เหลือย้ายไปบัญชีเงินเก็บ

แบบนี้ถ้ายื่นบัญชีใดบัญชีหนึ่งไปอันเดียว เจ้าหน้าที่อาจจะไม่เข้าใจสถานะการเงินของเราทั้งหมด ก็อาจจะปฏิเสธวีซ่าของเราได้ จึงควรยื่นไปทั้ง 2 บัญชี หรือถ้าใครมีมากกว่า 2 ก็ยื่นได้ และก็เหมือนกันคือ ถ้าเรากลัวว่าเจ้าหน้าที่ดูแล้วจะงง เราก็เขียนอธิบายไปเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ถึงเราทำงาน 2 ที่ มีบัญชีหลายบัญชี ก็ไม่ได้หมายความว่ายื่นไปทั้งหมดแล้ววีซ่าจะผ่าน สมมุติทำงานที่นึงเงินเดือน 9,000 ทำอีกที่นึงรับเงินสดอีก 5,000 บัญชีมีหลายบัญชี แต่มีเงินหลักร้อยหลักพันทุกบัญชี กรณีเจ้าหน้าที่ก็คงจะพิจารณาว่าเราไม่น่าจะไปเที่ยวออสเตรเลียจริงตามที่แจ้ง และปฏิเสธวีซ่าเรามา

ดังนั้น ก็จะยื่น เราควรประเมินตัวเองอย่างละเอียด เพราะยื่นไปแล้วไม่ผ่าน มันมีแต่เสียครับ ว่ากันตามตรง

#วีซ่าออสเตรเลีย

09/12/2024

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับข้อความ 10+ ข้อความ ถามเรื่อง Visitor visa (subclass 600) Frequent traveller stream

อะไรทำให้คนสนใจวีซ่าตัวนี้? คำตอบคืออายุของวีซ่ามันได้ 10 ปี (อยุ่ได้ครั้งละไม่เกิน 3 เดือน) พูดง่าย ๆ ทำครั้งเดียว ใช้ไปได้เลย 10 ปี ไม่ต้องเสียเวลาทำใหม่บ่อย ๆ และวีซ่าตัวนี้เป็น business visitor ด้วย คือสามารถเข้าไปประชุม ไปร่วมงานอะไรที่เกี่ยวของกับธุรกิจได้เลย (แต่ห้ามทำงานรับเงินรับค่าจ้างอะไรใด ๆ ในออสเตรเลีย)

วีซ่าตัวนี้ จากประสบการณ์ที่ทำวีซ่ามา ส่วนตัว ย้ำนะครับว่าส่วนตัว ผมคิดว่าวีซ่าตัวนี้เหมาะกับคนแค่บางคนเท่านั้น ไม่ได้เหมาะกับทุกคน อย่างเช่นตัวผมเอง ผมไม่น่าจะเหมาะกับวีซ่าตัวนี้ พูดง่าย ๆ ผมคิดว่าต่อให้คุณสมบัติของผมผ่านเกณฑ์ที่จะได้วีซ่า ตัวนี้ ผมก็ไม่สมัครครับ (เดี๋ยวจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่เหมาะ)

ค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวนี้คือ AUD 1435 ซึ่งถ้าบวก credit card surcharge ไปก็จะเป็น 1,455.09 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 31,800 บาท สำหรับผมคือแพงมาก แพงกว่าอเมริกาที่ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 6,660 บาท (ส่วนใหญ่ได้ 10 ปี) แต่ก็ยังถูกกว่าอังกฤษ 10 ปีอยู่ อันนั้น 4 หมื่นกว่า

แล้วทำไมผมถึงคิดว่าไม่เหมาะกับผม? อย่างแรก ค่าธรรมเนียมแพงเกินไปสำหรับผม จริงอยู่ว่ามันได้ 10 ปี แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าแค่วีซ่าท่องเที่ยว แพงอะไรขนาดนั้น แล้วต้องไปบ่อยขนาดไหนถึงจะคุ้ม ขนาด 2 ปีที่ผ่านมาผมไปออสเตรเลียมา 5 ครั้ง ผมก็ยังรู้สึกว่าวีซ่าตัวนี้ไม่ได้จำเป็นสำหรับผมเท่าไหร่ จะไปค่อยขอวีซ่าท่องเที่ยวปกติน่าจะถูกกว่า

เหตุผลส่วนตัวข้อที่สอง ผมไม่ได้เดือดร้อนกับการทำวีซ่าใหม่ถ้าผมจำเป็นต้องเดินทาง ในฐานะคนที่วางแผนเรื่องวีซ่าให้คนอื่น ผมก็วางแผนวีซ่าให้ตัวเองด้วยเช่นกัน ครั้งล่าสุดผมขอวีซ่าท่องเที่ยวได้มา 3 ปี จะหมดกลางปีหน้า หลังจากหมดแล้ว หากผมจะเดินทางอีกครั้ง ตอนนั้นผมค่อยขอใหม่ เพราะบางทีผมอาจจะไม่ได้ไปอีกเป็นปีก็ได้ ช่วงเวลาแบบนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่าไว้ก่อน ไม่ต้องปล่อยให้อายุวีซ่ามันหมดไปเฉย ๆ

ข้อที่สาม อันนี้ก็ยิ่งส่วนตัวมาก ๆ คือ ผมมี APEC Business Travel Card อยู่แล้ว ซึ่งบัตรเอเปคมีอายุ 5 ปี ในนั้นมีวีซ่า business visitor ของ Australia ค่าธรรมเนียมการสมัคร 8,500 บาท และนอกจากนี้ใบบัตรเอเปคยังมีวีซ่าประเภทธุรกิจของประเทศอื่น ๆ อีก 18 ประเทศรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ผมก็เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องสมัครวีซ่า 10 ปีตัวนี้ (โชคดีที่มีทางเลือกที่ถูกกว่า)

แถมอีกนิดนึง อย่างคุณแม่ผม ผู้ที่เดินทางไปออสเตรเลียทุกปี อาจจะปีละ 2 รอบด้วย ผมก็คงไม่สมัครวีซ่าตัวนี้ให้เช่นกัน เพราะทุกวันนี้แม่ผมใช้วีซ่า Longer stay อยู่แล้ว วีซ่ามีอายุ 3 ปี อยู่ได้ยาวครั้งละ 1 ปี (ปกติ แม่ผมอยู่ไม่ถึงหรอก อยู่ที่ออสเตรเลียไม่กี่เดือนก็อยากกลับแล้ว) ซึ่งผมคำนวนยังไง วีซ่าแบบที่แม่ใช้อยู่ตอนนี้ ก็เหมาะสมกับแม่มากกว่า และที่สำคัญถูกกว่า (สบายลูกหน่อย เพราะลูกเป็นคนจ่าย)

อย่างที่ผมบอกว่า เหตุผลของผมเป็นเหตุผลส่วนตัว ดังนั้น ผมเองก็เข้าใจว่ามีบางคนที่เหมาะกับวีซ่าตัวนี้ หรือบางคนที่อาจจะอยากอุ่นใจไว้ก่อน มีวีซ่าไว้จะเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งลูกค้าของผมหลายคนก็ทักเข้ามาสอบถาม มาคุย ๆ เอาไว้แล้วว่าอยากสมัคร ก็ไว้คราวหน้าจะมาอธิบายอีกที ว่าในมุมมองของผม ใครที่เหมาะกับวีซ่า 10 ปีตัวนี้ครับ

บางคนโทรมาคุย พอฟังผมอธิบายแล้ว ก็บอกว่างั้นรอบนี้สมัครแบบเดิมอีกครั้งนึง คราวหน้าถ้ายังอยากได้ 10 ปีก็ค่อยว่ากัน วีซ่าออกมาแล้ว มันไม่ยกเลิกเร็ว ๆ นี้หรอก ดังนั้น ไม่ต้องรีบ ใครรีบให้เขาสมัครไปก่อนเลยครับ แนะนำกันตรง ๆ

#วีซ่าออสเตรเลีย

04/12/2024

มีเคสวีซ่าติดตาม Child visa (Subclass 101) เคสนึงที่ผมยื่นใบสมัครให้น้องคนนี้ตอนน้องอายุ 24 ปี 6 เดือน วีซ่าอนุมัติตอนน้องอายุ 26 ปี 4 เดือน

เท่ากับรวมระยะเวลาที่ใช้พิจารณาวีซ่า 1 ปี กับอีก 10 เดือน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเคสที่ต้องลุ้นกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าจะอนุมัติวีซ่าให้น้องทันก่อนน้องจะเรียนจบอย่างสมบูรณ์หรือไม่ เพราะตามกฎแล้ว วีซ่าจะต้องอนุมัติขณะที่น้องยังคงสถานะเรียน full-time อยู่

เคสของน้อง น้องเคยหยุดเรียนช่วงก่อนที่จะอายุ 18 แล้วก็กลับมาเรียนต่อเนื่อง และน้องเรียนแพทย์ ซึ่งใช้เวลาเรียน 6 ปี ทำให้น้องยังอยู่ในเงื่อนไขทุกประการ น้องเป็นเด็กดีมีคุณภาพ เป็นเคสนึงที่ผมอยากให้น้องได้ PR มาก ๆ และวันที่ได้วีซ่า ผมก็ดีใจกับน้องและคุณแม่มากจริง ๆ

ในฐานะคนทำวีซ่า ผมไม่ชอบเลยที่วีซ่าลูกติดตามแม่ (หรือพ่อ แต่ในที่นี้จะขอพูดถึงแม่เป็นหลัก) มี processing time หรือระยะเวลาการพิจารณาที่นานเป็นปี บางเคสลากยาวไป 2 ปีก็มี (เมื่อก่อนเร็วกว่านี้) ทั้งที่ความสัมพันธ์แทบจะไม่ต้องพิสูจน์อะไร ก็คือมีความเป็นแม่ลูกกันอยู่แล้ว

หรืออย่างบางเคสเป็นเด็กอายุน้อยมาก ๆ แบบเรียนอนุบาล เรียนประถม ฝั่งแม่ส่งเงินให้ทุกเดือนผ่านทางญาติ (เช่น ยาย) กรณีแบบนี้เราก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทำไมต้องใช้เวลานานมาก ถ้าทาง department จะอ้างว่าจำนวนเจ้าหน้าที่น้อย พิจารณาไม่ทัน ก็ควรเพิ่มเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ได้แล้ว ทำไมต้องปล่อยให้แม่ลูกเขาที่อยากจะได้อยู่ด้วยกันต้องรอนานขนาดนั้น

ความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ วีซ่าลูกติดตามแม่นั้นควรจะถูกปรับปรุงกระบวนการพิจารณาให้เร็วกว่านี้ และทาง department ควรให้ความสำคัญกับวีซ่านี้มากกว่าที่ผ่านมา รวมถึงควรจะพัฒนาเป็น online application ได้แล้ว (ปัจจุบันเป็น paper based)

ชีวิตของเด็กคนนึงไม่ได้มีแค่เรื่องวีซ่า มันยังมีเรื่องเรียนเรื่องอะไรอีกมากมาย เรื่องเรียนที่เป็นอนาคตอีกยาวนานของเด็กคนนึง หรือเรื่องความเป็นอยู่ ที่แม่คนนึงอยากให้ลูกมาอยู่ด้วย ดังนั้นยิ่งพิจารณาช้าเท่าไหร่ แม่กับเด็กก็จะยิ่งจัดการชีวิตได้ยากขึ้น ตรงนี้ผมอยากให้เจ้าหน้าที่ที่พิจารณาวีซ่า subclass เหล่านี้ ช่วยเห็นใจสปอนเซอร์ (แม่) และผู้สมัคร (เด็ก) ให้มาก ๆ ครับ

แต่ก็นั่นแหละ พูดไปก็คงไม่ถึงหูเจ้าหน้าที่หรอก เราก็คงได้แค่ทำหน้าที่ของเราต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่และคุณพ่อทุกท่าน ที่อยากจะมอบสิ่งนี้ให้กับลูกนะครับ

จากใจแอดมินและทีมงาน

#วีซ่าออสเตรเลีย #วีซ่าติดตามแม่

ป.ล. ผมโพสต์เกี่ยวกับวีซ่าเด็กไว้พอสมควรนะครับ เพราะบอกตามตรงว่าเป็นวีซ่าที่ผมให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ

ป.ล.2 แต่ผู้ที่จะยื่นให้ลูก หรือลูกที่โตแล้วอยากยื่นติดตามแม่ จะต้องประเมินตัวเองก่อนนะครับว่าผ่านเงื่อนไขหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องอายุ และเรื่องการเรียน ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ก็ไม่ต้องถามต่อหรอกครับว่า “ทำอย่างไรได้บ้าง?” เพราะตอบตรง ๆ เลยว่า “ทำไม่ได้ครับ” (ถ้าอายุเกิน อาจจะมียกเว้นแค่พิการดูแลตัวเองไม่ได้ แต่อย่าให้เป็นกรณีนั้นเลยครับ)

Send a message to learn more

25/11/2024

คำถาม - ตอนนี้อยู่บริดจิ้งเอจากวีซ่าลี้ภัย (Protection Visa - Subclass 866) อยากขอบริดจิ้งบีเพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทยได้ไหม?

คำตอบ - ไม่ได้ครับ

เราเข้าใจนะว่าคนถามก็คงไม่รู้ แต่เรื่องนี้ใช้หลัก common sense ง่าย ๆ ในการพิจารณาเลย คุณขอลี้ภัย เพราะคุณมีภัยไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้ ถ้าคุณกลับประเทศได้ ก็แสดงว่าคุณไม่มีภัย

แต่ก็นั่นแหละครับ มันไม่ได้มีภัยอะไรอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ควรยื่นตั้งแต่แรกครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

13/11/2024

นานมาแล้ว มีคนปรึกษาเข้ามาว่า "พี่คะ เจอกับแฟนที่บาร์ หนูทำงานที่นั่น เจอกันแล้วหลังจากนั้นคบหากันมาปีกว่า แฟนมาหาหลายครั้ง ตอนนี้แฟนอยากให้ไปเยี่ยม แต่ขอวีซ่าไม่ผ่าน เกี่ยวมั้ยคะที่วีซ่าไม่ผ่านเพราะหนูทำงานบาร์?"

คำตอบ จะให้บอกว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ได้ เพราะอาชีพมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าอยู่แล้ว แต่สำหรับเคสนี้ ส่วนตัวผมมองว่าไม่เกี่ยว เพราะผู้สมัครต้องการไปเยี่ยมแฟนที่ออสเตรเลีย ถ้าความสัมพันธ์ชัดเจน ก็สามารถสปอนเซอร์กันได้ ย้ำว่าถ้าความสัมพันธ์ชัดเจนและมีน้ำหนักพอนะครับ

และจากประสบการณ์ที่ทำวีซ่ามา ลูกค้าของผมที่ทำอาชีพเป็นพนักงานบาร์ เป็นพนักงานโรงแรม พนักงานนวด ฯลฯ แล้วมีแฟนเป็นคนออสเตรเลีย เวลาทำวีซ่าท่องเที่ยวไปเยี่ยมแฟน ไม่เคยมีใครไปแล้วโดดวีซ่า ไปแล้วไม่กลับไทยอะไรแบบนี้เลย

ทุกคนแค่ไปอยู่กับแฟน ไปทดลองใช้ชีวิต ไปดูบ้านแฟน เจอสังคมของเขา แล้วก็กลับมา ไม่ได้กะจะไปหนี ไปแอบทำงานอะไร เพราะรู้ว่าถ้าจะไปอยู่จริง ๆ ในอนาคตก็สามารถทำวีซ่าพาร์ทเนอร์ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำผิดกฎวีซ่าท่องเที่ยว

พูดจากใจจริงนะ น้องสาวบาร์นั้นรักษากฎวีซ่ายิ่งกว่าคนทำงานดี ๆ หลายคนเสียอีก

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

12/11/2024

เคสวีซ่าพาร์ทเนอร์บางเคสมันก็ซับซ้อนมาก

เรื่องสมมุติ - ตัวผู้สมัครเองเคยอยู่ออสเตรเลีย เคยทำผิดกฎวีซ่า เคยมีแฟนเก่าคนไทย เคยมีแฟนเก่าคนออสเตรเลียจนทำเรื่องกับคนเก่าไปแล้วแต่สุดท้ายเลิกกันก่อนได้วีซ่า จนมาคบแฟนใหม่ช่วงแรกก็เป็นการคบซ้อนด้วย

ส่วนตัวสปอนเซอร์เองก็มีประวัติไม่น้อย ทั้งการโอเวอร์สเตย์ แต่สุดท้ายแต่งงานกับคนออสเตรเลียจนได้พีอาร์มาจากวีซ่าพาร์ทเนอร์ จากนั้นเลิกกัน (เกิน 5 ปี) จึงมาคบหากันแฟนปัจจุบัน คนที่จะสปอนเซอร์วีซ่าพาร์ทเนอร์กันนี่แหละ

เรียกว่าขาดแค่เรื่องปัญหาสุขภาพ (ที่มีผลต่อการพิจารณาวีซ่า) กับปัญหาเรื่องคดีความ (อาญา) อีกสองอย่างก็จะครบถ้วนครบกระบวนความยากเลย

เคสอะไรแบบนี้ ซับซ้อนแบบนี้ เราไม่แนะนำให้ยื่นเองนะครับ ใช้เอเจ้นท์เถอะ และไม่จำเป็นต้องใช้บริการเราหรือเชื่ออะไรเราก็ได้ เดี๋ยวจะมองว่าเราแนะนำเพราะเราได้ประโยชน์ เราแค่อยากแนะนำแบบตรง ๆ

คนไม่เชื่อเราสุดท้ายทำเองผ่านก็มี แต่ที่ทำแล้วไม่ผ่าน หรือเจอปัญหาจนสุดท้ายแก้ไม่ได้ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

ยังไงคนที่ตัดสินใจคือคนยื่นอยู่แล้ว

#วีซ่าออสเตรเลีย

22/10/2024

สมัยก่อน การแชร์ข้อมูลระหว่างองค์กรเป็นเรื่องลำบาก ใครโดนปฏิเสธวีซ่าประเทศอื่นมา พอมายื่นวีซ่าออสเตรเลีย เนียน ๆ เสี่ยงตอบว่าไม่เคยโดนปฏิเสธ ทางออสเตรเลียก็อาจจะไม่รู้นะครับ

แต่ปัจจุบัน ในยุคที่ข้อมูลหลาย Terabyte สามารถบรรจุอยู่ใน Thumb drive อันเท่านิ้วโป้งได้ ขอบอกตรง ๆ ว่าใครเสี่ยงโกหก ให้ข้อมูลเท็จ มีโอกาสถูกจับโป๊ะสูงมากนะ และเมื่อโดนจับได้ มันก็มีโทษตามมา

เตือนกันจากใจ / บอสแอดมิน

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

17/10/2024

ช่วงนี้มีคนยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว แล้ววีซ่าออกไม่ทันวันเดินทางกันเยอะเลย

ดังนั้นอย่าประมาทกันนะครับ วางแผนล่วงหน้า ยื่นกันล่วงหน้าหน่อย จะได้ไม่ต้องลุ้นว่าจะทันไม่ทัน

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

14/10/2024

ยื่น Subclass 300 แล้วเข้าไปจดทะเบียนในออสเตรเลีย

ยื่น Subclass 309/100 แล้วรอที่ไทย แต่ระหว่างรอก็ไป ๆ กลับ ๆ ออสเตรเลียด้วย Visitor visa (Sibclass 600) ได้

ยื่น Visitor visa เข้าไปในออสเตรเลีย แล้วค่อยยื่น Partner onshore (Subclass 820/801) แล้วรอทีออสเตรเลียเลย

แบบไหนดีกว่ากัน?

คำตอบคือ แล้วแต่การวางแผนของแต่ละคนเลยครับ

บางคนความสัมพันธ์ค่อนข้างสั้น ยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะยื่น Partner visa แต่ก็อยากเริ่มกระบวนการแล้ว ก็ต้องให้แฟนไปยื่นขอแต่งงาน แล้วเอา Notice of Intended Marriage (NOIM) มายื่นขอ Subclass 300

หรือบางคนยังไม่อยากไปรอวีซ่าที่ออสเตรเลีย อาจจะมีภาระความรับผิดชอบที่ไทย ก็ยื่น 309/100

บางคนอาจจะพร้อมไปรอวีซ่าที่ออสเตรเลียเป็นหลัก ก็อยากไปยื่น 820/801

แต่ละคนก็มีข้อจำกัด หรือมีความสะดวกที่ไม่เหมือนกัน

ดังนั้น ทั้งหมดนี้มันไม่มีอะไรผิดอะไรถูก หรืออันไหนดีที่สุดครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

ที่อยู่

96 Krungthonburi, Banglamphulang, Khlong San
Bangkok
10600

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้

เพจ “Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้” เป็นเพจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย โดยนำเสนอข้อมูล ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ หรือกำลังจะยื่นขอวีซ่า ซึ่งจริงๆแล้วเพจนี้มีมานานแล้วนะครับ ตั้งแต่ 22 October 2015 หรือประมาณ 3 ปีก่อน

แต่อยู่ดีๆ วันนึงในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ เพจ Visa.Au.Help เดิม ถูก temporary suspended หรือภาษาง่ายๆก็คือ แบนชั่วคราว จากเฟซบุ๊ค ด้วยเหตุผลที่ผมเองก็ไม่ทราบ เพราะเข้าใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ทำถูกต้องตามกฎทุกอย่าง จากวันที่เปิดวันแรกที่มี 0 like จนถึงวันที่ถูกปิดชั่วคราว เพจมีคนไลค์คนติดตามประมาณ 17,000 คน มีคนรีวิว 79 คน และให้ 5 ดาวเต็มถึง 77 คน

ตอนนั้นผมพยายามติดต่อกับทางเฟซบุ๊คหลายครั้ง เพื่อสอบถามเหตุผลที่มาแบนเพจของผม แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน เฟซบุ๊คตอบเพียงว่าเพจทำผิด policy ซึ่งตัวผมเองก็พยายามย้อนกลับไปดูทุกโพสต์ ว่าเราแชร์อะไรผิดลิขสิทธิ์มั้ย หรือว่าเราโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมไปรึเปล่า แต่ก็หาไม่เจอจริงๆ เพราะทุกโพสต์ที่ทำขึ้นมา ผมทำด้วยตัวผมเอง

จนผมต้องลองไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านเฟซบุ๊ค คำตอบที่ได้ คือ ช่วงต้นปี 2018 เฟซบุ๊คมีการปรับระบบหลายอย่าง จนเฟซบุ๊ครวน และเกิดการแบนเพจต่างๆ โดยไม่มีแจ้งเตือนก่อน ซึ่งนอกจากผมแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับผลกระทบนี้ ถึงรู้แบบนั้น ผมก็ยังไม่ยอมแพ้พยายามต่อสู้เพื่อเอาเพจกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ แล้ววันนึงเพจก็หายไปอย่างถาวร