Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้

Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้ ข้อมูล ความรู้ และ บริการ เกี่ยวกับ วีซ่าออสเตรเลีย - Visa to Australia , Australian visa service

22/01/2025

มีคนส่งข้อความเข้ามาว่า "อยากขอวีซ่าท่องเที่ยว แนะนำหน่อย" พอเจอแบบนี้ พูดตรง ๆ ว่าแอดมินก็ตอบลำบาก แม้จะเจอมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เปิดเพจ และเจอบ่อยก็ตาม

อย่างแรก เราไม่รู้ว่าผู้ที่จะยื่นวีซ่าเป็นใคร คุณสมบัติหรือ profile เป็นอย่างไร การงานการเงินอย่างไร

ต่อมา วัตถุประสงค์การเดินทางคืออะไร เพราะไปด้วยวีซ่าท่องเที่ยว (visitor visa) ก็มีได้ทั้งไปเที่ยวอย่างเดียว และมีญาติ มีแฟน อยู่ที่นั่น

หรือถ้ามีงาน งานเป็นอย่างไร รายได้เท่าไหร่ มั่นคงแค่ไหน การเงินเป็นอย่างไร ใช้เงินตัวเองไปเที่ยว หรือว่ามีใครออกเงินให้ ถ้ามีคนออกเงินให้ ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร ฯลฯ

จริง ๆ แอดมินก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของใคร แต่ถ้าจะให้ตอบโดยไม่มีข้อมูลอะไรใดใดของผู้ที่จะยื่นวีซ่าเลย ไม่สามารถตอบได้จริง ๆ ครับ

ดังนั้น ถ้าอยากปรึกษาจริง ๆ เตรียมข้อมูลเบื้องต้นมานิดนึง แอดมินจะได้ประเมินและแนะนำอย่างตรงไปตรงมาครับผม

แอดมิน

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

14/01/2025

มีถามกันมาหลายคนเรื่องการขอต่อวีซ่า และการยื่นใบสมัครวีซ่าในขณะที่ยื่นวีซ่าประเภทอื่นแล้วแต่ผลยังไม่ออก

อันนี้อธิบายก่อนเลย ปกติออสเตรเลียจะไม่มีการต่ออายุวีซ่า ที่หมายถึงใช้วีซ่าตัวเดิม เลขอะไรต่าง ๆ เลขเดิม แต่อายุวีซ่าถูกขยาย

ตามหลักการแล้ว จะเรียกว่ายื่นใบสมัครใหม่ (Lodge new application) ทำใบสมัครใหม่ แนบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ใหม่ จ่ายค่าธรรมเนียมใหม่ แล้ววีซ่าที่ได้มาจะเป็นเลขใหม่ อะไรใหม่ทั้งหมด

สรุปง่าย ๆ วีซ่าเป็นคนละอันกับอันเดิม แม้จะเป็นประเภทเดียวกัน Subclass 600 ไป 600 หรือเปลี่ยนประเภทไปเลย เช่น จาก Subclass 100 หรือ 801 ไปเป็น RRV 155 อะไรแบบนี้

แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าจะเรียกง่าย ๆ ว่าต่อวีซ่า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อยากอธิบายให้เข้าใจในหลักการเฉย ๆ

ทีนี้ไอ้กระบวนการการขอวีซ่าใหม่ต่อจากของเดิม คำถามแรกเลยที่โดนถาม คือ ทำได้ตอนไหน? ต้องรอให้วีซ่าเดิมหมดก่อนหรือไม่? คำตอบตามหลักการเลยอีกเหมือนกัน คือ ไม่ได้ห้ามขอวีซ่าใหม่ก่อนอันเดิมหมด

ยกตัวอย่างเช่น ตัวแอดมินมี visitor visa - tourist stream อายุ 3 ปี ผ่านมาแค่ 1 ปี ดันต้องไปงานประชุมที่ออสเตรเลีย จึงต้องขอ visitor visa - business stream ให้ตรงกับวัตถุประสงค์การเดินทาง

หลังจากวีซ่าผ่าน วีซ่าตัวใหม่ก็จะออกทับวีซ่าตัวเดิมเรียบร้อย จบไป ไม่ต้องไปถามหาอายุวีซ่า 2 ปีที่เหลืออยู่ของตัวเก่า

แล้วเรายื่นพร้อมกัน 2 ใบสมัครได้หรือไม่? คำตอบก็คือได้นะครับ และคนก็ทำกันเยอะแยะ เช่น ลูกเราอยู่ระหว่างการรอวีซ่า subclass 101 อยู่ แต่มันรอนาน ปิดเทอมอยากไปเยี่ยมคุณแม่ ขอ subclass 600 เพื่อไปชั่วคราว มันก็ทำได้

แต่ละอันก็มี process การพิจารณาแยกกัน แต่เจ้าหน้าที่จะมีการดึงข้อมูลของอีกใบสมัครนึงมาประกอบการพิจารณาอีกอันนึงหรือไม่ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่

Process แบบคู่ขนานกันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ เลยนะ ทั้งการยื่นในและนอกออสเตรเลีย บางคนยื่นอุทธรณ์อยู่ในออสเตรเลีย ขอ Bridging visa B เพื่อออกมายื่นวีซ่าอีกประเภทนอกออสเตรเลีย ก็ทำได้

เพิ่มเติมให้อีกนิดนึง ทำไมโดนปฏิเสธวีซ่าในประเทศออสเตรเลีย ถึงยื่นขอวีซ่าอื่นในประเทศออสเตรเลียไม่ได้ (ยกเว้นบางกรณี) ไหนบอกยื่นกี่ใบสมัครก็ได้ไง

เหตุผลพื้นฐานเหตุผลนึง คือ มันเป็นการปิดช่องว่าง เพราะถ้าทำได้ บางคนโดนปฏิเสธวีซ่าในออสเตรเลียแล้ว แทนที่จะยื่นอุทธรณ์ (ตามหลักการ) แต่หัวหมอยื่นใบสมัครใหม่ไปเรื่อย ๆ ก็อยู่ต่อได้เรื่อย ๆ แบบนี้ เขาก็เลยอุดตรงนี้ซะ จบ ๆ ไป ไม่วุ่นวายเกิดใบสมัครใหม่ไม่รู้จบ

ความรู้สึกส่วนตัวของแอดมินที่ทำวีซ่ามาหลายประเทศ จริง ๆ กฎเกณฑ์วีซ่าของออสเตรเลียนี่ถือว่าค่อนข้างสมเหตุสมผลมากแล้วนะ

แต่หลายครั้งก็ยังมีบางคนที่ผิดพลาด จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่สุดท้ายอาจจะต้องยอมรับว่ามันแก้ไม่ได้จริง ๆ

ดังนั้นใครจะยื่นจะทำอะไรกับวีซ่า จะต่อ จะยื่นใหม่ จะยื่นประเภทไหน จะยื่นกี่ใบสมัคร ควรวางแผนดูกฎดูเกณฑ์ให้ดี อย่าให้พลาดครับ แนะนำกันตามตรง

#วีซ่าออสเตรเลีย

ป.ล. กฎเกณฑ์วีซ่าออสเตรเลีย ส่วนตัวเราว่าดีนะ แต่สุดท้ายหลายอย่างก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ผู้พิจารณาใช้กฎเกณฑ์เหล่านั้นด้วยอยู่ดีนั่นแหละ

Send a message to learn more

07/01/2025

คำถามจากทางบ้าน (เพื่อนแอดมินถามมาเอง) - ขอวีซ่าท่องเที่ยวไว้ก่อน ยังไม่มีกำหนดเดินทางได้หรือไม่? เวลาอยากจะไปเมื่อไหร่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขอ

แอดมินขอตอบแบบนี้ครับ ตามกฎการขอวีซ่าท่องเที่ยวแทบทุกประเทศทั่วโลกที่แอดมินเคยเห็นมา จะขอไปเที่ยว ต้องมีกำหนดการเดินทางว่าจะไปวันไหน กลับวันไหน เพราะเป็นข้อมูลที่ต้องถูกบันทึกไว้ในระบบ

ลองนึกภาพเจ้าหน้าที่จะบันทึกข้อมูลของผู้สมัครวีซ่าไปเที่ยวออสเตรเลีย แต่ผู้สมัครไม่ใส่วันเดินทางมา เจ้าหน้าที่จะบันทึกอย่างไร ดังนั้น มันต้องมี ยิ่งสมัยนี้ขอออนไลน์ ระบบบังคับให้ใส่อยู่แล้ว

แล้วถ้าใช้วีธีใส่วันหลอก ๆ เพื่อขอวีซ่าไว้ก่อนทำได้ไหม คำตอบก็คือทำได้ แล้วก็มีคนทำ เพื่อนแอดมินเองนี่แหละ ตอนนั้นจะลาออกจากงาน กลัวว่าหากไม่ได้ทำงานประจำแล้ว จะขอวีซ่าไม่ผ่าน เลยรีบไปขอวีซ่าอเมริกาไว้ก่อน (วีซ่าอเมริกาส่วนใหญ่ได้ 10 ปี)

เพื่อนก็ใช้วิธีการกำหนดวันเดินทางหลอก ๆ ไป แล้ววีซ่าก็ผ่าน แต่ไม่ได้เดินทางตามกำหนด กว่าจะได้ไปก็หลังจากนั้นเกือบ 10 ปี ตอนบินไปถึง เจ้าหน้าที่ที่ด่าน ตม. ก็ถามนิดหน่อยว่ามาครั้งแรกใช่ไหม แล้วก็เข้าได้ตามปกติ แต่เรียกได้ว่าเกือบเสียเงินเปล่า ไม่ได้ใช้วีซ่า

ทีนี้ถามว่ามันจำเป็นไหมที่ต้องมีวีซ่าไว้ก่อน อยากเดินทางเมื่อไหรก็ไปได้เลย คำตอบสำหรับตัวแอดมินเองคือไม่จำเป็น จะไปเมื่อไหร่ค่อยขอก็ได้ เท่าที่ทำวีซ่ามาพันพันเคส เจอเคสกรณีเร่งด่วนจริง ๆ ไม่ถึง 10 เคส โดยเฉพาะกรณีไปเที่ยวเฉย ๆ นี่ไม่เคยเจอเลย (ซื้อตั๋วเครื่องบิน จองที่พักไว้แล้ว ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วน)

อันนี้ไม่นับกรณีที่ไม่วางแผนการเดินทาง ใกล้เดินทางแล้วถึงขอวีซ่า แล้วมาอยากได้วีซ่าแบบด่วน ๆ อยากจะจ่ายเงินเพิ่มอะไรแบบนี้ อันนี้บางประเทศมีให้จ่ายเพิ่ม (เงินซื้อความสะดวกได้) แต่บางประเทศอย่างเช่นออสเตรเลียก็ไม่มีให้เร่ง ทุกคนเท่ากัน ตามคิวเหมือนกัน

ส่วนบางคนที่เขามีญาติพี่น้อง มีสามีมีภรรยา มีลูก อยู่ที่ออสเตรเลีย เขาอยากมีวีซ่าไว้ก่อน เผื่อเหตุฉุกเฉิน จะได้บินได้เลย ซึ่งอันนี้เข้าใจได้ แต่ส่วนใหญ่เท่าที่เจอมา คนกลุ่มนี้จะมีวีซ่าอยู่แล้ว เพราะเขามีกำหนดการเดินทางเรื่อย ๆ

กรณีแบบนี้ไม่ใช่การขอไว้เผื่อ แต่เป็นประมาณว่าขอครั้งนี้ เดินทางตามกำหนดจริง แต่วีซ่าที่ได้มา มันเผื่อครั้งต่อ ๆ ไปได้ด้วย เผื่อกรณีฉุกเฉินได้ด้วย หรือใครจะเดินทางบ่อยจริง ๆ จะลงทุนขอแบบ frequent traveller ได้ 10 ปีไปเลยก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนและความจำเป็นของแต่ละคน

กลับมาที่เพื่อนแอดมินคนที่ถามเข้ามา แอดมินก็บอกไปตามตรง ถ้าจะไปเที่ยว ไม่ต้องขอเผื่อหรอก เราจำเป็นต้องสบายขนาดจะไปเที่ยวไหนไม่ต้องวางแผน อยากไปก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปได้ทันทีขนาดนั้นเลยเหรอ จะไปทีนึง วางแผนหน่อยก็ได้

แต่ถ้ารวย ไม่เสียดายเงิน จะขอวีซ่าไว้ก่อนนาน ๆ มันก็ได้นั่นแหละ ไม่ได้ห้าม มันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แค่แนะนำไปตามจริง ตามประสบการณ์ครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

18/12/2024

มีคนถามเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่ขออธิบายอีกที

- ทำงาน 2 jobs รับเงิน 2 ทาง ยื่นว่าทำงานที่ไหนดี?
- มีบัญชีหลายบัญชี ยื่นบัญชีไหนดี?

ถ้าโดยทั่วไป (ตอบแบบไม่เห็นเอกสาร) ก็ต้องตอบว่า ในใบสมัครก็กรอกงานหลักที่มั่นคงกว่า เงินเดือนเยอะกว่า อะไรไป แล้วก็แนบเอกสารอีกงานนึงไปด้วย ถ้ากลัวเจ้าหน้าที่งง อาจจะเขียนอธิบายเพิ่มไปเป็นจดหมายแยก

แต่จดหมายอธิบายนี่ไม่ได้จำเป็นทุกเคสนะ บางเคสเอกสารมันชัดเจนดูง่าย ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มันเยอะแยะวุ่นวาย

ส่วนเรื่องบัญชี ยื่นได้ทุกบัญชี ไม่มีกฎบอกว่ายื่นได้บัญชีเดียว ไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่รู้ว่าเรารวย อย่างบางคนแยกบัญชีเงินเดือน บัญชีเงินเก็บ พอเงินเดือนเข้าก็เหลือเงินไว้พอใช้ ที่เหลือย้ายไปบัญชีเงินเก็บ

แบบนี้ถ้ายื่นบัญชีใดบัญชีหนึ่งไปอันเดียว เจ้าหน้าที่อาจจะไม่เข้าใจสถานะการเงินของเราทั้งหมด ก็อาจจะปฏิเสธวีซ่าของเราได้ จึงควรยื่นไปทั้ง 2 บัญชี หรือถ้าใครมีมากกว่า 2 ก็ยื่นได้ และก็เหมือนกันคือ ถ้าเรากลัวว่าเจ้าหน้าที่ดูแล้วจะงง เราก็เขียนอธิบายไปเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ถึงเราทำงาน 2 ที่ มีบัญชีหลายบัญชี ก็ไม่ได้หมายความว่ายื่นไปทั้งหมดแล้ววีซ่าจะผ่าน สมมุติทำงานที่นึงเงินเดือน 9,000 ทำอีกที่นึงรับเงินสดอีก 5,000 บัญชีมีหลายบัญชี แต่มีเงินหลักร้อยหลักพันทุกบัญชี กรณีเจ้าหน้าที่ก็คงจะพิจารณาว่าเราไม่น่าจะไปเที่ยวออสเตรเลียจริงตามที่แจ้ง และปฏิเสธวีซ่าเรามา

ดังนั้น ก็จะยื่น เราควรประเมินตัวเองอย่างละเอียด เพราะยื่นไปแล้วไม่ผ่าน มันมีแต่เสียครับ ว่ากันตามตรง

#วีซ่าออสเตรเลีย

09/12/2024

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับข้อความ 10+ ข้อความ ถามเรื่อง Visitor visa (subclass 600) Frequent traveller stream

อะไรทำให้คนสนใจวีซ่าตัวนี้? คำตอบคืออายุของวีซ่ามันได้ 10 ปี (อยุ่ได้ครั้งละไม่เกิน 3 เดือน) พูดง่าย ๆ ทำครั้งเดียว ใช้ไปได้เลย 10 ปี ไม่ต้องเสียเวลาทำใหม่บ่อย ๆ และวีซ่าตัวนี้เป็น business visitor ด้วย คือสามารถเข้าไปประชุม ไปร่วมงานอะไรที่เกี่ยวของกับธุรกิจได้เลย (แต่ห้ามทำงานรับเงินรับค่าจ้างอะไรใด ๆ ในออสเตรเลีย)

วีซ่าตัวนี้ จากประสบการณ์ที่ทำวีซ่ามา ส่วนตัว ย้ำนะครับว่าส่วนตัว ผมคิดว่าวีซ่าตัวนี้เหมาะกับคนแค่บางคนเท่านั้น ไม่ได้เหมาะกับทุกคน อย่างเช่นตัวผมเอง ผมไม่น่าจะเหมาะกับวีซ่าตัวนี้ พูดง่าย ๆ ผมคิดว่าต่อให้คุณสมบัติของผมผ่านเกณฑ์ที่จะได้วีซ่า ตัวนี้ ผมก็ไม่สมัครครับ (เดี๋ยวจะอธิบายว่าทำไมถึงไม่เหมาะ)

ค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวนี้คือ AUD 1435 ซึ่งถ้าบวก credit card surcharge ไปก็จะเป็น 1,455.09 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ 31,800 บาท สำหรับผมคือแพงมาก แพงกว่าอเมริกาที่ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 6,660 บาท (ส่วนใหญ่ได้ 10 ปี) แต่ก็ยังถูกกว่าอังกฤษ 10 ปีอยู่ อันนั้น 4 หมื่นกว่า

แล้วทำไมผมถึงคิดว่าไม่เหมาะกับผม? อย่างแรก ค่าธรรมเนียมแพงเกินไปสำหรับผม จริงอยู่ว่ามันได้ 10 ปี แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าแค่วีซ่าท่องเที่ยว แพงอะไรขนาดนั้น แล้วต้องไปบ่อยขนาดไหนถึงจะคุ้ม ขนาด 2 ปีที่ผ่านมาผมไปออสเตรเลียมา 5 ครั้ง ผมก็ยังรู้สึกว่าวีซ่าตัวนี้ไม่ได้จำเป็นสำหรับผมเท่าไหร่ จะไปค่อยขอวีซ่าท่องเที่ยวปกติน่าจะถูกกว่า

เหตุผลส่วนตัวข้อที่สอง ผมไม่ได้เดือดร้อนกับการทำวีซ่าใหม่ถ้าผมจำเป็นต้องเดินทาง ในฐานะคนที่วางแผนเรื่องวีซ่าให้คนอื่น ผมก็วางแผนวีซ่าให้ตัวเองด้วยเช่นกัน ครั้งล่าสุดผมขอวีซ่าท่องเที่ยวได้มา 3 ปี จะหมดกลางปีหน้า หลังจากหมดแล้ว หากผมจะเดินทางอีกครั้ง ตอนนั้นผมค่อยขอใหม่ เพราะบางทีผมอาจจะไม่ได้ไปอีกเป็นปีก็ได้ ช่วงเวลาแบบนั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่าไว้ก่อน ไม่ต้องปล่อยให้อายุวีซ่ามันหมดไปเฉย ๆ

ข้อที่สาม อันนี้ก็ยิ่งส่วนตัวมาก ๆ คือ ผมมี APEC Business Travel Card อยู่แล้ว ซึ่งบัตรเอเปคมีอายุ 5 ปี ในนั้นมีวีซ่า business visitor ของ Australia ค่าธรรมเนียมการสมัคร 8,500 บาท และนอกจากนี้ใบบัตรเอเปคยังมีวีซ่าประเภทธุรกิจของประเทศอื่น ๆ อีก 18 ประเทศรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ผมก็เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องสมัครวีซ่า 10 ปีตัวนี้ (โชคดีที่มีทางเลือกที่ถูกกว่า)

แถมอีกนิดนึง อย่างคุณแม่ผม ผู้ที่เดินทางไปออสเตรเลียทุกปี อาจจะปีละ 2 รอบด้วย ผมก็คงไม่สมัครวีซ่าตัวนี้ให้เช่นกัน เพราะทุกวันนี้แม่ผมใช้วีซ่า Longer stay อยู่แล้ว วีซ่ามีอายุ 3 ปี อยู่ได้ยาวครั้งละ 1 ปี (ปกติ แม่ผมอยู่ไม่ถึงหรอก อยู่ที่ออสเตรเลียไม่กี่เดือนก็อยากกลับแล้ว) ซึ่งผมคำนวนยังไง วีซ่าแบบที่แม่ใช้อยู่ตอนนี้ ก็เหมาะสมกับแม่มากกว่า และที่สำคัญถูกกว่า (สบายลูกหน่อย เพราะลูกเป็นคนจ่าย)

อย่างที่ผมบอกว่า เหตุผลของผมเป็นเหตุผลส่วนตัว ดังนั้น ผมเองก็เข้าใจว่ามีบางคนที่เหมาะกับวีซ่าตัวนี้ หรือบางคนที่อาจจะอยากอุ่นใจไว้ก่อน มีวีซ่าไว้จะเดินทางเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งลูกค้าของผมหลายคนก็ทักเข้ามาสอบถาม มาคุย ๆ เอาไว้แล้วว่าอยากสมัคร ก็ไว้คราวหน้าจะมาอธิบายอีกที ว่าในมุมมองของผม ใครที่เหมาะกับวีซ่า 10 ปีตัวนี้ครับ

บางคนโทรมาคุย พอฟังผมอธิบายแล้ว ก็บอกว่างั้นรอบนี้สมัครแบบเดิมอีกครั้งนึง คราวหน้าถ้ายังอยากได้ 10 ปีก็ค่อยว่ากัน วีซ่าออกมาแล้ว มันไม่ยกเลิกเร็ว ๆ นี้หรอก ดังนั้น ไม่ต้องรีบ ใครรีบให้เขาสมัครไปก่อนเลยครับ แนะนำกันตรง ๆ

#วีซ่าออสเตรเลีย

04/12/2024

มีเคสวีซ่าติดตาม Child visa (Subclass 101) เคสนึงที่ผมยื่นใบสมัครให้น้องคนนี้ตอนน้องอายุ 24 ปี 6 เดือน วีซ่าอนุมัติตอนน้องอายุ 26 ปี 4 เดือน

เท่ากับรวมระยะเวลาที่ใช้พิจารณาวีซ่า 1 ปี กับอีก 10 เดือน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเคสที่ต้องลุ้นกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าจะอนุมัติวีซ่าให้น้องทันก่อนน้องจะเรียนจบอย่างสมบูรณ์หรือไม่ เพราะตามกฎแล้ว วีซ่าจะต้องอนุมัติขณะที่น้องยังคงสถานะเรียน full-time อยู่

เคสของน้อง น้องเคยหยุดเรียนช่วงก่อนที่จะอายุ 18 แล้วก็กลับมาเรียนต่อเนื่อง และน้องเรียนแพทย์ ซึ่งใช้เวลาเรียน 6 ปี ทำให้น้องยังอยู่ในเงื่อนไขทุกประการ น้องเป็นเด็กดีมีคุณภาพ เป็นเคสนึงที่ผมอยากให้น้องได้ PR มาก ๆ และวันที่ได้วีซ่า ผมก็ดีใจกับน้องและคุณแม่มากจริง ๆ

ในฐานะคนทำวีซ่า ผมไม่ชอบเลยที่วีซ่าลูกติดตามแม่ (หรือพ่อ แต่ในที่นี้จะขอพูดถึงแม่เป็นหลัก) มี processing time หรือระยะเวลาการพิจารณาที่นานเป็นปี บางเคสลากยาวไป 2 ปีก็มี (เมื่อก่อนเร็วกว่านี้) ทั้งที่ความสัมพันธ์แทบจะไม่ต้องพิสูจน์อะไร ก็คือมีความเป็นแม่ลูกกันอยู่แล้ว

หรืออย่างบางเคสเป็นเด็กอายุน้อยมาก ๆ แบบเรียนอนุบาล เรียนประถม ฝั่งแม่ส่งเงินให้ทุกเดือนผ่านทางญาติ (เช่น ยาย) กรณีแบบนี้เราก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทำไมต้องใช้เวลานานมาก ถ้าทาง department จะอ้างว่าจำนวนเจ้าหน้าที่น้อย พิจารณาไม่ทัน ก็ควรเพิ่มเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ได้แล้ว ทำไมต้องปล่อยให้แม่ลูกเขาที่อยากจะได้อยู่ด้วยกันต้องรอนานขนาดนั้น

ความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ วีซ่าลูกติดตามแม่นั้นควรจะถูกปรับปรุงกระบวนการพิจารณาให้เร็วกว่านี้ และทาง department ควรให้ความสำคัญกับวีซ่านี้มากกว่าที่ผ่านมา รวมถึงควรจะพัฒนาเป็น online application ได้แล้ว (ปัจจุบันเป็น paper based)

ชีวิตของเด็กคนนึงไม่ได้มีแค่เรื่องวีซ่า มันยังมีเรื่องเรียนเรื่องอะไรอีกมากมาย เรื่องเรียนที่เป็นอนาคตอีกยาวนานของเด็กคนนึง หรือเรื่องความเป็นอยู่ ที่แม่คนนึงอยากให้ลูกมาอยู่ด้วย ดังนั้นยิ่งพิจารณาช้าเท่าไหร่ แม่กับเด็กก็จะยิ่งจัดการชีวิตได้ยากขึ้น ตรงนี้ผมอยากให้เจ้าหน้าที่ที่พิจารณาวีซ่า subclass เหล่านี้ ช่วยเห็นใจสปอนเซอร์ (แม่) และผู้สมัคร (เด็ก) ให้มาก ๆ ครับ

แต่ก็นั่นแหละ พูดไปก็คงไม่ถึงหูเจ้าหน้าที่หรอก เราก็คงได้แค่ทำหน้าที่ของเราต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่และคุณพ่อทุกท่าน ที่อยากจะมอบสิ่งนี้ให้กับลูกนะครับ

จากใจแอดมินและทีมงาน

#วีซ่าออสเตรเลีย #วีซ่าติดตามแม่

ป.ล. ผมโพสต์เกี่ยวกับวีซ่าเด็กไว้พอสมควรนะครับ เพราะบอกตามตรงว่าเป็นวีซ่าที่ผมให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ

ป.ล.2 แต่ผู้ที่จะยื่นให้ลูก หรือลูกที่โตแล้วอยากยื่นติดตามแม่ จะต้องประเมินตัวเองก่อนนะครับว่าผ่านเงื่อนไขหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องอายุ และเรื่องการเรียน ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ ก็ไม่ต้องถามต่อหรอกครับว่า “ทำอย่างไรได้บ้าง?” เพราะตอบตรง ๆ เลยว่า “ทำไม่ได้ครับ” (ถ้าอายุเกิน อาจจะมียกเว้นแค่พิการดูแลตัวเองไม่ได้ แต่อย่าให้เป็นกรณีนั้นเลยครับ)

Send a message to learn more

25/11/2024

คำถาม - ตอนนี้อยู่บริดจิ้งเอจากวีซ่าลี้ภัย (Protection Visa - Subclass 866) อยากขอบริดจิ้งบีเพื่อกลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทยได้ไหม?

คำตอบ - ไม่ได้ครับ

เราเข้าใจนะว่าคนถามก็คงไม่รู้ แต่เรื่องนี้ใช้หลัก common sense ง่าย ๆ ในการพิจารณาเลย คุณขอลี้ภัย เพราะคุณมีภัยไม่สามารถกลับประเทศต้นทางได้ ถ้าคุณกลับประเทศได้ ก็แสดงว่าคุณไม่มีภัย

แต่ก็นั่นแหละครับ มันไม่ได้มีภัยอะไรอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ควรยื่นตั้งแต่แรกครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

13/11/2024

นานมาแล้ว มีคนปรึกษาเข้ามาว่า "พี่คะ เจอกับแฟนที่บาร์ หนูทำงานที่นั่น เจอกันแล้วหลังจากนั้นคบหากันมาปีกว่า แฟนมาหาหลายครั้ง ตอนนี้แฟนอยากให้ไปเยี่ยม แต่ขอวีซ่าไม่ผ่าน เกี่ยวมั้ยคะที่วีซ่าไม่ผ่านเพราะหนูทำงานบาร์?"

คำตอบ จะให้บอกว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ได้ เพราะอาชีพมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าอยู่แล้ว แต่สำหรับเคสนี้ ส่วนตัวผมมองว่าไม่เกี่ยว เพราะผู้สมัครต้องการไปเยี่ยมแฟนที่ออสเตรเลีย ถ้าความสัมพันธ์ชัดเจน ก็สามารถสปอนเซอร์กันได้ ย้ำว่าถ้าความสัมพันธ์ชัดเจนและมีน้ำหนักพอนะครับ

และจากประสบการณ์ที่ทำวีซ่ามา ลูกค้าของผมที่ทำอาชีพเป็นพนักงานบาร์ เป็นพนักงานโรงแรม พนักงานนวด ฯลฯ แล้วมีแฟนเป็นคนออสเตรเลีย เวลาทำวีซ่าท่องเที่ยวไปเยี่ยมแฟน ไม่เคยมีใครไปแล้วโดดวีซ่า ไปแล้วไม่กลับไทยอะไรแบบนี้เลย

ทุกคนแค่ไปอยู่กับแฟน ไปทดลองใช้ชีวิต ไปดูบ้านแฟน เจอสังคมของเขา แล้วก็กลับมา ไม่ได้กะจะไปหนี ไปแอบทำงานอะไร เพราะรู้ว่าถ้าจะไปอยู่จริง ๆ ในอนาคตก็สามารถทำวีซ่าพาร์ทเนอร์ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำผิดกฎวีซ่าท่องเที่ยว

พูดจากใจจริงนะ น้องสาวบาร์นั้นรักษากฎวีซ่ายิ่งกว่าคนทำงานดี ๆ หลายคนเสียอีก

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

12/11/2024

เคสวีซ่าพาร์ทเนอร์บางเคสมันก็ซับซ้อนมาก

เรื่องสมมุติ - ตัวผู้สมัครเองเคยอยู่ออสเตรเลีย เคยทำผิดกฎวีซ่า เคยมีแฟนเก่าคนไทย เคยมีแฟนเก่าคนออสเตรเลียจนทำเรื่องกับคนเก่าไปแล้วแต่สุดท้ายเลิกกันก่อนได้วีซ่า จนมาคบแฟนใหม่ช่วงแรกก็เป็นการคบซ้อนด้วย

ส่วนตัวสปอนเซอร์เองก็มีประวัติไม่น้อย ทั้งการโอเวอร์สเตย์ แต่สุดท้ายแต่งงานกับคนออสเตรเลียจนได้พีอาร์มาจากวีซ่าพาร์ทเนอร์ จากนั้นเลิกกัน (เกิน 5 ปี) จึงมาคบหากันแฟนปัจจุบัน คนที่จะสปอนเซอร์วีซ่าพาร์ทเนอร์กันนี่แหละ

เรียกว่าขาดแค่เรื่องปัญหาสุขภาพ (ที่มีผลต่อการพิจารณาวีซ่า) กับปัญหาเรื่องคดีความ (อาญา) อีกสองอย่างก็จะครบถ้วนครบกระบวนความยากเลย

เคสอะไรแบบนี้ ซับซ้อนแบบนี้ เราไม่แนะนำให้ยื่นเองนะครับ ใช้เอเจ้นท์เถอะ และไม่จำเป็นต้องใช้บริการเราหรือเชื่ออะไรเราก็ได้ เดี๋ยวจะมองว่าเราแนะนำเพราะเราได้ประโยชน์ เราแค่อยากแนะนำแบบตรง ๆ

คนไม่เชื่อเราสุดท้ายทำเองผ่านก็มี แต่ที่ทำแล้วไม่ผ่าน หรือเจอปัญหาจนสุดท้ายแก้ไม่ได้ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

ยังไงคนที่ตัดสินใจคือคนยื่นอยู่แล้ว

#วีซ่าออสเตรเลีย

22/10/2024

สมัยก่อน การแชร์ข้อมูลระหว่างองค์กรเป็นเรื่องลำบาก ใครโดนปฏิเสธวีซ่าประเทศอื่นมา พอมายื่นวีซ่าออสเตรเลีย เนียน ๆ เสี่ยงตอบว่าไม่เคยโดนปฏิเสธ ทางออสเตรเลียก็อาจจะไม่รู้นะครับ

แต่ปัจจุบัน ในยุคที่ข้อมูลหลาย Terabyte สามารถบรรจุอยู่ใน Thumb drive อันเท่านิ้วโป้งได้ ขอบอกตรง ๆ ว่าใครเสี่ยงโกหก ให้ข้อมูลเท็จ มีโอกาสถูกจับโป๊ะสูงมากนะ และเมื่อโดนจับได้ มันก็มีโทษตามมา

เตือนกันจากใจ / บอสแอดมิน

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

17/10/2024

ช่วงนี้มีคนยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว แล้ววีซ่าออกไม่ทันวันเดินทางกันเยอะเลย

ดังนั้นอย่าประมาทกันนะครับ วางแผนล่วงหน้า ยื่นกันล่วงหน้าหน่อย จะได้ไม่ต้องลุ้นว่าจะทันไม่ทัน

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

14/10/2024

ยื่น Subclass 300 แล้วเข้าไปจดทะเบียนในออสเตรเลีย

ยื่น Subclass 309/100 แล้วรอที่ไทย แต่ระหว่างรอก็ไป ๆ กลับ ๆ ออสเตรเลียด้วย Visitor visa (Sibclass 600) ได้

ยื่น Visitor visa เข้าไปในออสเตรเลีย แล้วค่อยยื่น Partner onshore (Subclass 820/801) แล้วรอทีออสเตรเลียเลย

แบบไหนดีกว่ากัน?

คำตอบคือ แล้วแต่การวางแผนของแต่ละคนเลยครับ

บางคนความสัมพันธ์ค่อนข้างสั้น ยังไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะยื่น Partner visa แต่ก็อยากเริ่มกระบวนการแล้ว ก็ต้องให้แฟนไปยื่นขอแต่งงาน แล้วเอา Notice of Intended Marriage (NOIM) มายื่นขอ Subclass 300

หรือบางคนยังไม่อยากไปรอวีซ่าที่ออสเตรเลีย อาจจะมีภาระความรับผิดชอบที่ไทย ก็ยื่น 309/100

บางคนอาจจะพร้อมไปรอวีซ่าที่ออสเตรเลียเป็นหลัก ก็อยากไปยื่น 820/801

แต่ละคนก็มีข้อจำกัด หรือมีความสะดวกที่ไม่เหมือนกัน

ดังนั้น ทั้งหมดนี้มันไม่มีอะไรผิดอะไรถูก หรืออันไหนดีที่สุดครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

10/10/2024

คำถาม - เข้าร่วมงานประชุม 1 วัน ที่เหลืออีก 8 วันมีแต่โปรแกรมท่องเที่ยว ขอเป็น tourist visitor หรือ business visitor?

คำตอบ - ต้องขอเป็น business visitor stream นะครับ ถ้ามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานแม้เพียงแค่ชั่วโมงเดียว ตามกฎก็ต้องขอ business visitor ครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

Send a message to learn more

การขอวีซ่าท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศออสเตรเลีย (Visitor Onshore) สามารถทำได้นะครับ แต่ก็ต้องอธิบายเหตุผลที่ขออยู่ต่อให้ดี...
10/10/2024

การขอวีซ่าท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศออสเตรเลีย (Visitor Onshore) สามารถทำได้นะครับ แต่ก็ต้องอธิบายเหตุผลที่ขออยู่ต่อให้ดี

อย่างเช่น บางคนปกติก็เป็น Housewife อยู่แล้ว สามีส่งเสียเลี้ยงดู ระบุไปตั้งแต่แรกที่ขอวีซ่ามาเยี่ยมสามี อยู่ไปอยู่มาครบ 3 เดือน แต่ต้องการอยู่ต่อกับสามี ก็ยื่นเป็น Subclass 600 Onshore ไป ค่าธรรมเนียม AUD 490 + credit card surcharge และต้องตรวจสุขภาพอะไรก็ว่ากันไป

ผลวีซ่าส่วนใหญ่ก็ผ่านนะครับ แต่จะทำงานไม่ได้ ตามเงื่อนไขของวีซ่าท่องเที่ยวนั่นแหละ ซึ่งเราเป็น Housewife ไง เราก็ไม่ควรต้องกังวลเรื่องนี้ (ถ้าต้องการอยู่ต่อทำงาน ก็ไม่ควรยื่น Visitor Visa ตั้งแต่แรก)

ส่วนกรณีที่ตอนยื่นวีซ่ามาจากเมืองไทย มีงานมีการทำ ยื่นขอมาเที่ยว 10 วัน อยู่ไปอยู่มากลายเป็นจะ 90 วัน (ไม่รู้ไปท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง) อยากจะยื่น Visitor Onshore อยากขออยู่เที่ยวต่อ อันนี้ไม่แนะนำนะครับ ไม่แนะนำเลย

ถ้ายังอยากจะยื่น ต้องถามว่าจะกรอกอาชีพอะไร บางคนอาจจะแจ้งว่าทำธุรกิจ บอกว่ามีคนดูแลให้ ไม่ต้องกลับไทย สามารถอยู่ออสเตรเลียต่อได้ สำหรับเรามันก็ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเพราะอยู่มาจะ 3 เดือนแล้วนะ แล้วจะกรอกเหตุผลที่ขออยู่ต่อว่าอะไรอีก อยู่มาตั้ง 3 เดือนแล้ว (ย้ำอีกที)

เวลามีคนติดต่อมาให้เรายื่น Visitor Onshore ให้ มันก็ต้องประเมินก่อนนะ ไม่ใช่จะยื่นได้ทุกเคส แต่บางเคสแบบอยู่ต่ออีกหน่อยก็จะพอยื่น Partner ได้แล้ว เขาก็ไม่อยากไป ๆ กลับ ๆ คำนวนค่าเดินทางกับค่าวีซ่าแล้วยื่นขออยู่ต่อดีกว่า แบบนี้ก็เข้าใจได้ครับ

ของแบบนี้มันอยู่ที่การวางแผน อยู่ที่เราเข้าเงื่อนไขรึเปล่า แต่ถ้าให้แนะนำตรง ๆ อันไหนไม่ไหวอย่าฝืนเลย ฝืนไปแล้วผลออกมาไม่ดี อนาคตจะลำบาก ฝากไว้เท่านี้ครับ

#วีซ่าออสเตรเลีย

ป.ล. ภาพประกอบ Bondi Beach (ถ่ายเอง) ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโพสต์ แค่แอดมินอยากไป ^^

08/10/2024

วีซ่าท่องเที่ยว (Subclass 600) ยื่นล่วงหน้าซัก 1-3 เดือนก็พอนะครับ ไม่ต้องยื่นล่วงหน้าแบบ 6-7 เดือน มันไม่มีประโยชน์ เคยเขียนอธิบายกันไปแล้ว

คนที่เดินทางไปออสเตรเลียบ่อย มั่นใจวีซ่าไม่มีปัญหา ยื่นล่วงหน้า 1 เดือน ปกติก็ทันนะครับ ส่วนใหญ่ก็รอประมาณ 7-21 วัน บางเคสได้ auto-grant ก็รอแป๊บเดียว บางเคสเจ้าหน้าที่ดูเอกสารเยอะ ก็รอนานหน่อย

บางคนไม่ค่อยมั่นใจ อยากยื่นล่วงหน้านานหน่อย ก็ประมาณซัก 3 เดือนก่อนเดินทางกำลังดีนะครับ เผื่อวีซ่าอนุมัติมาเป็นแบบ single entry - must not arrive after 3 เดือนนับจากวันอนุมัติ ก็จะยังครอบคลุมการเดินทางของเรา

ดังนั้น จะยื่นตอนไหนมันก็ขึ้นอยู่กับการวางแผนของแต่ละคนครับ ไม่มีกฎตายตัว

#วีซ่าออสเตรเลีย

ป.ล. แต่ช่วงนี้ คนเริ่มวางแผนไปเที่ยวช่วงคริสมาสต์ เที่ยวช่วงปลายปีกัน จำนวนใบสมัครอาจจะเยอะหน่อย ก็ยื่นล่วงหน้ากว่าเดิมได้นิดนึง

Send a message to learn more

04/10/2024

วีซ่าที่เราแนะนำให้ทำแทบทุกคนที่ปรึกษาเข้ามาคือ Child Visa หรือ วีซ่าลูกติดตามแม่หรือพ่อ

ส่วนตัวเรามองว่ามันเป็นประโยชน์ต่อเด็กที่เป็นลูก เป็นอะไรที่ดีที่สุดที่พ่อหรือแม่ที่เป็น PR หรือ Citizen จะทำให้ลูกได้ (TR ก็ทำ Subclass 445)

ค่าธรรมเนียมก็ถือว่าถูกมากถ้าเทียบกับ PR ประเภทอื่น ๆ จะเสียก็ตรงเป็น paper based application และรอนานมาก ๆ

แต่โดยรวมแล้วเราแทบจะเชียร์ให้ทุกเคสที่ผ่านเงื่อนไขวีซ่า ทำวีซ่าตัวนี้ เพราะเรามองว่ามันเป็นประโยชน์ต่อเด็กจริง ๆ

แนะนำตรง ๆ จากใจแอดมิน

#วีซ่าออสเตรเลีย

อีกนึ่งสถานที่ที่ชอบไปตอนอยู่ซิดนีย์ - State Library of New South Wales #วีซ่าออสเตรเลีย ป.ล. ช่วงนี้คิดถึงออสเตรเลีย ก็...
03/10/2024

อีกนึ่งสถานที่ที่ชอบไปตอนอยู่ซิดนีย์ - State Library of New South Wales

#วีซ่าออสเตรเลีย

ป.ล. ช่วงนี้คิดถึงออสเตรเลีย ก็ดูรูปเก่า ๆ วนไป

นั่งคิดไปคิดมา แอดมินคงไม่ได้ไปออสเตรเลียอีกซักพักใหญ่เลยวีซ่าหมด ❌️❌️❌️ (เหลืออีกยาว)เงินหมด ✅️✅️✅️ #วีซ่าออสเตรเลีย
02/10/2024

นั่งคิดไปคิดมา แอดมินคงไม่ได้ไปออสเตรเลียอีกซักพักใหญ่เลย

วีซ่าหมด ❌️❌️❌️ (เหลืออีกยาว)
เงินหมด ✅️✅️✅️

#วีซ่าออสเตรเลีย

ที่อยู่

96 Krungthonburi, Banglamphulang, Khlong San
Bangkok
10600

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้

เพจ “Visa.Au.Help วีซ่าออสเตรเลีย เราช่วยได้” เป็นเพจเกี่ยวกับวีซ่าออสเตรเลีย โดยนำเสนอข้อมูล ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจ หรือกำลังจะยื่นขอวีซ่า ซึ่งจริงๆแล้วเพจนี้มีมานานแล้วนะครับ ตั้งแต่ 22 October 2015 หรือประมาณ 3 ปีก่อน

แต่อยู่ดีๆ วันนึงในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ เพจ Visa.Au.Help เดิม ถูก temporary suspended หรือภาษาง่ายๆก็คือ แบนชั่วคราว จากเฟซบุ๊ค ด้วยเหตุผลที่ผมเองก็ไม่ทราบ เพราะเข้าใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมได้ทำถูกต้องตามกฎทุกอย่าง จากวันที่เปิดวันแรกที่มี 0 like จนถึงวันที่ถูกปิดชั่วคราว เพจมีคนไลค์คนติดตามประมาณ 17,000 คน มีคนรีวิว 79 คน และให้ 5 ดาวเต็มถึง 77 คน

ตอนนั้นผมพยายามติดต่อกับทางเฟซบุ๊คหลายครั้ง เพื่อสอบถามเหตุผลที่มาแบนเพจของผม แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน เฟซบุ๊คตอบเพียงว่าเพจทำผิด policy ซึ่งตัวผมเองก็พยายามย้อนกลับไปดูทุกโพสต์ ว่าเราแชร์อะไรผิดลิขสิทธิ์มั้ย หรือว่าเราโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมไปรึเปล่า แต่ก็หาไม่เจอจริงๆ เพราะทุกโพสต์ที่ทำขึ้นมา ผมทำด้วยตัวผมเอง

จนผมต้องลองไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านเฟซบุ๊ค คำตอบที่ได้ คือ ช่วงต้นปี 2018 เฟซบุ๊คมีการปรับระบบหลายอย่าง จนเฟซบุ๊ครวน และเกิดการแบนเพจต่างๆ โดยไม่มีแจ้งเตือนก่อน ซึ่งนอกจากผมแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ได้รับผลกระทบนี้ ถึงรู้แบบนั้น ผมก็ยังไม่ยอมแพ้พยายามต่อสู้เพื่อเอาเพจกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ แล้ววันนึงเพจก็หายไปอย่างถาวร