Feng Shui Wisdom 91 Thailand

Feng Shui Wisdom 91 Thailand FS Ancient Knowledge is about how to bring power of nature like air, wind, stars to nourish lives. Giving advice, designing lives, selecting the dates.

Feng Shui Service Consultant about Living and Dead Feng Shui. We have some experiences for your homes and property. Not only that we take care of the burial ground by the ancient and contemporary knowledge in the art of Chineses feng shui.

18/02/2019
25/12/2018

อับเดทความคืบหน้าคอร์ส
Advance Xuankong Flying star

ยืนยัน 5 ประการอย่างเป็นทางการ
1. จัดแน่นอน__ยืนยัน!
2. มีคนแปลไทย__ยืนยัน!
3. เอกสารแปลไทยครบถ้วน__ยืนยัน!
4. เพจเฟชบุ๊ค LeyauFengshuiThai ไม่เถื่อนแน่นอน__ยืนยัน!
5. จัดโดยพี่รุ้งเพชร แน่นอน__ยืนยัน!

สุดยอดแห่งปรมาจารย์เสวียนคงต้ากั้ว
ดาวเหินต้องอาจารย์หลีเหยา__ยืนยัน!

ใครลงทะเบียนเรียนโอนเงินแล้ว
อย่าลืมแจ้งยืนยันการเข้าคอร์ส

เจอกันครับ

15/12/2018
26/07/2018

ซางซานกั๋วอ๋อง (三山國王)

แปลง่ายๆก็คือเทพเจ้าแห่งภูเขาใหญ่ทั้งสามครับ เป็นภูเขาใหญ่ที่มีชื่อเสียงอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ได้แก่ จิ่งซาน (巾山) หมิงซาน (明山) ตกซาน (獨山)

ทั้ง 3 ท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเกิดในสมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้ครับ ท่านทั้ง 3 เป็นขุนศึกคอยช่วยราชสำนัก ปราบคนชั่วและกบฎ รวมไปถึงช่วยชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนด้วย เมื่อเสียชีวิตลงผู้คนต่างก็กราบไหว้บูชาให้เป็นเทพเจ้า

ต่อมาในยุคราชวงศ์ซ่ง ทั้ง 3 ท่านก็แสดงอิทธิฤทธิ์ช่วยเหลือจักรพรรดิราชวงศ์ซ่ง ท่านทั้ง 3 จึงได้รับการสถาปนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งครับ คือให้เป็นเทพเจ้าประจำภูเขาใหญ่ๆ 3 ลูก

ไต้อ๋อง (เฉ่งหัว) หน้าสีขาว
ยี่อ๋อง (จอจิ้ง) หน้าสีแดง
ซานอ๋อง (ฮุยเว่ย) หน้าสีดำ

22/07/2018

วันที่10เดือน6ตามปฏิทินจันทรคติจีน
น้อมฉลองเทวสมภพปรมาจารย์เซียนคางคกสามขา "ไห่ฉานหมิงวู่หงเต้าฉุนหยางตี้จวิน"(หลิวไห่ฉาน)

29/06/2018
18/06/2018

ไท้เสียงเหล่ากุง หรือ ไท่ซานเหล่าจวิน (太上老君)

ถ้ายังมีคนจำได้ ผมเคยกล่าวถึงท่านมานิดหน่อยแล้วในบทของสามบริสุทธิ์หรือซันซิง (三清) คราวนี้ผมขอเจาะลึกเกี่ยวกับประวัติของท่านนะครับ
อีกบทบาทหนึ่งของไท้เสียงเหล่ากุงที่เราทราบกันดีก็คือศาสดาลัทธิเต๋าและเป็นอาจารย์ของของโป๊ยเซียน (แปดเซียน) ด้วย แซ่ของท่านคือลี้ (李) บางคนก็เรียกท่านว่าลีเล่ากุง มีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์โจว จริงๆแล้วท่านเป็นเทพจุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ครับ มารดาของท่านตั้งครรภ์ตอนอายุ 19 ด้วยการทานผลลี้ระหว่างออกไปวิ่งเล่น ยิ่งไปกว่านั้น ไท้เสียงเหล่ากุงยังอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 81 ปีอีกด้วยครับ แต่ท่านสามารถพูดคุยโต้ตอบกับมารดาได้อย่างไม่มีปัญหา (ระหว่างอยู่ในครรภ์) มารดาจึงถามว่าทำไมท่านถึงไม่ออกมา ไท้เสียงเหล่ากุงตอบว่าถ้าออกมามารดาจะต้องเสียชีวิต แต่มารดาของท่านก็ยังยืนกรานว่าจะให้ท่านออกมา ถึงแม้จะเสียชีวิตก็ยอม ท่านจึงผุดออกมาทางใต้รักแร้ซ้ายของมารดา รูปลักษณ์เป็นคนผมขาวโพลนไปทั้งหัวจึงได้ฉายาว่าเหล่าจื้อ (老子) ชื่อท่านจริงๆคือ ยื้อ แซ่ลี้

หลังจากนั้นท่านก็เข้ารับราชการเป็นคนเฝ้าหอสมุดแห่งราชสำนักโจว ท่านเป็นคนที่เชี่ยวชาญรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นจินตกวี หรือคัมภีร์ต่างๆ ท่านเป็นคนเรียบง่าย ไม่ชอบโอ้อวด และไม่ต้องการชื่อเสียงใดๆ สุดท้ายท่านก็ลาออกจากราชสำนักไปปลีกวิเวก (มุ่งหน้าไปทางตะวันตกหรือทิเบต) ในสมัยเจียวอ๋อง แห่งราชวงศ์โจว ในสมัยนั้นราชสำนักก็เริ่มเสื่อมโทรมแล้วครับ

ส่วนหนังสือ “เต๋า เต็ง เก็ก” (道德經) หรือคัมภีร์ศีลธรรม ที่ลูกศิษย์ของท่านต้องรู้จักกันดีนั้น ท่านแต่งตอนเดินทางไปถึงด่านหานกู่กวน (涵谷關) แล้วเจอนายด่านคนหนึ่งซึ่งนับถือท่านมาก นายด่านจึงขอร้องให้ท่านแต่งหนังสือสักเล่มเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ท่านจึงแต่ง “เต๋า เต็ง เก็ก” ออกมาครับ “เต๋า เต็ง เก็ก” นั้นมีทั้งหมด 81 บท 5,000 ตัวอักษร พอไท้เสียงเหล่ากุงมอบคำภีร์ให้นายด่านแล้ว ท่านก็เดินจากไปโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าท่านอยู่ที่ไหน

15/06/2018
12/06/2018

ไฉ่ซิงเอี๊ย (财神爷)

ตอนที่2 ไฉ่ซิ่งเอี๊ยบู๊ (武财神)

จ้าวกงหมิงได้บำเพ็ญเพียรอยู่ถ้ำหลัวฟูตง เขาบ้อไบ้ เป็นเซียนที่มีอิทธิฤทธิมาก แต่เป็นนักพรตกังฉินที่อำมหิต ถวายตัวรับใช้พระเจ้าซังโจ้วหวางก่อกรรมทำเข็ญ
จ้าวกงหมิงมีบริวารคือเสือดำตัวใหญ่ และมีของวิเศษมากมาย เช่น แส้เหล็ก ไข่มุกวิเศษ เชือกล่ามังกร

จ้าวกงหมิงได้จับเจียงจื่อหยาไว้ในค่ายกลสิบทิศ พร้อมทั้งขู่บังคับให้แต่งตั้งตัวเองให้เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ แต่เจียงจื่อหยาได้บอกว่า ตำแหน่งนี้เป็นของปี่กัน แต่หากจ้าวกงหมิงสามารถเอาหัวใจปี่กันออกมาและทำให้ตายได้ ตำแหน่งเทพเจ้าแห่งโชคภาพก็จะเป็นของจ้าวกงหมิง

จ้าวกงหมิงพร้อมเสือดำจึงออกตามหาปี่กัน พอพบปี่กันที่พักอยู่ เสือดำก็กระโจนเข้าไปตะกุยหน้าอกเพื่อควานหาหัวใจ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เสือดำจึงคำรามด้วยตวามโกรธและกลับไป (นี่เป็นอุบายของเจียงจื้อหยา)

แต่..กงเล็บของเสือดำก็ยังคงอยู่ในอกของปี่กัน ทำให้อวัยวะภายในของปี่กันสับสน ปี่กันจึงไม่ค่อยเที่ยงธรรมนัก เจอใครก่อนก็ให้เงินทองก่อนและให้เยอะๆด้วย ทำให้คนที่ร่ำรวยอยู่แล้วก็ยิ่งรวย ส่วนคนยากจน ก็ยังคงจนเหมือนเดิม เพราะเป็นเรื่องลำบากที่จะหาเครื่องเซ่นไหว้ดีๆมาบูชา ตอนที่เขาลงมาเยือนมนุษย์

ฝ่ายจ้าวกงหมิง แม้จะไม่ได้เป็นเทพเจ้าแห่งความโชคลาภตามต้องการ เจียงจื่อหยาจึงมอบของวิเศษให้ 4 ชิ้น คือ เจียป้อ, หนับเตียว, เจียไช้ และ หลี่ฉี้ ซึ่งเป็นของวิเศษที่ใช้เรียกเงินเรียกทองให้ไหลมาเทมา การค้าราบรื่น มีกำไรดี ชาวจีนจึงพากันกราบไหว้จ้าวกงหมิงเป็นเทพเจ้าแห่งโชลาภอีกองค์หนึ่ง

ไฉ่ซิ่งเอี๊ยบู๊ เป็นชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดนักรบจีนมือซ้ายถือกระบอง มือขวาถือเงินหยวนเป่ามีใบหน้าดุและมีเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่เป็นพาหนะ

ชาวจีนที่บูชาเชื่อกันว่ามีในเรื่องของหนี้สิน ช่วยให้ผู้บูชาเก็บหนี้ได้ง่ายขึ้น ลูกหนี้ไม่คิดเบี้ยวให้เจ้าหนี้ต้องลำบากใจ นอกจากนี้ยังมีพลังที่ช่วยดูแล และควบคุมบริวารและลูกจ้างให้อยู่ในระเบียบวินัย มีความขยันในการทำงาน บรรดาข้าราชการ ทหาร หรือตำรวจของจีน ก็ล้วนนิยมบูชาเซ่นไหว้ ไฉ่ซิงเอี๊ยบู๊ เพราะช่วยดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีจำนวนมาก

เกล็ดเล็กน้อย : จ้าวกงหมิงเป็นพี่ชายของจูแซเนี่ยเนี๊ย

12/06/2018

เล้งแซเก้าจื้อ (龙生九子) หรือ เก้าลูกมังกรที่ไม่เป็นมังกร

ถ้าพวกเราเป็นคนช่างสังเกตกันสักหน่อย เราจะเห็นมีสัตว์มงคลของจีนปรากฏอยู่ตามสถาปัตย์จีนครับ เช่น ถ้วยชาม วัด บานประตู มุมอาคาร แต่ผมเชื่อแน่ๆว่าทุกคนคงจะเดาไปเป็นสิงห์บ้าง กิเลนบ้าง มังกรบ้าง หรือเดาไม่ออกบ้าง แต่ความจริงแล้วทุกๆตัวที่เราเห็นนั้นเป็น "ลูกมังกร" ครับ

ทั้ง 9 ตัวจะมีที่มาที่ไปยังไงนั้น เราพักไว้ก่อนครับ เราไปดูกันก่อนว่าแต่ละตัวหน้าตาเป็นแบบไหน

1. ปี่ซี่ (赑屃) หรือปูเซีย หรือเจียป๊วย
รูปร่างคล้ายเต่าครับ จะแตกต่างจากเต่าตรงที่ปี่ซี่จะมีฟัน ปี่ซี่นั้นชอบในวรรณคดี มีพละกำลังมหาศาลและมีความเข้มแข็งอดทน
ส่วนมากแล้วจะถูกสลักไว้ตามหลุมฝังศพหรือเป็นฐานของศิลาจารึกตามวัดต่างๆ หรือเห็นง่ายๆจากขาโต๊ะทรงจีนครับ ชาวจีนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าใครได้สัมผัสปี่ซี่ จะมีโชคลาภหลั่งไหลเข้ามา

2. ปี้อาน (狴犴) หรือเบียน
หน้าตาเป็นพยัคฆ์ดูน่าเกรงขาม
สมัยก่อนจะถูกสลักไว้หน้าประตูเรือนจำครับ เพราะปี้อานจะเกี่ยวข้องกับคดีความ และมีพลังในการข่มขวัญเหล่านักโทษให้มีความเคารพต่อสถานที่ด้วย แต่ปัจจุบันมักเอาไปติดเหนือประตูบ้านเพื่อไว้แก้ฮวงจุ้ย

3. เทาเทีย (饕餮) หรือฉีเหวิน
รูปร่างคล้ายหมาป่า มีนิสัยตะกละกินไม่เลือก จึงถูกนำมาประดับไว้บนภาชนะใส่ของเซ่นไหว้ และมักเปรียบคนที่เห็นแก่กินว่าเป็นลูกสมุนของเทาเทีย

4. ผูเหลา (蒲牢) หรือโผ่วล้อ
ผูเหลาเป็นมังกรตัวเล็กๆที่หน้าตาเหมือนมังกรที่สุด อาศัยริมฝั่งทะเลชอบร้องเป็นชีวิตจิตใจ และที่สำคัญผูเหลากลัวปลาวาฬมากๆครับ
ชาวจีนโบราณจึงนำผูเหลามาประดับไว้บนระฆัง และสลักไม้ตีระฆังเป็นรูปปลาวาฬ เมื่อเอาไม้ไปตีระฆังที่มีผูเหลาอยู่ ระฆังก็จะดังกังวาลเหมือนกับเสียงร้องของผูเหลา

5. ฉิวหนิว (囚牛)
เป็นมังกรเล็กลำตัวสีเหลืองและมีเขาแบบกิเลน ฉิวหนิวมีจิตวิญญาณของศิลปินซึ่งชอบเสียงดนตรีมากๆครับ ชาวจีนเลยแกะสลักรูปฉิวหนิวไว้ที่ก้านบิดสายซอ เวลาทดสอบเสียง

6. เจียวถู (椒图) หรือซกโต้ว
ลำตัวม้วนกลมเหมือนลายก้นหอยครับ (เหมือนตรงหลังจะมีเปลือกหอยหุ้มอยู่) และธรรมชาติของหอยจะปิดเปลือกสนิทมากๆเมื่อโดนรุกราน ประกอบกับเจียวถูกก็มักจะปิดปากให้สนิทเป็นประจำด้วย ชาวจีนจึงนำมาประดับไว้ที่บายประตู มีนัยยะถึงความปลอดภัย

7. ซือเหวิน (鸱吻) หรือชื่อเหว่ย หรือเฮ้าว่าง
ซือเหวินไม่มีสันหลัง ปลายหางยกขึ้นฟ้า มี 4 เขี้ยวชอบอ้าปากกว้างไปถึงหู อาศัยอยู่ในทะเล ชอบกินไฟและพ่นน้ำดับไฟ จึงเชื่อว่าซือเหวินสามารถป้องกันพวกอัคคีภัยได้ ชาวจีนจึงประดับซือเหวินไว้บนหลังคาเพื่อทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าระวังครับ

8. ซวนหนี่ (狻猊) หรือจุงยี้
หน้าตาเหมือนราชสีห์ (ไซ) ท่าทางสง่างาม ชอบเพลิงและควันไฟ
ซวนหนี่ยังถูกนำไปเปรียบเปรยอีกว่า พระพุทธเจ้าเป็นดั่งราชสีห์ ชาวจีนจึงนิยมแกะสลักอาสนะเป็นรูปซวนหนี่ นอกจากนี้ก็บนกระถามธูปครับ เพราะควันไฟเป็นของที่ซวนหนี่ชอบ

9. หยาจื่อ (睚眦) หรือวาปี่
ลักษณะเหมือนหมาป่า ชอบการรบราฆ่าฟันมาก ชื่อหยาจื่อนั้นมีความหมายถึงความโกรธและการแก้แค้น จึงถูกนำไปประดับไว้บนฝักดาบ ด้ามของมีด ขวานหรือง้าวครับ

ปล. ดูภาพจริงของแต่ละตัวได้ในคอมเม้นต์ครับ

12/06/2018

ต้าซ้องซำตองอ๋อง (大宋三忠王)

หรือ 3 ผู้ซื่อสัตย์แห่งราชวงศ์ซ่งใต้ครับ ทั้งสามท่านมี

★บุนเทียนเสียง หรือเหวินเทียนเสียง (文天祥) ทรงชุดสีเหลือง
ท่านเป็นจอหงวนในสมัยจักรพรรดิซ่งลี่จง ท่านพยายามทูลคัดค้านเรื่องการย้ายเมืองหลวงหนีมองโกล แต่ฮ่องเต้ก็ฟังแต่ขุนนางกังฉิน ทำให้ท่านขอลาออกจากราชการ
ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าเมืองหูหนานในสมัยจักรพรรดิซ่งกงตี้ ตอนนั้นก็ยังมีศึกกับมองโกลอยู่และมองโกลกด็เข้าประชิดเมืองแล้ว ท่านจึงทูลให้ไทเฮาและฮองเฮาพาฮ่องเต้หนี แต่ไทเฮาและฮองเฮาจะยอมแพ้และส่งบุนเทียนเสียงไปเจรจา แต่บุนเทียนเสียงกลับไปพูดกับมองโกลบอกว่าจะไม่ยอมแพ้จึงถูกจับไปเป็นเชลย แต่สุดท้ายก็มอมเหล้าทหารและหนีออกมาได้
ท่านระหกระเหินหนีจนไปถึงเมืองหย่งเจี่ยเจอกับเจ้าชายซื่อ เจ้าชายก็สถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิซ่งต้วนจง และแต่งตั้งบุนเทียนเสียงเป็นอัครมหาเสนาบดีตั้งกองทัพต่อต้านมองโกล ท่านสามารถตีเมืองคืนมาได้หลายเมือง แต่...ท่านก็สิ้นพระชนม์กระทัน
กองทัพมองโกลก็บุกไปจับบุนเทียนเสียงที่เขาอู่พัวหลิงไปเป็นเชลย ขุนนางต่างๆก็หนีไปที่เขาเหยาซานพร้อมกับองค์ชายเจ้าปิงที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งตี้ปิงแล้ว
เมื่อเขาเหยาซานแตก บุนเทียนเสียงก็ถูกส่งไปที่ปักกิ่ง (เมืองของราชวงศ์หยวน) สุดท้ายจักรพรรดิซื่อจู (กุบไลข่าน) ก็มาเกลี้ยกล่อมด้วยตัวเอง ว่าจะให้ยศให้ตำแหน่ง แต่บุนเทียนเสียงก็ไม่เอาและทูลขอความตาย ท่านจึงถูกประหารชีวิต

★เตียวเส้เก๊ก หรือจางซื่อเจี๋ย (張世傑) ทรงชุดสีดำหรือเทา
ท่านเป็นนายพลในสมัยจักรพรรดิซ่งต้วนจง เมื่อฮ่องเต้สิ้นพระชนม์กระทันหัน เตียวเส้เก๊กก็เป็นคนนำทัพเรือเข้าต่อต้านทัพเรือของมองโกล และตายในศึกนั้น หลังจากนั้นลกสิ้วฮูจึงพาฮ่องเต้ซ่งตี้ปิง (ฮ่องเต้คนสุดท้ายของราชวงศ์) กระโดดน้ำตายดีกว่าถูกจับเป็นเชลย

★ลกสิ้วฮู หรือลู่เซี่ยวฟู (陸秀夫) ทรงชุดสีแดง
ท่านมีตำแหน่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ หลังจากที่บุนเทียนเสียงถูกจับเป็นเชลย กองทัพมองโกลก็ไล่ตีเมืองฝูโจวจนแตก ท่านต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่เขาเหยาซานและถูกตีแตกเช่นกัน ท่านจึงพาซ่่งตี้ปิงหนีลงเรือฝ่าวงล้อมออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ ท่านจึงอุ้มซ่งตี้ปิง (ฮ่องเต้คนสุดท้าย (คนที่ 9)) กระโดดทะเลตาย และเป็นอันสิ้นสุดของราชวงศ์ซ่งใต้

12/06/2018

จูแซเนี่ยเนี๊ย (註生娘娘) ตอนที่ 2

เมื่อต้นปีผมได้เขียนเรื่องของเจ้าแม่จูแซค้างไว้อยู่ตอนที่ 1 จนผมลืมไปเลย วันนี้มาต่อกับประวัติของจูแซเนี่ยเนี๊ยกันดีกว่าครับ
ใครที่จำตอนแรกไม่ได้แล้วลองเข้าไปอ่านใหม่ได้ตามลิงค์ครับ (https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/731863440247182/?type=3)

จากตอนที่แล้ว
นางเมิ่งปั๋ว (孟婆) เห็นว่าตัวเองขัดคำสั่งอาจารย์เข้าแล้วก็เลยปล่อยตามเลยไปครับ อาจเพราะด้วยความโกรธและแค้นที่พี่ชายตัวเองถูกฆ่าตายและยังต้องปกป้องน้องสาว 2 คนอีก
ทางฝ่ายเมืองซีกีก็มีเทพหยวนสื่อเทียนจุนขี่กวางลงมาพร้อมกับเต๋าเต็กเทียนจินที่ขี่ควายเขียวลงมาช่วย (ถ้ายังจำกันได้ 2 ท่านนี้คือ 2 ใน 3 ของซันซิงหรือสามบริสุทธิ์ครับ) สองท่านนี้ลงมาก็รู้ผลเลยครับ ทางฝั่งนางเมิ่งปั๋วแพ้ไป และคนที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลก็ฟื้นขึ้นมา
- นางเมิ่งปั๋วถูกเคียนคุนเต๋า (ผ้ายันต์) ของเต๋าเต็กเทียนจินคลุมแล้วถูกนำไปฝังไว้ที่ภูเขากิหลิน
- นางผางเฉอถูกหยกสามแท่งของ แปะเฮาะต่งจื้อ (คนนี้คือเซียนนกกระเรียนขาว) กระแทกหน้าผากตาย
- นางก๋งเต๋อถูกตลับวิเศษของหยวนสื่อเทียนจุน กลายเป็นเลือดละลายหายไปเลย

หลังจบสงคราม เจียงจื้อหยา (เกียงไท้กง) ก็เรียก 3 พี่น้องมา เพราะทั้งสามได้บำเพ็ญเพียรมาเป็นเวลานาน แต่กลับละทิ้งความดีมาช่วยฝ่ายที่ผิดรบ แม้จะตายไปแล้วก็ยังมีความผิดติดตัว จึงให้ทั้ง 3 ไปเป็นคนปล่อยดวงวิญญาณในนรกขุมที่ 10 ที่มีท่านจ้วงหลุนหวางคุมอยู่ (ลองไปอ่านเรื่องนรก 10 ขุม ที่ผมเขียนไปดูนะครับ) แต่...ก่อนปล่อยดวงวิญญาณนางจะต้องใช้ถังทองของนางดูดเอาความทรงจำทั้งหมดจากดวงวิญญาณและให้กินน้ำชาวิเศษเพื่อลบความทรงจำก่อนด้วยครับ หลังจากนั้นก็จะจับดวงวิญญาณเข้ากรงล้อขนาดใหญ่และหมุนให้หลุดลอยไปเกิดตามบุญและกรรมของแต่ละคน

ผมขอพูดถึงกรงล้ออันนี้นิดนึงนะครับ ตอนพาร์ทของนรก 10 ขุม ไม่ได้อธิบายไว้... กรงล้ออันนี้มีรูใหญ่ๆเพียง 6 รูครับ รูพวกนี้จะเป็นทางออกของดวงวิญญาณว่าจะได้ไปเกิดเป็นอะไร ทั้ง 6 รูทางออกมี แมลง สัตว์สี่เท้า สัตว์น้ำ สัตว์ปีก คนธรรมดา และนักปราชญ์
ด้วยเหตุนี้ นางเมิ่งปั๋วเลยไปเกี่ยวข้องกับการเกิดของคนไปโดยปริยายเลยครับ คนในสมัยก่อนจึงเคารพท่าน ครอบครัวไหนที่กำลังตั้งท้องก็จะไปขอพรที่ศาลของนางเพื่อให้ลูกคลอดออกมาง่ายและปลอดภัย ส่วนคู่ไหนที่แต่งงานกันมานานแล้วยังไม่มีลูก ก็นิยมไปขอลูกที่ศาลของนางเหมือนกัน

เคล็ดลับการขอลูกจากท่านมีนิดเดียวเองครับ ถ้าใครอยากได้ลูกชายก็ให้เอาดอกไม้ขาว (หยาง) ไปถวาย ถ้าใครอยากได้ลูกสาวก็เอาดอกไม้แดง (หยิน) ไปถวายครับ
พอหลังจากคลอดลูกปุ๊บ ชาวจีนก็จะไปไหว้เจ้าแม่อีกครับ เพื่อให้ท่านส่งผู้ช่วยของท่านมาปกปักษ์รักษาและดูแลการเจริญเติบโตของเด็ก (คล้ายๆแม่ซื้อ) จนเด็กอายุ 12-14 ขวบ และ...ผู้ช่วยของท่านก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ น้องสาวทั้งสองคนของท่านนั่นแหละ (ผางเฉอเหนียง และ ก๋งเต๋อเหนียง)

12/06/2018

ห่ายเหล่งอ๋อง หรือไห่หลงหวาง (海龍王)

คือ พญามังกรเจ้าสมุทรทั้ง 4 ซึ่งทั้ง 4 ท่านนี้เป็นพี่น้องกันและได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้ไปปกปักษ์รักษาประจำอยู่ที่มหาสมุทรหรือทะเลทั้ง 4 ทิศ

◉ ทิศตะวันออก ทะเลตงไห่ (ทะเลจีนตะวันออก)
ผู้ปกครองคือ ตงไห่ก่วงเต๋อหวาง (東海廣德王) หรือ คางหนิงเต๋อหวาง (滄甯德王) ชื่อเดิมคือเอ๋าก้วง (敖光) เป็นพี่คนโตสุดมีสีน้ำเงินอมเขียว (蒼龍) องค์นี้แหละครับที่มีเรื่องกับนาจา

◉ ทิศใต้ ทะเลหนานไห่ (ทะเลจีนใต้)
ผู้ปกครองคือ หนานไห่หลงหวาง (南海龍王) ชื่อเดิมคือเอ๋าชิน (敖欽) เป็นพี่คนรองมีสีแดง (即赤龍)

◉ ทิศเหนือ ทะเลเป๋ยไห่ (ทะเลเหนือ หรือทะเลสาบไบคาล)
ผู้ปกครองคือ เป๋ยไห่ก่วงซื่อหวาง (北海廣泽王) หรือ เป๋ยไห่หลงหวาง (北海龍王) ชื่อเดิมคือเอ๋าฉิ๋ (敖吉) เป็นพี่สามมีสีดำ (即黑龍)

◉ ทิศตะวันตก ทะเลชิไห่ (ทะเลตะวันตก)
ผู้ปกครองคือ ชิไห่ก่วงซุ่นหวาง (西海廣順王) หรือ ชิไห่หลงหวาง (西海龍王) ชื่อเดิมคือเอ๋าซุ่น (敖順) เป็นน้องสุดท้องมีสีขาว (即白龍)

ทั้ง 4 ท่านมีศักดิ์เป็นอ๋อง (王) ตามชื่อที่ปรากฎ แต่ปัจจุบันเราจะเห็นภาพท่านทั้ง 4 สวมมงกุฎระดับฮ่องเต้ (ต้าตี้หรือไต่เต่ / 大帝) แล้ว เราอาจจะเรียกชื่อท่านได้ตามนี้
△ ตงไห่ก่วงเต๋อต้าตี้ (東海廣德大帝) วันสำคัญคือ 26 ค่ำ เดือน 6
△ หนานไห่ก่วงลี่ต้าตี้ (南海廣利大帝) วันสำคัญคือ 12 ค่ำ เดือน 7
△ ชิไห่ก่วงซุ่นต้าตี้ (西海廣順大帝) วันสำคัญคือ 9 ค่ำ เดือน 5
△ เป๋ยไห่ก่วงซื่อต้าตี้ (北海廣泽大帝) วันสำคัญคือ 29 ค่ำ เดือน 3

12/06/2018

กำเนิดมังกร

พวกเราคงจะรู้จักเจ้าแม่หนี่วากันดีนะครับ (ใครยังไม่ทราบเดี๋ยวผมจะแปะลิงค์ประวัติท่านไว้ตอนท้ายนะครับ) ท่านคือคนที่ส่งปิศาจจิ้งจอกเก้าหางลงมาปราบโจวอู่อ๋องทำให้สิ้นราชวงศ์โจว เค้าว่ากันว่ามังกรตัวแรกได้ถือกำเนิดมาจากเจ้าแม่หนี่วานี่แหละ

◎ เจ้าแม่หนี่วานั้นมีลำตัวท่อนล่างลงไปเป็นงู ท่อนบนจนถึงหัวเป็นคน หลังจากที่เจ้าแม่เสียชีวิตไปแล้ว 3 ปี ศพท่านก็ยังไม่เน่าเปื่อยครับ และเมื่อมีคนลองเอามีดผ่าท้องของนางดู ก็มีมังกรสีเหลืองทะยานจากท้องของนางขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

◎ อีกตำนานหนึ่งก็คือในยุคนั้น (สมัยเทพฝูชีกับเจ้าแม่หนี่วา) ได้มีมังกรตัวใหญ่ตัวหนึ่ง เป็นจ้าวเหนือน่านน้ำทั้งปวงมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว คอยดูแลความสงบสุขให้กับผืนโลก จริงๆแล้วมังกรตัวนั้นก็คือร่างแปลงของเทพฝูชีนั่นแหละครับ (เรื่องเล่าเทพฝูชีผมจะแปะลิงค์ไว้ให้ตอนท้ายนะครับ)

◎ และอีกตำนานหนึ่งก็คือในสมัยอึ๊งตี่หรือจักรพรรดิเหลือง ผู้รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นผืนเดียวกัน ท่านได้นำสัญลักษณ์เผ่าต่างๆมาประกอบกันเป็นตัวมังกร และตอนท่านสิ้นอายุขัยก็มีมังกรลงมารับพระองค์และพระมเหสีขึ้นไปเป็นเซียนบนสวรรค์ ว่ากันว่าท่านก็คือจ้าวสวรรค์หรือเง็กเซียนองค์แรกครับ

เจ้าแม่หนี่วา
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/466204426813086/?type=3

เทพฝูชี
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/750214618412064/?type=3

อึ๊งตี่
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/750289835071209/?type=3

12/06/2018

แปะเฮาะต่งจื้อ (白鶴童子)

คนไทยจะรู้จักในชื่อว่าเซียนนกกระเรียนขาวครับ เดิมทีเป็นนกกระเรียนขาวที่บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาคุณหลุน (崑崙山) จนสำเร็จเป็นเซียน มีรูปลักษณ์เป็นเด็กกุมารเหมือนเทพเด็กทั่วๆไปแต่ที่แตกต่างก็คือข้างกายของท่านจะมีกระเรียนสีขาวอยู่ด้วยครับ

เซียนกระเรียนขาวตามตำนานห้องสินนั้นเป็นเทพสัตว์เพียงตนเดียวเท่านั้นที่เป็นลูกศิษย์ของหยวนสื่อเทียนจุน (元始天尊) ท่านจะคอยติดตามรับใช้หยวนสื่อเทียนจุน และงานหลักๆของท่านก็คือการทำพวกรายงานเตือนเทพต่างๆบนสวรรค์ ว่ากันว่าท่านมีความฉลาดมากถึงขนาดจำทุกอย่างและเรียนรู้สิ่งที่อาจารย์สอนได้อย่างรวดเร็วจนสำเร็จเต๋า

แต่อีกตำนานหนึ่งของท่านว่ากันว่าเป็นลูกศิษย์ของโซ่วซิงครับ
วันหนึ่งท่านได้ออกไปเดินเล่นอยู่ริมเขาคุณหลุน เดินชมดอกไม้แมลงเพลินจนลืมดูทาง ทำให้ท่านพลัดตกลงไปในหน้าผาลึกจนปีกหักและสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็ได้เจอกับเซียนท่านหนึ่งคือฉางเซิงต้าตี้ (長生大帝) หรือ โซ่วซิง (壽星) นอกจากนี้ท่านก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดแผลเหมือนตอนตกลงมาอีกด้วย เซียนกระเรียนขาวเลยเข้าไปคุกเข่าขอบคุณโซ่วซิงที่มาช่วยเหลือ พร้อมทั้งขอติดตามโซ่วซิงเพื่อปรนนิบัติและศึกษาเต๋าต่อไป

หลังจากตกเหวครั้งนั้นเซียนกระเรียนขาวก็มีความฝังใจ ไม่สามารถใช้พลังจากปีกของตัวเองได้อีกเลยครับ มีอยู่วันหนึ่งเซียนกระเรียนขาวและอาจารย์โซ่วซิงกำลังเหาะขึ้นสวรรค์กันอยู่นั้น ระหว่างทางก็ผ่านหน้าผาที่เป็นจุดเกิดเหตุ โซ่วซิงต้องการที่จะสอนศิษย์ของตน จึงผลักกระเรียนขาวตกเมฆลงไปในหน้าผานั้น ความกลัวเก่าๆของท่านก็ผุดขึ้นมาอีกรอบครับ แต่คราวนี้อาจารย์โซ่วซิงได้ตะโกนลงมาว่า ให้ขจัดความกลัวของตัวเอง และจงทำให้ปีกของตัวเองนั้นสาสารถบินได้อีกครั้ง พอได้ฟังคำอาจารย์ เซียนกระเรียนขาวก็ตั้งสติและรวมพลังจิตให้เป็นสมาธิจนสามารถลอยตัวอยู่บนอากาศได้และสำเร็จเป็นเซียนในตอนนั้น

ชาวจีนจึงนับถือและยกย่องท่านให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญในการต่อสู้กับความกลัวในจิตใจของตนเองด้วยครับ

12/06/2018

กิ้วอ้วงฮุดโจ้ว (九皇佛祖) หรือฮุดโจ้วแห่งเทศกาลกินเจ
ตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีนนั้น กิ้วอ้วงฮุดโจ้ว จะเสด็จลงมาโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ในช่วงกินเจครับ กิ้วอ้วงฮุดโจ้วก็คือ เทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 9 องค์ หรือเราเรียกว่า “นพราชา” ซึ่งประกอบไปด้วยพระพุทธเจ้า 7 องค์ และพระโพธิสัตว์อีก 2 องค์ (ท่านแบ่งภาคลงมาเป็นเทพแห่งดาวแต่ละดวง) ท่านจะแต่งตัวแบบกษัตริย์เลย และคอยควบคุมดูแลธาตุสำคัญทั้งห้า (ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ)
กิ้วอ้วงฮุดโจ้วนั้นมีตามนี้ครับ
★พระอาทิตย์ หรือไท้เอี้ยงแช (พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ)
★พระจันทร์ หรือไท้อิมแช (พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ)
★ดาวอังคาร หรือฮวยแช (พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ)
★ดาวพุธ หรือจุ้ยแช (พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ)
★ดาวพฤหัสบดี หรือบักแช (พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ)
★ดาวศุกร์ หรือกิมแช (พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ)
★ดาวเสาร์ หรือโท้วแช (พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ)
★ดาวเกตุ หรือโกยโต้วแช (พระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์)
★ดาวราหู หรือล่อเกาแช (พระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์)
ดวงดาวทั้ง 9 นี้คือต้นกำเนิดของจักราศีในทางโหราศาสตร์ด้วยครับ ซึ่งการหมุนของดวงดาวทั้ง 9 ในแต่ละวันนั้นก็ส่งผลต่อคนและโลกเราด้วย
และในวันที่ 1-9 เดือน 9 ของทุกๆปี (ตามปฏิทินจีน) นั้น เทพเจ้าแห่งดวงดาวจะผลัดกันลงมาให้พรผู้ที่ประพฤติดีบนโลกมนุษย์องค์ละวันครับ ในช่วงที่ผมพูดถึงก็คือช่วงกินเจนั่นแหละ ในช่วงนี้มนุษย์โลกก็จะถือศีลกินเจเพื่อเป็นการสักการะบูชากิ้วอ้วงฮุดโจ้วครับ
แถมนิดนึง......มารดาของกิ้วอ้วงฮุดโจ้วหรือเรารู้จักกันในชื่อเจ้าแม่แห่งดวงดาวทั้งปวงผมได้เคยเขียนประวัติท่านไปแล้วครับ ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ตามไปที่ลิงค์ด้านล่างได้เลย
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/467255543374641/?type=3

12/06/2018

ไต่สือเอี้ย (大士爺) หรือ พ้อต่อก้ง (普渡公)

คือพระผู้คุมวิญญาณในช่วงสารทจีน ไม่ว่าจะเป็นพิธีพ้อต่อ หรือพิธีซีโกว (เทกระจาด) ที่เป็นการทำบุญให้กับวิญญาณเร่ร่อน ไม่ให้ดวงวิญญาณออกมาก่อกวนพิธีครับ
ตำนานแรกบอกว่าไต่สือเอี้ยนั้นเป็นจ้าวแห่งผี เป็นจอมมารที่ดุร้ายมากๆ ก่อความวุ่นวายไปทั่วจนถูกพระโพธิสัตว์กวนอิมโปรดให้กลับใจ ไต่สือเอี้ยจึงขออยู่ช่วยพระโพธิสัตว์กวนอิมโปรดสัตว์ต่อเลย สังเกตง่ายๆว่าบนศีรษะของไต่สือเอี้ยจะมีรูปพระโพธิสัตว์กวนอิมประทับอยู่

คนสมัยก่อนนั้นเชื่อว่าไต่สือเอี้ยคือยมบาลครับ เลยนิยมตั้งไว้บูชาเพื่อไม่ให้วิญญาณเร่รอนแย่งอาหารกัน พูดง่ายๆก็คือให้ท่านช่วยควบคุมนั่นแหละครับ รูปลักษณ์ของท่านจะมีร่างกายเป็นสีน้ำเงิน ใส่ชุดเกราะแบบจีน มีพระโพธิสัตว์กวนอิมประทับอยู่บนศีรษะ บางครั้งจะมียมฑูตขาวดำอยู่ข้างๆกายด้วยครับ

อีกตำนานหนึ่งบอกว่าไต่สือเอี้ยก็คือพระโพธิสัตว์กวนอิมในร่างแปลงครับ จึงมีอีกชื่อว่า กวนอิมไต่สือ(觀音大士)

ปล. เรื่องยมฑูตขาวดำอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/636546093112251/?type=3

12/06/2018

เหวินชางตี้จวิน (文昌帝君) หรือเทพบุ่นเชียง
เหวินฉวี่ซิงจวิน (文曲星君) หรือเทพบุ่นเข็ก

วันนี้ผมจะมาพูดถึงดาวสองดวงที่มีคุณสมบัติ (ส่งผลต่อชีวิตมนุษย์) คล้ายๆกันนะครับ แต่จะพูดถึงดาวบุ่นเชียงเป็นหลัก
เทพบุ่นเชียงท่านเป็นเทพแห่งการศึกษา อักษรศาสตร์ การประพันธ์ เอกสาร ศิลปะ การสอบเข้ารับราชการฝ่ายพลเรือนครับ นอกจากนี้เทพทั้งสองยังให้ผลด้านโชคลาภอีกด้วย กลุ่มดาวบุ่นเชียงกับดาวบุ่นเข็กเป็นดาวคู่กัน มีบันทึกไว้ว่าดาว "บุ่นเข็ก" นั้นเป็นดวงดาวลำดับที่ 4 ในกลุ่มดาวปักเต้า (กลุ่มดาวเหนือ) และเทพบุ่นเข็กนั้นก็ยังจุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์หลายครั้งด้วย

มาถึงดาวบุ่นเชียงกันครับ กลุ่มดาวบุ่นเชียงนั้นมีทั้งหมด 6 ดวง ถ้าดาวบุ่ยเชียงนั้นปรากฎหรือส่งผลต่อดวงชะตาใครก็แล้วแต่ จะทำให้คนนั้นมีสติปัญญาดี และฐานะที่ดีด้วยครับ (ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูหลายๆอย่างประกอบด้วย เช่น ความแรงของดวงดาวในพื้นดวง หรือดาวอื่นๆที่มาบดบังและส่งเสริม)

ตามตำนานนั้นว่ากันว่า "จางหยาจื่อ" (张亚子) ก็คือเทพบุ่นเชียงจุติลงมาเกิด จางหยาจื่อนั้นเสียชีวิตในสนามรบ ชาวบ้านจึงสร้างศาลให้ที่ภูเขาชีฉวี่ซาน (七曲山) จนสมัยราชวงศ์ถัง จางหยาจื่อก็มีบรรดาศักดิ์เป็น “จี้ซุ่นหวาง” (济顺王) และได้รับการสถาปนามาเรื่อยๆจนเป็นเทพเหวินชางตี้จวิน

ซึ่งศาลของท่านที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ที่ภูเขาชีฉวี่ซาน (七曲山) ในเสฉวนครับ

เรื่องราวของดาวปักเต้า
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/766999703400222/?type=3&theater

12/06/2018

การบูชาเทพเจ้าประตู หรือ "หมึ่งซิ้ง" (门神)

ถ้าเราได้ไปตามวัดหรือศาลเจ้าต่างๆ หรือแม้แต่ตามบ้านลูกหลานจีนก็เถอะครับ เราจะสังเกตเห็นเทพเจ้าประตูหรือหมึ่งซิ้งอยู่ตรงบานประตูทั้งสองบาน ถ้าตามศาลเจ้าก็จะเป็นรูปวาดแล้วมีกระถางธูปวาง ตามบ้านเรือนก็จะเป็นที่ปักธูปข้างๆประตู ส่วนมากเป็นรูปน้ำเต้าครับ พอจะเห็นภาพกันรึยังเอ่ย

หมึ่งซิ้งมีไว้ป้องกันผีร้ายและอันตรายต่างๆไม่ให้ผ่านเข้าไปในบ้านได้ ถ้าบ้านไหนไม่มีตี้จู่เอี๊ย ก็สามารถไหว้หมึ่งซิ้งได้ครับ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าบ้านไหนไม่ได้มีที่ปักธูปห้อยอยู่ข้างประตู เราก็สามารถปักที่พื้นดินเลยก็ได้

สำหรับบ้านที่มีตี้จู่เอี๊ยด้วย จะทำการจุดธูป 7 ดอก ไหว้ตี้จู่เอี๊ยก่อน 5 ดอก ส่วนที่เหลือ 2 ดอกเราจะเอาไปไหว้หมึ่งซิ้งครับ วิธีการไหว้หมึ่งซิ้ง เราต้องปักทางฝั่งซ้ายก่อนแล้วท่องว่า "หมิ้งซิ้งกงป๋อห่อ แกไหลนั้งนั้ง เผ่งอัง" (ขอให้ทุกคนในครอบครับโชคดี) แล้วค่อยปักฝั่งขวาพร้อมท่องว่า "หมึ่งซิ้งกงป๋อห่อ กุ้ยนั้งเต้งเต้ง" (ขอให้พบคนดี มีคนอุปถัมภ์)

เคล็ดลับการไหว้ : คือหมึ่งซิ้งเนี่ย จะเป็นเหมือนปราการด่านแรกในการกรองไม่ให้ภูติผีปิศาจเข้ามาในบ้านได้ ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้ายก็เถอะ
ฉะนั้นเวลาเราไหว้บรรพบุรุษ เราต้องจุดธูปบอกหมึ่งซิ้งก่อนนะครับ ว่าขอให้วิญญาณบรรพบุรุษชื่อนี้นามสกุลนี้เข้ามาในบ้านเพื่อรับเครื่องไหว้อะไรๆก่อน ไม่งั้นบรรพบุรุษไม่สามารถเข้ามาได้เลยนะครับ

นอกจากนี้ เวลามีคนในบ้านเรา เสียชีวิตนอกบ้านแล้วเรารับศพกลับมาเพื่อประกอบพิธี ก็ต้องมีการจุดธูปบอกตี้จู่เอี๊ยและหมึ่งซิ้งก่อนด้วยนะครับ บางบ้านอาจเอาผ้าแดงคลุมตี้จู่เอี๊ยกับหมึ่งซิ้งเลยก็มี

ปล. ตามรูป เราจะเห็นกระถางธูปเหลืองๆ นั่นแหละครับที่ปักธูปสำหรับหมึ่งซิ้ง ส่วนตรงบานประตูถ้าสังเกตดีๆจะมีการวาดรูปเทพประจำประตูอยู่ด้วย

12/06/2018

โทเฮงสุน หรือถู่สิงซุน (土游孙 / 土行孙) ตอนที่ 1

เป็น 1 ใน 5 แม่ทัพสวรรค์เหมือนๆกับลุ่ยกง นาจา และเอ้อหลางครับ
รูปร่างลักษณธของท่านคือ เป็นคนตัวเตี้ยเหมือนเด็ก สูงแค่ 2 ศอก 1 คืบ เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์กีลิวสุน ฝึกวิชาอยู่ตามป่าตามเขา แต่ถูกเซินกงป้าเป่าหูเกิดอยากได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ จึงไปช่วยฝ่ายพระเจ้าซางโจ้วอ๋องรบ แต่ก่อนไปไม่ไปเปล่า ใช้วิชาดำดินไปขโมยเชือกกับยาวิเศษของจารย์ไปด้วย

โทเฮงสุนได้เดินทางไปประจำด่านซำโซ่กวน เตงจิวก๋งนายด่านก็รับให้เป็นคนลำเลียงเสบียง เพราะเห็นว่าไม่มีวิชาอะไร พอเตงจิวก๋งรบแพ้บาดเจ็บมา โทเฮงสุนก็ใช้ยาวิเศษที่ขโมยอาจารย์มาทาให้ แผลนั้นหายทันทีทำให้นายด่านดีใจมาก
ต่อมาก็ได้ออกรบแทนนายด่าน ไปท้านาจาให้ลงจากล้อไฟแล้วใช้เชือกวิเศษมัดจับนาจาได้ รบครั้งที่สองก็จับอึ่งเทียนฮั้ว (อนาคต 1 ใน 5 แม่ทัพสวรรค์) ได้อีกคน ครั้งที่สามก็มัดเจียงจื่อหยาได้แต่ทหารมาช่วยไว้ทัน แล้วอาจารย์หยวนสื่อเทียนจุนก็ให้กระเรียนขาวร่ายมนต์แก้ให้
หลังจากนั้นโทเฮงสุนก็พลาดท่าแห้ให้กับเอียวเจี้ยน (เอ้อหลาง) เอียวเจี้ยนจึงแปลงกายเข้าไปช่วยนาจากับเทียนฮั้วออกมาได้

จนครั้งสุดท้ายโทเฮงสุนใช้เชือกโยนขึ้นไปบนฟ้าหวังจะจับเจียงจื่อหยาให้ได้ แต่...อาจารย์กีลิวสุนออกมายึดเชือกคืนและใช้เชือกนี้จับตัวโทเฮงสุนเอง พอหลังจากกลับตัวก็ได้แต่งงานกับเตงตัน ลูกสาวของเตงจิวก๋งนายด่านซำโซ่กวน และเป็นทหารเอกคอยช่วยเหลือเจียงจื่อหยาทั้งคู่.......

★ประวัตินาจา
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/757765410990318/?type=3&theater

★ประวัติเอียวเจี้ยน
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/641325742634286/?type=3&theater

★ประวัติหลุยจินจู่
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/640433322723528/?type=3&theater

12/06/2018

เต๋าเต็ง (斗灯 / 斗燈) ตอนที่ 1 ปูพื้นฐาน

ก่อนจะพูดถึงเต๋าเต็งผมต้องท้าวความถึงกิ้วอ้วงและเทพหน่ำเต้ากับปักเต้าสักเล็กน้อยก่อนนะครับ
คนจีนโบราณจะนับถือกลุ่มดาวฤกษ์ที่ให้คุณและโทษต่อชะตาชีวิตสองกลุ่มทางขั้วโลกเหนือ คือ
★ ดาวกระบวยเหนือ (ปักเต้า) ดาวหมีใหญ่ มีอำนาจควบคุมการตาย
★ ดาวกระบวยใต้ (หน่ำเต้า) ดาวหมีเล็ก ดาวนี้มีความสุกสว่างที่สุดที่เรารู้จักกันในชื่อ "ดาวเหนือ" มีอำนาจควบคุมการเกิด

2000 - 3000 ปีก่อน คนที่อาศัยอยู่เหนือเส้นศุนย์สูตรอย่างชนชาติจีนจะมองเห็นดาวปักเต้าทั้ง 9 ได้อย่างชัดเจน เค้าเลยเรียกกันว่า "กิ้วอ้วงฮุดโจ้ว" เทพเจ้าของเทศกาลกินเจนั่นแหละครับ

ดาวปักเต้าที่ส่องสว่าง 7 ดวงมีกำเนิดมาจากอดีตพระพุทธเจ้า ส่วนอีก 2 ดวงกำเนิดมาจากพระโพธิสัตย์ ดังนี้ครับ
1. พระปริวรรตมติประติเวธาธิคมะตถาคต แห่งวิชัยะโลกธาตุทิศตะวันออก
2. พระประภาโฆเษศวระตถาคต แห่งสุรัตนะโลกธาตุทิศตะวันออก
3. พระสุวรรณสิทธิตถาคต แห่งปูรณมณีโลกธาตุทิศตะวันออก
4. พระวิชัยศรีตถาคต แห่งอโศกะโลกธาตุทิศตะวันออก
5. พระไวปุลยชญานวิภาคะตถาคต แห่งธรรมมติโลกธาตุทิศตะวันออก
6. พระธรรมสาครวิกรานตะตถาคต แห่งธรรมมติโลกธาตุทิศตะวันออก
7. พระไภษัชยไวฑูรย์ประภาราชาตถาคต แห่งปูรณจันทระโลกธาตุทิศตะวันออก
8. พระปัทมครรภวยูหะโพธิสัตว์ แห่งสุนันทะโลกธาตุทิศตะวันตก
9. พระสุเขศวระโพธิสัตว์ แห่งสุปูรณะโลกธาตุทิศตะวันตก

ส่วนรูปเคารพที่นิยมสร้างกันคือ ชายชราเคราดำสวมเสื้อแดง (ปักเต้าแชกุน) และชายชราเคราขาวสวมเสื้อดำ (หน่ำเต้าแชกุน)
นอกจากนี้คนจีนยังนับถือกันอีกว่า ดาวฤกษ์ทั้งเก้าดวงมีกำเนิดจากมารีจีโพธิสัตว์ หรือมารดาแห่งแสงสว่างและหมู่ดาวฤกษ์ ที่ชาวจีนเรียกกันว่า เต้าบ้อ ครับ

▼เต้าบ๊อ
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/467255543374641/?type=3

▼ปักเต้าแชกุน
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/766999703400222/?type=3&theater

▼หน่ำเต้าแชกุน
https://www.facebook.com/chn.gods/photos/a.466202040146658.1073741826.397028547064008/767205490046310/?type=3&theater

12/06/2018

เต๋าเต็ง (斗灯 / 斗燈) ตอนที่ 2 เข้าเรื่อง

พิธีบูชาดาวปักเต้าในสมัยก่อน คนจีนนิยมจัดโคมไฟหรือตะเกียง 9 ดวง เพื่อเป็นตัวแทนของกิ้วอ้วงครับ นอกจากนี้ก็มีของมงคลต่างๆ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เต๋าเต็งครับ

เต๋าเต็งคืออะไร?
เต๋าเต็งคือภาชนะที่เอาไว้ใส่ของมงคลต่างๆลงไป และจะทำการตกแต่งเต๋าเต็งให้สวยงาม บางบ้านก็เอากระดาษมาทำหลังคาเป็นเก๋งแบบจีนให้เต๋าเต็งด้วยครับ

แล้วเอาอะไรใส่ในเต๋าเต็งบ้าง??
◎ ทะนานข้าว (米斗) ในงานนี้นิยมใช้แบบกลม เพราะหมายถึงสวรรค์ครับ
◎ ตะเกียง (灯・燈) ความสว่างของดวงไฟจากตะเกียง เป็นสัญลักษณ์แทนแสงสว่างของพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว
◎ ข้าวสาร (米) เป็นสัญลักษณ์แทนดวงดาวทั้งหลายในจักรวาล ธัญญาหารทั้ง ๕ บริบูรณ์
◎ ไม้บรรทัด (尺) เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไม้ ทั้ง 4 ฤดูไม่มีภัยพิบัติ และเทศกาลทั้ง 8 ล้วนสุขสันต์
◎ ตาชั่ง (秤) เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุทอง (คนจีนหมายถึงโลหะนะครับ ไม่ได้หมายถึงทองคำ) หมายถึง ความเที่ยงตรง คำว่า ตราชั่ง ในภาษาจีนออกเสียงตรงกับคำว่า เพ้ง ที่แปลว่า สงบสุขด้วย
◎ กรรไกร (剪刀) เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ นอกจากนี้กรรไกรยังเหมือนปากนกที่ไว้ตัดสิ่งอัปมงคลด้วย
◎ กระจก (斗镜・斗鏡) เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุน้ำ เพราะกระจกคล้ายกับกระดองเต่า แสงสะท้อนของกระจก มีความหมายว่า ส่องสว่างและขับไล่สิ่งชั่วร้าย ความกลมของกระจก หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์พร้อมหน้า
◎ ลูกคิด (算盘・算盤) หมายถึง ความเที่ยงตรง อีกทั้งยังหมายถึง กิจการค้าเจริญรุ่งเรือง
◎ พู่กัน (毛笔) เป็นสัญลักษณ์ของการเรียน อวยพรให้การศึกษาเล่าเรียนก้าวหน้า
◎ กระบี่ (剑・劍) สัญลักษณ์ของอาวุธปราบมารร้าย
◎ ร่ม (伞・傘) คือมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษา

ตำแหน่งในเต๋าเต็ง?
การจัดวางอาจจะไม่เหมือนกันตามท้องถิ่นนะครับ
แต่ถ้าหลักๆแล้วก็ตามนี้เลย
- ข้าวสาร ใส่ลงไปข้างในให้เป็นฐานสำหรับวางสิ่งของต่าง ๆ
- ตะเกียง เติมน้ำมันจุดไฟตลอดเวลาไม่ให้ดับ
- ไม้บรรทัด วางอยู่ทางทิศตะวันออก คือ ทางขวา
- คันชั่ง วางอยู่ทางทิศตะวันตก คือ ทางซ้าย
- กรรไกร เสียบโดยเอาด้ามขึ้นทางทิศใต้ คือ ทางด้านหน้า
- กระจกเงา ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ คือ ด้านหลัง
- กระบี่ และ ร่ม จะปักไว้ด้านข้าง
- ลูกคิด และ พู่กัน ก็จะวางอยู่ภายในตรงกลาง

เต๋าเต็ง ถือเป็นที่สถิตย์ขององค์กิ่วอ้วงตลอดช่วงเทศกาลกินเจด้วยครับ เพราะฉะนั้นถือเป็นของสูงที่จะต้องมีการผลัดเวรกันมาดูแลเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ตะเกียงน้ำมันดับตลอดช่วงเทศกาล นอกจากนี้ยังห้ามผู้หญิงและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้เป็นอันขาดด้วย

เต๋าเต็งที่มีดวงตะเกียง 9 ดวง เป็นที่ใช้เฉพาะกิจในเทศกาลกินเจ หากไม่มีตะเกียงก็จะเป็นของเซ่นไหว้เรียก บี๋เต้า ครับ อันนี้เป็นวัฒนธรรมเฉพาะท้องถิ่นแถบเมืองแต้จิ๋ว-ฮกเกี้ยน ในอดีตเมื่อมีการไหว้เจ้าประจำปีในช่วงหลังปีใหม่หรือสิ้นปี กรรมการจัดงานจะจัดเตรียมบี๋เต้าส่งมอบเป็นสมนาคุณแก่เถ่านั้งหลังเสร็จงานเพื่อเป็นศิริมงคล

เตาเต็ง และเครื่องบริวารมีความหมายของมันทั้งส่วนที่เปิดเผยทั่วไปและส่วนที่เป็นรหัสลับ ส่วนเปิดเผยจะเป็นสาระในแง่ศิริมงคล ส่วนด้านรหัสลับจะมีความหมายเกี่ยวเนื่องด้วยรหัสส่งเสริมความคิดในการล้มล้างระบบอำนาจที่ไม่ชอบธรรมของระบบแบบอั่งยี่ ซึ่งจะเฉลยสืบทอดกันแต่ในหมู่สมาชิกเท่านั้นครับ

12/06/2018

โป๊ยโจ่ย (八节) เทศกาลไหว้เจ้าทั้ง 8 ใน 1 ปี

โป๊ยโจ่ยชื่อเต็มๆคือ “เตี่ยจิวสี่นี้โป๊ยโจ่ย” (潮州时年八节) ครับ
ชาวจีนแต้จิ๋วในเมืองไทยนั้นมีการไหว้เจ้าเทศกาลต่างๆมากมายหลายครั้งเลย ลูกหลานชาวจีนหลายๆคนก็ไม่เคยนับว่าปีๆนึงนั้นมีไหว้ใหญ่ๆถึง 8 ครั้งด้วยกัน ประกอบไปด้วย

① ง่วงตั้งโจ่ย หรือ ชุงโจ่ย (春节)
ไหว้ในวันตรุษจีนหรือวันขึ้นปีใหม่จีนไงครับ ลูกหลานแต้จิ๋วมักเรียกกันว่าก๋วยนี้ (过年) ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 (ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน)

② ง่วงเซียวโจ่ย หรือ หง่วงเซียว (元宵)
ถือเป็นสารทแรกหลังจากตรุษจีน ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 (ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน)

③ ไหว้เช็งเม้ง หรือ เช็งเม้ง (清明)
อันนี้คนไทยน่าจะรู้จักกันดี คือการไปไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ยครับ จริงๆแล้วจะไหว้ประมาณ 4-6 เมษายนของทุกๆปี (แล้วแต่ปฏิทินจันทรคติ) แต่ปัจจุบันลูกหลานจีนก็ไปกันตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมละครับ

④ โหงวเหว่ยโจ่ย (五月节) หรือ ตวงโง่ว (端午)
ไหว้ขนมจ้างหรือบะจ่างครับ ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 (ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน)

⑤ ตงง้วงโจ่ย หรือ ตงง้วง (中元)
ไหว้สารทจีน ภาษาแต่จิ๋วเรียกว่าชิกเหงวะปั่ว (七月半) ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 (ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน)

⑥ ตงชิวโจ่ย หรือ ตงชิว (中秋)
ไหว้พระจันทร์ครับ ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 (ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน)

⑦ ไหว้ตังโจ่ย หรือ ตังโจ่ย (冬节)
ไหว้ขนมอี๋ ในเดือน 11 แต่ไม่มีกำหนดวันแน่นอนครับ

⑧ ก๊วยนี้โจ่ย หรือ ตี่อเส็ก (除夕)
ไหว้สิ้นปี ในเดือน 12 อาจจะเป็นวันที่ 29 หรือ 30 (ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน)

ปล. ลองสังเกตดูนะครับว่าเทศกาลกินเจเดือน 9 นั้น ไม่ได้เป็นการไหว้หลักของคนจีนเลย เราจึงเรียกเทศกาลกินเจว่าเก๋าเหงะแจ (九月斋) ไม่ได้เรียก เก๋าเหงะโจ่ย (九月节)

12/06/2018

ไท้อิดจินหยิน (太乙真人) ตอนที่ 1

ถ้าคนที่เคยอ่านห้องสิน ก็จะรู้จักท่านในนามอาจารย์ของเทพนาจา รูปลักษณ์เป็นมหาบุรุษนั่งอยู่บนอาสน์ 9 สี ที่อยู่บนราชสีห์ 9 เศียร มีรัศมีเปล่งประกายออกมา รัศมีทั้ง 9 แผ่ออกไปหมื่นทิศ (ตามตำราเต้าเจี้ยวหลิงเอี้ยนจี้ หรือโตวก่าวเหลงเงี่ยมกี่ (道教灵验记) ได้อธิบายไว้แบบนี้แหละครับ)
แต่ก่อนจะพูดถึงห้องสิน ผมขอเล่าถึงประวัติของท่านก่อนครับ

ว่ากันว่าในสมัยโบราณนั้นมีอติเทพของจีนอยู่ 3 องค์ ความเชื่อแบบนี้มีมากว่า 4,000 ปีเลยครับ พูดง่ายๆก็คือมีก่อนศาสนาเต๋าจะเกิดอีก
3 องค์ ที่ว่าก็คือ ไท่อี่ (太乙) เทียนอี่ (天乙) และตี้อี่ (地乙)

ซึ่งไท่อี่ก็คือเทพ ไท่อี่จิ้วขู่เทียนจุน (太乙救苦天尊) หรือไท่อิดกิ้วโค่วเทียนจุนในศาสนาเต๋านั่นแหละครับ ที่มาของไท่อี่ก็มาจากดาราศาสตร์ คนโบราณเชื่อกันว่าเทพไท่อี่นั้นเป็นเทพใหญ่ผู้ช่วยเง็กเซียนบนสวรรค์

ในปัจจุบันดาวไท่อี่คือดาวอะไร??
คือ... ดาวดวงแรกของกลุ่มดาวมังกรครับ
พอถึงสมัยราชวงศ์ฮั่น หลังจากศาสนาเต๋าถือกำเนิดขึ้นแล้ว เทพไท่อี่ก็ได้ถูกเอาเข้ามารวมอยู่ในศาสนาเต๋าด้วย

ในคัมภีร์ไท่อีจิ้วขู่หู้เซินเมี้ยวจิง (太乙救苦护身妙经) ได้เขียนไว้ว่า ไท่อี่นั้นมีชื่ออย่างเป็นทางการเลยว่า "ตงจี๋ชิงฮฺว๋าต้าตี้" (东极青华大帝) หรือตังเก็กเชงฮั๊วไต่เต่ เป็นมหาเทพทางทิศตะวันออกโดยจากการแบ่งภาคของเทพชิงเสวียนสั้งตี้ หรือเชงเฮี่ยนส่งเต่ (青玄上帝) เพื่อลงมาช่วยสรรพสัตว์ใน 10 ทิศ เลยมีอีกชื่อนึงว่า สือฟางจิ้วขู่เทียนจุน หรือสิบฮงกิ่วโค่วเทียนจุน (十方救苦天尊) ครับ
บางตำรายังบอกอีกด้วยว่า ท่านเป็นร่างแบ่งของเสวียนเที่ยนสั้งตี้ หรือเฮี่ยนเทียนส่งเต่ (玄天上帝)

ส่วนในห้องสินนั้น ไท้อิดจินหยินเป็นหนึ่งในนักพรตที่บำเพ็ญเพียรอยู่บนเข้าคุณหลุน มีอาวุธเด็ดๆเลยคือ โคม 9 มังกรอัคคี (อันนี้ก็ได้มอบให้นาจาไปภายหลัง)
นอกจากนี้ศาสนาเต๋ายังบอกอีกด้วยว่าพญายมทั้ง 10 ขุมนั้น ก็เกิดจากการแบ่งภาคของไท้อิดจินหยินด้วยครับ

ส่วนในพิธีศพของเต๋าก็ต้องมีการเชิญไท้อิดจินหยิน เนื่องจากท่านเป็นเทพที่ถูกผสมผสานของอวโลกิเตศวรโพธิสัตย์และพระกษิติครรภโพธิสัตย์ เพราะว่าท่านจะคอยช่วยเหลือทั้งคนเป็นและคนตาย

วันสำคัญของท่านคือ วันที่ 11 เดือน 10 ของจีน

ที่อยู่

Chon Buri
20000

เบอร์โทรศัพท์

0800150644

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Feng Shui Wisdom 91 Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Feng Shui Wisdom 91 Thailand:

แชร์


Chon Buri สำนักงานตัวแทนจัดการท่องเที่ยวอื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด

คุณอาจจะชอบ