Jalan jalan Travel ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Jalan jalan Travel, Nakhon Lampang.

03/05/2019

สมมติว่าคุณซื้อหุ้นแอปเปิล 1,000 เหรียญหรือราวๆ 32,000 บาท เมื่อปี 2009, คุณควรจะได้รับเงินเท่าไรในปีปัจจุบัน?

มูลค่าหุ้นแอปเปิลได้เพิ่มขึ้นถึง 5% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา, ตามผลการรายงานของรายรับแอปเปิลเองเมื่อวันอังคาร, ด้วยราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่เหวี่ยงขึ้นไปถึง 210 ดอลล่าห์เลยทีเดียว!

https://thedisruptor24hrs1.wixsite.com/news/post/who-s-in-your-bracket

30/04/2019

สมมติว่าคุณซื้อหุ้นแอมะซอน 1,000 เหรียญหรือราวๆ 32,000 บาท เมื่อสักสิบปีที่แล้ว, คุณควรจะได้รับเงินเท่าไรในปัจจุบัน?

ด้วยมูลค่าหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน สามารถที่จะอธิบายได้ทันทีเลยว่าทำไมผู้ก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารองค์กรยักษ์อย่างเจ็ฟ แบซอส จึงถูกประเมินว่ามีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันทั้งสิ้นในเวลานี้กว่าเก้าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐเข้าไปแล้ว!

(มาดูกันว่าคุณน่าจะได้สักเท่าไรกัน?-ตามลิ้งค์เลย)
https://thedisruptor24hrs1.wixsite.com/news/post/chicago-to-win-world-series-1

29/04/2019
22/04/2019

อิลอน มัสก์ เจ้าของ SpaceX ถึงกับสะอึก! เมื่อเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการทดสอบแคปซูลที่ฟลอริดา!

ในระหว่างที่ SpaceX กำลังทดสอบเครื่องยนต์เครื่องหนึ่งของจรวดแคปซูลทั้งหมดหรือที่เรียกว่า Crew Dragon capsules ที่สถานี Cape Canaveral Air Force ในรัฐฟลอริดาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น อิลอน มัสก์ถึงกับต้องสะอึกเพราะมันได้เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ (anomaly) ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นได้กับเขา

https://thedisruptor24hrs1.wixsite.com/news/post/how-to-win-the-younger-vote

25/03/2019
12/03/2019

การแข่งขันโดรนบินแบบมืออาชีพ (Drone Racing League : DRL)

DSL เป็นการแข่งขันโดรนบินของมืออาชีพในระดับโลกโดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่เรียกว่านักบิน (pilots) นั้นจะต้องลงแข่งด้วยตัวเองเพียงลำพัง (First-peson view : FPV) พร้อมด้วยอุปกรณ์การแข่งอันได้แก่เครื่องโดรนบินที่สร้างขึ้นเองซึ่งต้องมีความเร็วเกิน 80 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไปและสนามแข่งจะเป็นรูปแบบสามมิติตามแต่ผู้จัดการแข่งขันจะกำหนดให้ หนังสือพิมพ์ Quartz ก็ได้บรรยายลักษณะของการแข่ง DSL นี้ว่า "มันเหมือนกับการแข่ง pod-racing ในหนังสตาร์วอร์สเป๊ะเลย!"

การแข่งขัน DSL นี้จริงๆเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2015 แล้วแต่เพิ่งถูกจัดขึ้นเป็นอย่างทางการก็ในเดือนมกราคม ปี 2016 ที่ผ่านมานี่เอง โดยจะมีการถ่ายทอด DSL ผ่านทางช่องทางต่างๆเช่น ESPN, Sky Sports, ProSiebenSat.1, FOX Sports Asia, OSN และ Disney XD เป็นต้น

ส่วนสนามแข่งขันก็จะถูกกำหนดโดยผู้จัดฯซึ่งทัวร์นาเม้นต์ปัจจุบันได้เข้าสู่ฤดูกาลแข่งขันครั้งที่สามแล้วโดยมีชื่อของทัวร์นาเม้นต์ประจำฤดูกาลนี้ว่า Aliianz World Championship Season ซึ่งจะต้องแข่งขันกันถึงเจ็ดสนามแข่งในสามเมืองที่สำคัญของโลกด้วยกันคือ สนาม Aliianz Riviera ในเมืองนีซประเทศฝรั่งเศส, สนาม BMW Welt ในกรุงมิวนิคประเทศเยอรมันนีและก็สนาม The Adventuredome ในเมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา

สำหรับการแข่ง DSL ในยุคปัจจุบันนักแข่งได้เริ่มมีการใช้วงจรของหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Robotic Racing Circuit) รวมไปถึงชุดควบคุมโดรนแบบอัตโนมัติ (autonomous drone racing series) เข้ามาช่วยในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น ยังไม่พอทางผู้จัดเองก็ยังได้เชิญชวนทีมพัฒนาโดรนจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกรวมไปถึงนักพัฒนาเทคโนโลยีจากทุกมุมโลกมาช่วยกันออกแบบโดรนบนระบบ AI เพื่อทำให้โดรนนั้นสามารถที่จะบินผ่านสนามแข่งขันต่างๆได้โดยปราศจากการควบคุมของมนุษย์ (พูดง่ายๆก็คือให้โดรนตัดสินใจเลือกเส้นทางบินเองและก็เลือกทำความเร็วได้ด้วยตัวเอง~ผู้แปล) ซึ่งทางผู้จัดการแข่งขัน DSL ก็จะมีเงินรางวัลให้ผู้ที่สามารถพัฒนาความสามารถโดรนตรงนี้ด้วยน่ะ..ว้าว!

Credit : https://thedroneracingleague.com/

E-bike Desert Challenge : การแข่งขันจักรยานเสือภูเขาไฟฟ้า
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1155176911802033620

ติดตามทางบล็อค
https://digitalarticlewow.blogspot.com/2019/01/

ติดตามทางเฟสบุ้ค
https://m.facebook.com/DigitalArtWOW/

#ดิจิทัลอาร์ตว้าว
#ดิจิทัลอาร์ทิเคิลว้าว


#คุยข่าวทันโลกดิจิทัล

‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ไลน์สแควร์ที่แชทคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางโลกไอทีกันทุกวัน ไร้วันหยุด สนุกจริงๆ
https://line.me/ti/g2/5XEjGt21Fo4ojjo9OOEHpARxq5OGDApA51DAfLbOOjREY6otKlRQHHPJo5-pnZCs
(หรือพิมพ์คำว่า ‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ที่ช่องค้นหาก็ได้ครับ)

06/03/2019

เมื่อสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนไป : สายการบินใดที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้น้อยที่สุด? (least carbon emissions)

สำหรับบริษัทสายการบินที่ได้ชื่อว่ามีแผนการลดปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่แย่ที่สุดมีดังต่อไปนี้ สายการบินแอร์ไชน่า (Air China), สายการบินไชน่าเซ้าท์เทิร์น (China Southern), สายการบินเกาหลี (Korean Air), สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) และสายการบินตุรกี (Turkish Airlines)

สำหรับสายการบิน EasyJet เองได้รับการคาดหมายว่าจะสามารถปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนเหลือเพียง 75g ต่อผู้โดยสารต่อกิโลเมตรภายในสิ้นปี 2020 นี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับสายการบินเกาหลีที่ยังคงสูงถึง 172g

ขณะที่กลุ่มสายการบินนานาชาติหรือ International Airlines Group (IAG) ซึ่งมีสายการบินอังกฤษ (British Airways) รวมอยู่ด้วยก็ยังถูกคาดหมายว่าจะสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนสูงกว่าถึง 112g เลยทีเดียว

สรุปว่าหากคุณนั่งเครื่อง EasyJet ก็เท่ากับว่าคุณได้ช่วยลดภาวะวิกฤตฝุ่นละอองของโลกไปได้มากและยังจะช่วย save อีกหลายล้านชีวิตบนโลกเลยทีเดียว..ว้าว!

Credit : https://www.bbc.com/news/science-environment-47460958

ติดตามทางบล็อค
https://digitalarticlewow.blogspot.com/2019/01/

ติดตามทางเฟสบุ้ค
https://m.facebook.com/DigitalArtWOW/

#ดิจิทัลอาร์ตว้าว
#ดิจิทัลอาร์ทิเคิลว้าว


#คุยข่าวทันโลกดิจิทัล

หรือติดตามทางไลน์สแควร์ ‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ไลน์สแควร์ที่แชทคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางโลกไอทีกันทุกวัน ไร้วันหยุด สนุกจริงๆ
https://line.me/ti/g2/5XEjGt21Fo4ojjo9OOEHpARxq5OGDApA51DAfLbOOjREY6otKlRQHHPJo5-pnZCs
(หรือพิมพ์คำว่า ‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ที่ช่องค้นหาก็ได้ครับ)

18/02/2019

‘มันจะต้องเป็นฝีมือของรัฐบาลต่างชาติที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างแน่นอน ‘(cyberattack on Australian lawmakers), นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคำราม!

เหตุการณ์โจมตีระบบเครือข่ายของสำนักงานกฏหมายออสเตรเลียที่เกิดขึ้นในเดือนนี้น่าจะเป็นฝีมือของรัฐบาลต่างชาติซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่สามารถระบุตัวได้, นายสก็อต มอร์ริสสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้พูดเมื่อเช้าวันจันทร์นี้และเขายังได้เพิ่มเติมอีกว่าข้อมูลเครือข่ายของพรรคการเมืองที่สำคัญต่างๆก็โดนเจาะเพื่อเข้าดูข้อมูลการเลือกตั้งที่จะมาถึงในเดือนพฤษภาคมนี้ด้วยเช่นเดียวกัน!

สำนักงานกฎหมายของออสเตรเลียได้ถูกแจ้งให้เปลี่ยนพาสเวิร์ดอย่างเร่งด่วนภายหลังจากที่หน่วยงานทางไซเบอร์ของออสเตรเลีย (Australia's cyber intelligence agency) ได้ตรวจพบว่ามีการโจมตีและการพยายามเจาะเข้าฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์เครือข่ายของรัฐสภาแห่งชาติ (National parliament's computer networks)

"ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไซเบอร์ของเราเชื่อว่ารัฐที่ทำตัวเป็นนักแสดงอันซับซ้อน (a sophisticated state actor) จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการกระทำอันมุ่งร้ายนี้ (malicious activity)" นายกสก็อตกล่าวกับรัฐสภาออสเตรเลีย

นายกสก็อต มอร์ริสสันยังไม่ได้เอ่ยนามผู้ต้องสงสัยใดๆเนื่องจากว่าเขาเองก็ยังไม่พบหลักฐานในการเจาะข้อมูลของการเลือกตั้งในครั้งนี้ ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ทางฝ่ายรัฐบาลออสเตรเลียเองกลับออกมาบอกว่าประเทศจีน ประเทศรัสเซียและประเทศอิหร่าน รัฐบาลของทั้งสามประเทศนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะอยู่เบื้องหลังการโจมตีระบบเครือข่ายระบบการเลือกตั้งในครั้งนี้ของออสเตรเลีย!..โว้วว

Credit : https://www.cnbc.com/2019/02/18/foreign-government-behind-cyberattack-on-australia-pm-scott-morrison.html

เฟสบุ้คตั้ง’วอร์รูม’เพื่อการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1154874762202033858

หว้าเวย์ (Huawei) ไม่ง้อ..ก็แค่ย้ายฐานผลิต!
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1154822704402031342

หว้าเวย์ (Huawei) ไล่พนักงานสาขาโปแลนด์ออก..เซ่นสงครามเศรษฐกิจสหรัฐ-จีน!
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1154745297802038398

ติดตามทางบล็อค
https://digitalarticlewow.blogspot.com/2019/01/

ติดตามทางเฟสบุ้ค
https://m.facebook.com/DigitalArtWOW/

#ดิจิทัลอาร์ตว้าว
#ดิจิทัลอาร์ทิเคิลว้าว


#คุยข่าวทันโลกดิจิทัล

หรือติดตามทางไลน์สแควร์ ‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ไลน์สแควร์ที่แชทคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางโลกไอทีกันทุกวัน ไร้วันหยุด สนุกจริงๆ
https://line.me/ti/g2/5XEjGt21Fo4ojjo9OOEHpARxq5OGDApA51DAfLbOOjREY6otKlRQHHPJo5-pnZCs
(หรือพิมพ์คำว่า ‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ที่ช่องค้นหาก็ได้ครับ)

17/02/2019

Dirty Town : เกมส์กลคนโกง The Series

บทที่หนึ่ง : เขาชื่อ..ปิยะ แซ่โง้ว (ตอน02)


(ต่อจากตอน01)

“ไปสถานีตำรวจหน่อย”

ปิยะโบกตุ๊กตุ๊กคันที่คนขับดูจะมีอายุสักหน่อย แต่สภาพของปิยะในตอนนี้ดูเปลี่ยนไปจากเดิมคือใส่วิกผมยาวประบ่า สวมแว่นตาดำ หนวดเคราปลอมดูรกหูรกตาและสวมหมวกแก็บสีขาว ส่วนเสื้อที่เขาสวมก็เป็นเสื้อยีนส์แขนยาวติดกระดุมที่ข้อมือ กางเกงและรองเท้ายังคงเป็นตัวเดิมที่เคยใส่ประจำ

“ถึงแล้วครับ..สถานีตำรวจภูธร..สี่สิบบาทครับ” ลุงโชเฟอร์หันมาบอกปิยะซึ่งนั่งอยู่เบาะตอนหลังของรถ

​ปิยะเดินก้มหน้าขึ้นบันไดแล้วมุ่งตรงไปยังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีตำรวจหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หลังเคาท์เตอร์แล้ว

​“ผมขอพบร้อยเวรที่ทำคดีคนต่างด้าวหน่อยครับ พอดีจะขอคำปรึกษา”

​“อ๋อ มีหลายท่านที่ทำคดีนี้ค่ะ ไม่ทราบอยู่พื้นที่ไหนค่ะ จะได้แนะนำถูก”

​“แถวสถานีขนส่งครับ”

​“เป็นท่านผู้กองถวิล หาญประจักษ์น่ะค่ะ เดี๋ยวขอเช็คก่อนว่าท่านจะอยู่ไหม” แล้วเธอก็ก้มลงกดปุ่มตัวเลขภายในบนโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ใต้เคาท์เตอร์นั่น ทันใดนั้นทางปลายสายก็ยกหูขึ้นรับพอดี

​“ผู้กองถวิลค่ะ มีคนต้องการที่จะพบค่ะ”

​“ใครเหรอ มีธุระอะไร”

​“เดี๋ยวถือหูรอสักครู่น่ะค่ะ..เอ้อ..คุณ อ้าวหายไปไหนเสียแล้วล่ะ..”

​ปิยะรีบเบี่ยงตัวเองออกไปหลบอยู่ตรงซอกใต้บันไดขึ้นชั้นสอง ที่นั่นมีเครื่องถ่ายเอกสารบังตัวเขาอยู่พอดี แล้วเขาก็ใช้มือถือสองจีของเขากดตัวเลขภายในที่เขาเพิ่งจะลอบชำเลืองดูเมื่อสักครู่นี้

​“ว่าไง” ผู้กองรับสายด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นเคย

​“สวัสดีครับ ผู้กองถวิลใช่ไหมครับ”

​“อ่า..ใช่ครับผมร้อยตำรวจเอกถวิล หาญประจักษ์พูดสาย..มีอะไรหรือครับ”

​“ผมมีข่าวไม่ชอบมาพากลของแรงงานต่างด้าวที่ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว..มาแจ้งครับ”

​“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ”

​“ผมพูดอะไรมากตอนนี้ไม่ได้เพราะหลักฐานยังไม่ชัดเจนพอแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นที่นั่นจากสาเหตุการฉ้อโกงของใครบางคนครับ”

​“งั้นผมขอชื่อและเบอร์โทรกลับของคุณด้วยสิคุณ..เอ้อ..”

​“ผม..ปิยะ แซ่โง้ว ส่วนเบอร์โทรผมค่อยแจ้งอีกที ตอนนี้ผมต้องรีบไปแล้ว” ปิยะกดปุ่มวางสายพร้อมนิ่งรอดูความเคลื่อนไหว สักพักเขาก็สังเกตเห็นชายวัยกลางคนท่าทางทะมัดทะแมงเปิดประตูห้องผู้กองถวิลเข้าไปได้ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดี เขารีบจ้ำอ้าวแบบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ทางออกของสถานี ปิยะไม่รอช้ารีบย่องตามหลังไปแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว แต่ก่อนที่ปิยะจะก้าวลงบันไดสถานีตำรวจภูธรแห่งนั้น พลันมีเสียงเรียกตามหลังเขามาว่า

​“เดี๋ยวค่ะๆคุณ..ดิฉันติดต่อผู้กองถวิลให้แล้วน่ะค่ะ กรุณารอสักครู่..ท่านกำลังจะออกมาพอดีเลย”

​“อ๋อ..ไม่เป็นไรครับ ผมคุยกับท่านแล้วล่ะ..ขอบคุณ” ปิยะหยุดตอบโดยไม่ทันหันกลับมามองเจ้าของเสียงเพราะสายตาจับจ้องอยู่ที่เป้าหมายเบื้องหน้าของเขาซึ่งตอนนี้เข้าไปนั่งในรถเก๋งโตโยต้าวีออสสีขาว ไวเท่าความคิดปิยะวิ่งลัดตัดสนามหญ้าด้านข้างสถานีแล้วกระโดดข้ามรั้วสถานีที่ไม่สูงมากนักและตรงข้างนอกนั่นมีตุ๊กตุ๊กจอดรอผู้โดยสารอยู่แล้วหนึ่งคัน

​“ตามรถเก๋งสีขาวคันนั้นไป” ปิยะกระโดดขึ้นนั่งตอนหลังของตุ๊กตุ๊กแล้วนึกถึงตำรวจหญิงคนนั้นปิยะเองคิดว่าเธอทำหน้าที่ได้ดีสมกับเป็นสโลแกนของสถานีตำรวจภูธรแห่งนั้นว่า ‘บริการดุจญาติ พิทักษ์ราษฎร์ดุจครอบครัว’ และปิยะยังเชื่อต่อไปอีกว่าหากข้าราชการทุกคนเอาใจใส่งานที่ตัวเองทำอยู่เหมือนอย่างที่ตำรวจหญิงผู้นี้ทำแล้ว..ประเทศชาติจะน่าอยู่ขึ้นสักเพียงไร

​“พวกมึงทำงานประสาอะไรกันว่ะ..ปล่อยให้เรื่องซวยๆไปถึงนายกูจนได้” ชายคนขับวีออสสีขาวตวาดเสียงเข้มใส่หน้าไอ้ยักษ์ ไอ้หน้าบากและไอ้หน้าแหลม ด้วยสีหน้าที่โกรธจัดจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ

​“มีคนโทรไปฟ้องเจ้านายกูว่าพวกมึงไปโกงคนงาน”

ทั้งสี่คนอยู่ในโกดังร้างที่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรและก็น่าจะไกลเกินพอที่จะมีใครมาแอบได้ยินระหว่างเขากับไอ้สามคนนั่น แต่ก็หารู้ไม่ว่าปิยะได้ซ่อนตัวหลบอยู่แถวนั้นตั้งนานแล้วและน่าจะนานพอก่อนที่ไอ้สามตัวนั่นจะโผล่หน้ามาอีกเสียด้วย

​“ต้องเป็นไอ้เด็กเวรนั่นแน่แน่เลย” ไอ้หน้าแหลมนัยตาหล่อกแหล่กหมายถึงคนงานต่างด้าวที่ลูกพี่มันเพิ่งถีบอกจนกระเด็นเมื่อเช้านี้

​“โธ่..พี่เรื่องมันเล็กนิดเดียว..ไม่มีอะไรหร็อก” ไอ้หน้าบากผมยาวประบ่าดูท่าทางจะใจเย็นกว่าเพื่อน

​“ยังไงว่ะ ที่มึงบอกไม่มีอะไรน่ะ” ชายขับวีออสถามไปจุดบุหรี่สูบไป

​“ก็เรื่องมันเคลียร์กันลงตัวเมื่อเช้านี้แล้วไง หากมันคาบข่าวไปบอกตำรวจจริง ตัวมันเองน่ะแหล่ะที่จะโดนเล่นงาน” ไอ้ยักษ์ได้ทีขอพูดขึ้นบ้าง

​“แล้วใครกันว่ะที่ชื่อปิยะ แซ่โง้วโทรไปหาเจ้านายกูเมื่อเช้านี้”
.....................................

ทั้งสี่มาถึงสถานีตำรวจภูธรแห่งนั้นอีกครั้งหลังจากผู้กองถวิลโทรกลับไปบอกชายคนขับวีออสว่าเขามีข้อมูลของคนที่ชื่อปิยะ แซ่โง้วแล้ว ชายคนขับวีออสนั้นดูท่าทางน่าจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบและกำลังเดินนำไอ้สามตัวนั่นกลับมาที่โต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับเปิดทีวีดูภาพวงจรปิดตามที่ผู้กองถวิลแนะนำ

​“เฮ้ย..นั่นไงไอ้ผมยาวใส่หมวกแก็ปสีขาวนั่นใช่มันเลย”

​“เห็นหน้าไม่ชัดเลย มันหลบมุมกล้องเสียด้วย” ชายคนขับวีออสบ่นพึมพัม

​“ท่าทางจะไม่สวยซะแล้วงานนี้” ชายวีออสคิดในใจ ทันใดเขาก็ต่อสายคุยกับใครบางคนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม สักพักก็วางสายพร้อมกับพยักหน้าเรียกไอ้สามคนนั่นเข้ามาใกล้แล้วพูดเหมือนจะกระซิบ

​“ข้างบนสั่งให้จัดหนักกับโครงการฯของพวกมึง..พวกมึงจะว่ายังไง”

คำว่าจัดหนักก็คือการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากวาดล้างหรือจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเหล่านั้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของโครงการนั้นทันที เช่น ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก เจ้าของขาดรายได้ประจำและต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น เป็นต้น

​“เสี่ยเค้าจะยอมเหรอ..อย่าลืมว่าเสี่ยจ่ายเจ้านายพี่ทุกรอบไม่เคยขาดน่ะ” ไอ้หน้าบากหัวหมอออกปากแทนเจ้านายมันบ้าง

​“เออ..เรื่องนั้นกูเข้าใจ แต่ทำไงได้ว่ะก็เบื้องบนเค้าสั่งมาแบบนี้นี่นา”

​“พี่ต้องคุยกับเจ้านายพี่เอง แล้วผมคิดว่าเสี่ยศักดิ์สิทธิ์เขาไม่ยอมแน่” ไอ้หน้าบากยืนกราน

​ชายขับวีออสถอนหายใจหนักแล้วกดปุ่มต่อสายอีกรอบด้วยสีหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิมแต่หลังจากวางสายเขากลับมีสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนได้ยาดี

​“พวกกูจะเข้าจับตอนตีสาม..ให้พวกมึงเตรียมเหยื่อเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน..จะได้ไม่ต้องจับผิดตัว”

​คราวนี้ทั้งสามตัวก็หันหน้ามาปรึกษากันเองเพราะการที่จะไปขัดคำสั่งเบื้องบนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะกระทำ มันคล้ายเป็นนโยบายสร้างภาพด้วยการทำภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดีในสายตาประชาชนและโดยเฉพาะพวกฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจะจับผิดอย่างเอาเป็นเอาตาย นี่มันคือเกมส์กลระดับชาติที่ดูจะซับซ้อนยากเกินกว่าที่ประชาชนคนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจ เกมส์กลครั้งนี้ดูเหมือนว่าเสี่ยศักดิ์สิทธิ์เองอาจจะต้องเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจไปบ้างแต่เพื่อแลกกับการเอื้อผลประโยชน์ระดับชาติจากคนมีสีแล้วถือว่าคุ้มค่ามาก นี่คือเกมส์กลของคนโกงที่มีแฝงอยู่ในทุกระดับชั้นของสังคมไทยทุกวันนี้

​“เสี่ยแกโอเคแล้ว..เหลือแต่กูกับพวกมึงนี่แหล่ะจะเอาไงกันต่อดี” ไอ้หน้าบากหันมาคุยกับเพื่อนมันสองคน

​“เรื่องหาคนงานใหม่มาเสียบต่อชุดเก่าน่ะ..ไม่ต้องห่วง..กูเตรียมเอาไว้แล้ว” ไอ้หน้าแหลมทำตาเจ้าเล่ห์ออกตัวคนงานของมันหวังที่จะฮุบกินค่านายหน้าท่าเดียว

“เออเออ..กูรู้ ตานี้ยกให้มึงไปก่อนเพราะทีมกูยังไม่พร้อม ตาหน้าเป็นทีกูมั่งล่ะกัน” ไอ้ยักษ์ออกลวดลายไม่แพ้กัน

​“เอาล่ะ..เรื่องงานดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว..ทีนี้ก็เหลือเรื่องเหยื่อล่อติดขอเบ็ด” ไอ้หน้าบากหมายถึงคนงานต่างด้าวที่แสนซื่อพวกนั้นและพวกมันคิดที่จะโยนบาปไปให้!

​“จะไปยากอะไร..จัดยกชุดไปเลย ไหนๆชุดใหม่ก็คอยเสียบอยู่แล้ว” ไอ้หน้าแหลมดูจะโนสนโนแคร์หน้าไหนใครทั้งสิ้น

“กูคิดว่าพวกมึงน่าจะไปคุยกับไอ้โฟร์แมนมันดูก่อนไหมว่ะ” ไอ้หน้าบากเกรงว่าโฟร์แมนอาจไม่พอใจเรื่องนี้

​“ทำไมว่ะ..หรือว่ามันเป็นพ่อมึง” ไอ้ยักษ์แกล้งกระเซ้า

​“ไม่ใช่อย่างนั่น..กูหมายถึงว่าหากมันเกิดไม่พอใจพวกมึงขึ้นมาแล้วเสือกลาออกไปอีกคน..ทีนี้เสี่ยคงเอาพวกเราตายแน่”

ไอ้หน้าบากรีบกดมือถือโทรหาโฟร์แมนของมันทันที พอคุยกันได้สักพักก็กดปุ่มวางสายแล้วก็หันมาพูดกับไอ้สองตัวนั่น

​“มันโอเค..จัดได้เลยเต็มที่ เพราะกูบอกมันว่างานนี้กูมีเปอร์เซ็นต์ให้มันด้วย”

ไอ้หน้าบากหมายถึงเงินใต้โต๊ะหรือค่าน้ำร้อนน้ำชาหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่หรือหัวหน้างานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบราชการไทยถือว่าสิ่งนี้คือธรรมเนียมปฎิบัติ ไม่เว้นแม้กระทั่งภาคเอกชนอย่าง ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ แห่งนี้เช่นเดียวกัน
.....................................

​เสียงเดินเบาของเครื่องยนต์จนแทบไม่ได้ยินจากรถกระบะสามคันในยามวิกาล ทั้งสามคันเป็นสีขาวและมีตราโล่ห์ติดอยู่ด้านข้างคนขับ ตอนนี้ถูกขับอย่างช้าๆเลาะเลียบมาตามซอยเปลี่ยวที่ไม่มีแม้แต่เสาไฟฟ้า มันมืดสนิทและมืดเกินไปที่จะมีใครมาตั้งแคมป์พักคนงานอยู่แถวนี้

​“อีกห้านาทีจะตีสาม..ขอสัญญาณบุกด้วย” เจ้าหน้าที่รถกระบะคันหน้าสุดกระซิบผ่านไมค์วิทยุสื่อสารที่ติดตั้งอยู่ในรถ

“โอเค ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว..ให้ดับเครื่องยนต์แล้วรอคำสั่งเข้าจับกุมพร้อมกัน”

ตอนนี้ด้านนอกแคมป์พักคนงานต่างด้าวของ ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ เต็มไปด้วยกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณสักสามสิบกว่านาย

“เอาล่ะทุกคน..ลุย” สิ้นเสียงผู้กองถวิล ตำรวจนอกและในเครื่องแบบทุกนายต่างก็วิ่งกรูเข้าหาแค้มป์ที่พักชั่วคราวของคนงานทันที

“ตำรวจๆๆ..ตำรวจมา” เสียงใครคนหนึ่งในแคมป์ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง

เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้หมดทั้งแคมป์ เนื่องจากว่าไม่มีใครคาดคิดหรือรู้ตัวกันมาก่อนจึงทำให้การจับกุมเป็นไปโดยละม่อมและไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด

พอรุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งก็ลงข่าวพาดหัวประจำเช้าวันนี้ทันทีว่าร้อยตำรวจเอกถวิล หาญประจักษ์ได้นำทีมเข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายคาแค้มป์พักชั่วคราวนอกเมืองและรวบตัวได้ถึงหกสิบสามคน ขณะที่แหล่งข่าวเองก็ไม่ได้ระบุชื่อนายจ้างของแรงงานผิดกฎหมายเหล่านั้นแต่อย่างใด!

สุดท้ายแรงงานพม่าทั้งหมดเหล่านั้นก็จะถูกส่งกลับไปยังประเทศของตัวเองโดยที่จะไม่ได้รับเงินค่าจ้างเลยแม้บาทเดียว ทั้งๆที่พวกเขาสู้อุตส่าห์อดทนทำงานกันมาตลอดหนึ่งปีเต็ม นี่เท่ากับว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ หลอกใช้คนงานต่างด้าวทำงานให้ฟรีและยังไม่นับยอดเงินค้างจ่ายก่อนหน้านั้นอีกเพราะแรงงานพม่าหลายคนที่มาทำงานตั้งแต่เริ่มโครงการเมื่อต้นปีที่แล้วเสียด้วยซ้ำไป!

(โปรดติดตามตอน03)

ตอน01 :
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1154975138302035995

10/02/2019

Dirty Town : เกมส์กลคนโกง The Series

บทที่หนึ่ง : เขาชื่อ..ปิยะ แซ่โง้ว (มีทั้งหมด 4 ตอนด้วยกัน/วันนี้เสนอเป็นตอนแรก)



พนักงานคนขับรถบัสปรับอากาศสองชั้นกำลังหักเลี้ยวพวงมาลัยรถเข้ามาจอดยังช่องจอดของชานชาลาสถานีขนส่งจังหวัดอย่างชำนาญ หัวรถแนบสนิทกับบาทวิถี เสียงหม้อพักลมเบรคขนาดใหญ่เป่าลมออกด้านข้างรถดังฟู่พร้อมกับฝุ่นตลบฟุ้งออกไปตามแรงลมเป่าคล้ายกับจะทำความสะอาดช่องทางลงให้กับผู้โดยสารที่กำลังจะลงจากรถบัสคันดังกล่าว สักครู่ประตูอัตโนมัติก็เปิดอ้าออกมา

“เข้าในเมืองไม๊พี่ คิดไม่แพงๆ”

“สำหรับท่านที่จะต่อรถขึ้นเหนือ แม่สรวย แม่จันทร์ เชียงราย มาทางนี้เลยจร้า”

“ต่อคิว ซื้อตั๋วบนรถได้เลยจร้า”

“เหนียวหมูปิ้ง ไก่ปิ้ง ไข่ปิ้งก็มีน่ะจ๊ะ น้ำดื่ม ยาลม ยาดม ยาหอม มีหมดจร้า”

ผู้โดยสารต่างก็ทยอยลงจากรถกันจนหมดเพราะสุดสายที่สถานีแห่งนี้แล้ว เหลืออีกคนหนึ่งที่กำลังก้าวท้าวเหยียบบันไดขั้นสุดท้ายเสียงดังแน่นตั่บๆด้วยรองเท้าหนังจระเข้สีดำขลับ เขาใส่กางเกงขายาวสีครีมค่อนไปทางกากีเล็กน้อยเนื้อผ้าน่าจะเป็นผ้าชิโน่ที่พวกทหารและตำรวจมักนิยมตัดเย็บกันเพราะใส่แล้วสบายระบายอากาศได้ดี เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้นคอปกโปโลสีเทาเข้ม ผมสั้นไม่ถึงกับเกรียน สวมแว่นตากันแดดคล้ายยี่ห้อเรแบนสีดำขอบทองและในมือขวาถือกระเป๋าเอกสารที่ทำด้วยอลูมิเนียมขนาดไม่ใหญ่มากนัก

“เข้าเมืองไม๊พี่ มาผมช่วยถือกระเป๋าให้” โชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊กท่าทางออกจะนักเลงถลาเข้ามาหมายจะคว้ากระเป๋าเขาแต่กลับคว้าได้แค่ลมเพราะเขาเบี่ยงตัวหลบได้ทันแล้วใช้ตะโพกดันส่งเข้าที่สีข้างของโชเฟอร์ผู้ไร้มารยาทคนนั้นอย่างรวดเร็วจนเขาล้มกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นถนนและคลุกไปกับฝุ่นอย่างไม่เป็นท่า

“ไม่เป็นไร ผมยังไม่รีบ..ขอบคุณน่ะที่ช่วย” เขายังไม่ลืมที่จะเอ่ยคำว่าขอบคุณ มันทำให้โชเฟอร์ผู้ขาดมารยาทคนนั้นต้องคิดทบทวนตัวเองเสียใหม่ก่อนที่คิดจะไปคว้ากระเป๋าผู้โดยสารคนอื่นอีกในโอกาสต่อไป

มันเป็นเวลาเที่ยงกับอีกสามสิบสองนาทีตามเวลานาฬิกาเรือนใหญ่ที่ห้อยอยู่ตรงกลางหน้าสถานีขนส่ง เขาแหงนหน้าขึ้นเหลือบมองมันและคิดว่าน่าจะต้องหาอะไรรองท้องเสียหน่อยแล้ว เขาเดินออกจากหน้าสถานีขนส่งได้สักพักก็เจอผู้คนมากมายที่ลานขายอาหารแห่งหนี่งมีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ชา กาแฟมีครบหมดในที่เดียว เหลือบมองไปยังด้านซ้ายมือก็พบป้ายตัวอักษรตัวโตว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ ก็คิดว่าน่าจะเป็นชื่อสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

“น้อง..พี่ขอเย็นตาโฟชามน่ะ”

“ได่คับเพ่ เคี่ยงดื่มหล่าคับ เอารัยเด” เสียงคนขายหรือว่าเสียงพวกแม้วบนดอยซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจจนต้องขอให้พูดทวนอีกสักรอบ

“เดี๋ยวๆน้องว่าอะไรน่ะ พี่ได้ยินไม่ชัด ขออีกที”

“โผมว่า เคี่ยงดื่มคับเช่น น้ำอักโลม ซา กาแพ อะไรหยั่งงี้คับ”

“อ๋อ..เข้าใจล่ะ งั้นเอาน้ำเปล่าไม่ใส่น้ำแข็งก็แล้วกันน่ะ”

“คับ ได่คับ”

ที่แท้เด็กพวกนี้ก็เป็นชาวต่างด้าวนั่นเอง คนต่างด้าวพวกนี้อาจจะเป็นชาวพม่า เขมร หรือไม่ก็กัมพูชาแต่ถ้าบริเวณทางตอนเหนือของไทยแล้วส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยจะเป็นพวกพม่าเป็นส่วนใหญ่ สักพักเย็นตาโฟชามโตก็ถูกเสิร์ฟพร้อมกับน้ำเปล่า ขณะที่เขานั่งทานไปเรื่อยๆนั้นหางตาก็ได้กวาดมองไปรอบๆบริเวณอย่างกับจะสำรวจดูว่าคนขายเจ้าอื่นๆเป็นอย่างไรและเขาก็สังเกตุเห็นว่าใบหน้า ท่าทาง รวมไปถึงสำเนียงภาษาของผู้ขายรายอื่นๆนั้นค่อนไปทางชาวต่างด้าวเสียเป็นส่วนใหญ่ มีอยู่สองเจ้าที่ขายผัดไทยและข้าวปั้นญี่ปุ่นนั้นน่าจะไม่ใช่เพราะด้วยบุคลิกและภาษาไทยที่ดูจะคล่องมากกว่าเพื่อน

“น้องเก็บตังค์ด้วย” เขาเรียกหนุ่มต่างด้าวคนเดิมให้มาคิดเงิน

“สามสิบห้าคับเพ่”

“เอ้านี่แบ้งค์ร้อย”

“โอ่ ขอโทกด้วยคับ เพ่ไม่มีใบย่อยเหรอคับ” เด็กพม่าคนนั้นน่าจะหมายถึงแบ้งค์ยี่สิบ ทำให้เขาต้องเปิดกระเป๋าสตางค์ดูอีกทีก็พบว่าไม่มีแบ้งค์ย่อยหรือแบ้งค์ยี่สิบอยู่เลยสักใบเดียว

“ไม่มีเลย เอางี้เดี๋ยวพี่เดินไปแลกเหรียญที่ร้านเซเว่นด้านหลังโน่นให้น่ะ”

“ได่คับเพ่”

ด้านหลัง ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ เป็นตึกแถวสามชั้นถูกสร้างเป็นยูนิตยาวเรียงติดกันเป็นรูปตัวยูและมีถนนตัดผ่านระหว่างยูนิต ชั้นล่างเจ้าของตึกส่วนใหญ่จะเปิดเป็นร้านค้า ธนาคาร สำนักงานธุรกิจให้เช่าต่างๆรวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น-อีเลฟเว่นด้วย

“ขายดีออกอย่างนั้น เงินทอนแค่นี้กลับไม่มี” เขาเดินไปพลางก็คิดไปพลาง

“เอ๊ะ หรือว่าคนพวกนี้..” เมื่อเขาจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จแล้วก็คิดว่าน่าจะหาที่พักใกล้ๆแถวนี้ ด้วยตัวเขาเองต้องการจะสืบอะไรบางอย่างตามสัญชาติญาณเดิมของเขาว่าทำไมคนต่างด้าวพวกนี้ถึงเปิดร้านขายของเองได้ เขาเอาทุนมาจากไหนกัน สองทำไมพวกเขาไม่มีเงินทอนสำรองเลย ทั้งที่ขายดีออกอย่างนั้น สามทำไมคนไทยถึงเปิดขายกันน้อยมาก พวกเขาไปไหนกันหมดหรือว่าจะโดนแรงงานต่างด้าวครองเมืองอย่างที่คนเขาล่ำลือกันจริงๆ จนกระทั่งเขาเดินมาหยุดที่หน้าเคาท์เตอร์ด้านในของโรงแรมสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในซอยด้านหลังที่ไม่ไกลจาก ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ เท่าใดนัก

“ห้องพัดลมสองร้อย ห้องแอร์สามร้อยน่ะ” ลุงแป่ะชาวจีนผมหงอกเต็มหัวเจ้าของโรงแรมเอ่ยปากทักทาย

“เอาห้องแอร์คืนนึงน่ะแป่ะ”

”ขอบักลื้อด้วย แล้วช่วยเซ็งชื่อตรงนี้” ลุงหมายถึงบัตรประจำตัวประชาชนของเขา

“เอ้านี่..แป่ะ” เขาควักบัตรให้และหยิบปากกากำลังจะเซ็นตรงช่องที่ลุงแป่ะแกกาหมายเอาไว้ให้พร้อมๆกับที่ลุงแป่ะก็ยกแว่นสายตาของแกขึ้นมาใส่แล้วก็กำลังหยิบบัตรประชาชนของเขาขึ้นมาเพ่งดูอยู่พอดี

“ปิยะ แซ่โง้ว”

“อ้าว ลื้อเป็นแต้จิ๋วเหรอ แซ่โง้วแถวนี้มีเยอะแยะนา”

“เปล่าแป่ะ ผมเป็นแมนดาริน”

“อ๋อ เอ่อ”

ปิยะบอกลุงแป่ะว่าขอพักบนชั้นสองด้วยเขาเองก็จะอยากจะเห็นกิจกรรมที่ ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ นั่นได้ถนัดตาหน่อยและห้องนอนเขาก็มีระเบียงเล็กๆอยู่ด้านหลังอีกด้วยและเขาก็สามารถใช้นั่งดูเป้าหมายดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

เปล่าหรอกปิยะไม่ใช่ทั้งนายตำรวจนอกเครื่องแบบหรือนายทหารติดยศอะไรทั้งสิ้น เขาเป็นแค่หนุ่มใหญ่วัยใกล้จะสี่สิบเข้าไปแล้ว ไม่มีครอบครัว ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งแต่สิ่งที่เขามีก็คือความเป็นนักสู้ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด พูดถึงเรื่องชาติกำเนิด เอาเข้าจริงๆแล้วปิยะเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเกิดมายังไง พ่อแม่เป็นใคร ญาติพี่น้องเหล่ากอว่านเครืออยู่ทีไหน อย่างไร คนที่ใกล้ชิดปิยะมากที่สุดเท่าที่เขาจำความได้ก็คือลุงคนเก็บขยะหรือเก็บของเก่าขายที่อยู่ข้างบ้านเขาแถวโคกสำโรง สมุทรปราการโน่น เขาจำได้ว่าตั้งแต่พ่อกับแม่ทิ้งเขาไปก็ได้ลุงข้างบ้านนี่แหล่ะที่ช่วยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำให้มาโดยตลอด จนกระทั่งแกมาถูกรถวัยรุ่นซิ่งชนตายขณะกำลังจะวิ่งข้ามไปอีกฝั่งถนนเพื่อจะไปเก็บของเก่าในตอนที่เขาอายุได้เพียงสิบสองขวบเท่านั้น จากนั้นชีวิตของปิยะ แซ่โง้วก็ต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองแบบปากกัดตีนถีบเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวันๆและก็ได้อาศัยวัดเป็นที่หลบแดดคุ้มฝนให้ แต่ก็ยังต้องอดมื้อกินมื้อเหมือนเด็กกำพร้าทั่วไป ขณะที่หวนนึกย้อนอดีตเขาก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์ ทำให้เขาต้องเอนกายลงบนเตียง หลับตาลงและปิยะก็เผลอม่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางไปในที่สุด
........................................................................

จริงๆแล้วยังมี ‘อะเวนิว’ หลายแห่งในบริเวณที่ปิยะเช่าห้องพักอยู่ มีทั้งอะเวนิวที่มีมาก่อนหน้า ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ และก็อะเวนิวที่กำลังจะก่อสร้างใหม่ คำว่าอะเวนิวเป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่มาจากคำว่า Avenue ซึ่งแปลว่าถนนแต่ถูกนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อของโครงการต่างๆโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หัวสมัยใหม่ที่รวมเอาความสะดวกสบายทุกอย่างมาไว้ในโครงการ เช่น มีตลาด ร้านค้า ร้านขายยา ห้องเช่าทำธุรกิจ อะเวนิวบางแห่งถึงกับมีโรงแรม โรงนวดสปาหรือแม้กระทั่งปั้มน้ำมันด้วยซ้ำไป และก็เช่นเดียวกับ ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ ซึ่งตอนนี้เจ้าของได้ซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อทำการขยายพื้นที่ไปทางด้านหลังของโครงการเดิมและก็เพิ่งจะเริ่มตอกเสาเข็มกันไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ขณะนี้มีคนงานก่อสร้างทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างด้าวต่างก็กำลังช่วยกันผูกเหล็ก ตีไม้แบบก่อสร้างและเทคอนกรีตฐานรากกันอย่างคึกคัก

“เมื่อไหร่โผมและลูกเมียจะได้บัตรคนต่างด้าวเสียทีล่ะคับ..ลูกพี่” คะยอถิ่นช่างไม้ฝีมือดีชาวพม่าเอ่ยปากถามโฟร์แมนของ ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ ที่หน้างานก่อสร้างโครงการเช้านี้

“เรื่องนี้ผมไม่รู้เลย แต่เดี๋ยวถ้ามีเวลาผมจะถามเสมียนให้น่ะ พี่ยอ” โฟร์แมนหนุ่มคนไทยในวัยคราวลูกคะยอถิ่นตอบเขาในระหว่างที่กำลังคุมงานก่อสร้าง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วบริษัทยังไม่ได้ดำเนินการอะไรในเรื่องนี้ให้เขาเลยแม้แต่น้อยแถมยังมาหักเงินค่าแรงคะยอถิ่นและคนงานอื่นๆไว้ทุกงวดอีกด้วย

“ช่วยโผมหน่อยเถอะคับนายช่าง ไม่ต้องกลัวว่าพวกโผมจะทิ้งงานหรือหนีไปไหน เพราะถึงยังไงบริษัทของนายช่างก็หักค่าแรงของพวกโผมไว้ทุกงวดอยู่แล้ว”

“นั่นสิ ผมถึงได้เห็นใจพี่ยออยู่นี่ไง”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากตู้คอนเทนเนอร์ที่ ‘ศักดิ์สิทธิ์อะเวนิว’ ใช้เป็นสำนักงานสนามชั่วคราวสำหรับก่อสร้างโครงการฯและก็มีร่างหนึ่งเหมือนถูกถีบให้ลอยไปกระแทกเข้ากับประตูตู้คอนเทนเนอร์จนประตูถึงกับเปิดผงะออกมาด้านนอกและร่างนั้นก็ได้กระเด็นหลุดออกมานอนกองอยู่บนพื้นทรายข้างนอกตู้คอนเทนเนอร์เสียงดังตุ้บใหญ่

“ถ้าไม่อยากทำ..พวกมึงก็ออกไปเลย” เจ้าของเสียงเป็นชายร่างใหญ่ ผิวดำและสำเนียงเหมือนคนใต้ นัยย์ตาแดงกล่ำด้วยความโมโหและกำลังถลึงตาจ้องมายังเจ้าของร่างที่เพิ่งโดนเขาถีบออกมาราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

“คุยกันก็ได้นี่นาย ไม่น่าทำกับโผมอย่างนี้เลย” หนุ่มก่อสร้างต่างด้าวร่างเล็กผอมเกร็งคนนั้นกลั้นใจพูดด้วยมือหนึ่งกุมอยู่ที่ยอดอกเพราะจุกจากแรงถีบของอีกฝ่ายหนึ่งและอีกมือหนึ่งก็ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ

“กูคุยกับพวกมึงกี่รอบแล้วไอ้เรื่องค่าแรงนั่น..หา!”

“พวกโผมก็แค่อยากจะได้ส่วนของพวกโผมคืน..ก็เท่านั้น”

“กูบอกพวกมึงแล้วไม่ใช่เหรอว่าไอ้ส่วนที่หักไว้น่ะ มันไม่พอจ่ายให้พวกเอ็งหรอกโว้ย”

“พวกกูต้องเอาไปชดเชยความเสียหายที่พวกมึงก่อไว้โน่นยังไง” ไอ้ยักษ์หมายถึงมูลค่าความเสียหายจากงานก่อสร้างของไอ้หนุ่มต่างด้าวเอง เมื่อคิดออกมาเป็นตัวเงินแล้ว

“แต่ที่นายเคยตกลงกับพวกโผมทีแรก..มันไม่ใช่แบบนี้นี่นา”

“นี่มันโกงกันชัดชัด” ไอ้หนุ่มต่างด้าวหมายถึงข้อตกลงกันด้วยวาจาตั้งแต่ทีแรกก่อนที่จะเริ่มงานก่อสร้างฯว่าความเสียหายใดๆบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบเองไม่ใช่ให้คนงานซึ่งทำตามคำสั่งโฟร์แมนอีกทีต้องมารับผิดชอบด้วยแบบนี้

“งั้นพวกมึงก็ไปฟ้องกรมแรงงานฯเลยสิว่ะ..จะรออะไรอยู่ล่ะ” ไอ้หน้าบากผมยาวประบ่าหนวดเครารกรุงรังดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นลูกน้องไอ้ยักษ์นั่นอีกทีโพล่งสวนคำพูดของมันออกมา

“พวกโผมคงไม่โง่เดินไปให้ตำรวจจับเข้าคุกฟรี..เหมือนอย่างกับที่พวกนายทำกับพี่ชายโผมหร็อก” เขาหมายถึงว่าตราบใดที่บริษัทยังไม่ออกบัตรคนต่างด้าวให้ ตราบนั้นพวกเขาก็ยังคงเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายอย่างนี้ตลอดไปและต้องคอยหลบหนีแบบหัวซุกหัวซุน แอบๆซ่อนๆเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา

“เออ..พวกมึงเองก็น่าจะรู้ว่าเจ้านายพวกกูใหญ่แค่ไหน..ขนาดพวกมึงมาทำงานกับกูที่นี่โดยไม่มีบัตรน่ะ ตำรวจมันยังไม่กล้าจับพวกมึงเลย..คิดดู” ไอ้หน้าบากพูดดูถูกเหยียดหยามประหนึ่งว่าไอ้หนุ่มต่างด้าวคงหมดหนทางไป

“เอาเถอะ พวกโผมพร้อมที่จะไป ส่วนเรื่องค่าแรงที่ติดค้างกันนั่นหากพวกนายไม่คิดจะคืนให้ ก็ไม่เป็นไร พวกโผมหาใหม่ได้ แต่จำไว้เลยว่าบริษัทลูกพี่ของพวกนายจะต้องไม่เจริญแน่..ขอให้ชิบหายในเร็ววันก็แล้วกัน”

เหตุการณ์ทั้งหมดของเช้าวันนี้หาได้รอดพ้นสายตาปิยะไปได้ เขาได้เห็นความผิดปกตินับตั้งแต่ที่ไอ้ยักษ์ ไอ้หน้าบากและก็ยังมีไอ้หน้าแหลมตัวเล็กผมสั้นอีกคนที่พาหนุ่มต่างด้าวเคราะห์ร้ายคนนั้นเดินเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ตั้งแต่ทีแรกแล้ว และมันทำให้เขาต้องรีบแฝงตัวเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้างตรงนั้นอย่างรวดเร็วและเขาก็ได้รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อทำเรื่องจริงให้กระจ่างและนี่คืองานของเขาที่เขาทำมาตลอดชีวิตสามสิบเก้าปีกับอีกห้าเดือนเจ็ดวัน!

~โปรดติดตามตอน 02

03/02/2019

เรื่องสั้นแกรนด์ๆไทยแลนด์ 4.0

ตอน 03 : เป็นมากกว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร!

โลนลี่วูล์ฟ เขียน
ดิจิทัลอาร์ทิเคิลว้าว ตรวจสอบ

วันนี้โรงเรียนแจงหยุดสองวันเพราะว่ารัฐบาลสั่งให้ปิดแบบฉุกเฉิน แจงก็เลยตื่นสายได้สำหรับเช้าวันนี้

“เอ้า..แจง แจงลงมาทานข้าวได้แล้วลูก เดี๋ยวแม่จะไปทำงานแล้ว” เสียงของแม่แจงดังออกมาจากห้องครัวเหมือนปกติทุกเช้าแต่วันนี้เธอไม่ต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้ว

แจงเดินงัวเงียออกมาจากห้องนอนซึ่งอยู่ติดกันกับห้องครัวแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทานข้าวด้วยสีหน้าคล้ายยังครึ่งหลับครึ่งตื่น

“ดีน่ะ..ได้หยุดตั้งสองวันส่วนแม่ยังต้องฝ่าฝุ่นควันพิษไปทำงานเหมือนเดิม” แม่พูดเหมือนจะประชดและแจงก็ไม่แน่ใจว่าแม่กำลังประชดแจงหรือใครกันแน่

“แทนที่จะสั่งปิดโรงงาน สั่งห้ามรถเมล์ผุๆมาวิ่งรับคนแต่ดันมาสั่งให้เด็กหยุดโรงเรียน..มันเกาถูกที่คันแล้วรึ” ชัดเจนแล้วว่าแม่ไม่ได้พูดกระทบแจงแต่แม่ก็ได้ทำให้บรรยากาศของเช้าวันนี้ดูขุ่นมัวซึ่งไม่ต่างอะไรจากความขมุกขมัวของฝุ่นควันพิษจริงๆข้างนอกบ้านนั่นเลยสักนิด

“แล้วแม่จะบ่นทำไมเล่า..บ่นไปแล้ว อะไรมันจะดีขึ้นทันตาเห็นไหม” แจงพูดสวนแม่ออกไปอันเป็นปกติของสองคนแม่ลูกที่ชอบปะทะคารมกันแทบจะทุกครั้งไป

แจงอยู่กับแม่เพียงลำพังสองคนที่บ้านหลังนี้นับจากวันที่มะเร็งปอดได้คร่าเอาชีวิตของคุณพ่อไปจากแจงและแม่ตั้งแต่สองปีที่แล้ว แจงมีภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบร้อย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครและก็มีโลกส่วนตัว ดังนั้นเพื่อนๆของแจงที่โรงเรียนจึงไม่ค่อยจะมีใครที่สนิทสนมด้วยมากนัก

“แจงว่าน่ะแม่..วันนี้มันก็เหมือนกับทุกๆวันน่ะแหล่ะ แจงว่าไม่เห็นจะแตกต่างกันตรงไหนเลย”
“อ้าว มันจะเหมือนกันได้ไง ก็ปีนี้เค้าบอกว่าฝุ่นอะไรน่ะพีๆเอ็มๆอะไรนั่นมันเยอะผิดปกติ”

“พีเอ็มสองจุดห้าแม่..ปีนี้ในโซเชี่ยลเค้าก็คุยกันเยอะเรื่องฝุ่นนี่ แต่ปีก่อนๆแจงไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาพูดเรื่องนี้กันเลยทั้งๆที่หมอกฝุ่นควันก็อยู่เต็มท้องฟ้าไปหมดเหมือนกับปีนี้เปี๊ยบเลย”

นอกเหนือจากการเตรียมตัวเข้าสอบเก้าวิชาสามัญในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้แล้ว แจงก็มักจะเข้าไปติดตามอ่านข่าวสารโซเชี่ยลมีเดียในมือถือทุกวัน มันทำให้แจงได้เห็นถึงกระแสแห่งโลกโซเชี่ยลในปัจจุบันว่าเค้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันบ้างและที่สำคัญเธอยังได้เห็นถึงความแตกต่างของกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาอีกด้วย

“จริงๆน่ะแม่..ยังไม่เคยมีใครวัดค่าฝุ่นพีเอ็มสองจุดห้ากันมาก่อน เพิ่งจะมาวัดอย่างจริงๆจังๆก็ปีนี้แหล่ะ ”

“แกกำลังจะบอกแม่ว่าไอ้ฝุ่นบ้านี่มันเยอะมาตั้งแต่ปีก่อนหน้าโน่นแล้วใช่ไหม?” ซิงเกิลมัมอย่างแม่แจงไม่ใช่แค่แม่บ้านธรรมดาแต่เธอยังทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งที่มีสำนักงานใหญ่อยู่บนถนนสีลมอีกด้วย

“แม่ว่าใช่ป่ะล่ะ..ไม่งั้นพ่อจะมาด่วนจากเราไปตอนที่พ่ออายุแค่เท่าไหร่เอง..หกสิบสองใช่ป่ะ”

“มันก็จริงของแกน่ะ..เออๆเอาล่ะๆ แม่ต้องรีบไปทำงานแล้ว..จะสายแล้วเนี่ย”

สองแม่ลูกเพิ่งจะคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็วันนี้เอง แจงกับแม่มักไม่ค่อยจะได้คุยอะไรกันมากมายนักและเช้านี้แจงก็แอบดีใจเล็กๆที่แม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอเพราะแต่ไหนแต่ไรมาแม่ก็มักจะเอาแต่ความเห็นของแม่เป็นใหญ่เสมอ

แจงพักสายตาจากการอ่านตำราเรียนอย่างคร่ำเคร่งมาสามชั่วโมงติดต่อกันด้วยการเข้าไปอัพเดทอ่านข้อความใหม่ๆในไลน์สแควร์จากมือถือของเธอและก็มีห้องหนึ่งที่เธอมักจะเข้าไปใช้บริการหรืออ่านเป็นประจำทุกวัน

‘..พี่ค่ะหนูอยากจะเป็นนักเขียนให้ได้เหมือนพวกพี่ๆจังเลยค่ะ พอจะให้คำแนะนำหนูได้มั่งไหมค่ะว่าควรจะเตรียมตัวยังไงดี’ เป็นข้อความของผู้ใช้งานคนหนึ่งที่ชื่อ ‘นู๋เอง’ โผล่ขึ้นมาและเป็นข้อความที่แจงยังไม่ได้เปิดอ่านเมื่อสิบสองนาทีที่แล้ว

จากนั้นก็มีข้อความของผู้ใช้งานอีกคนที่ชื่อ ‘วาลินทร์’ ตอบกลับมาในนาทีที่เลี่ยๆกันว่า ‘หนูเคยเขียนมาก่อนไหม เอามาแชร์ในกลุ่มให้พวกพี่ๆดูก่อนก็ดีน่ะ’

‘เคยค่ะพี่..แต่พอหนูให้เพื่อนๆอ่าน เพื่อนๆบอกว่าให้หนูไปหัดเขียนมาใหม่’

‘อ้าว..ทำไมล่ะ’ วาลินทร์ถามพร้อมส่งอีโมจิหน้าตาสงสัยตามมาด้วย

‘เพื่อนมันบอกว่าจะอ่านของนักเขียนที่มีชื่อเท่านั้น พวกมือสมัครเล่นอย่างหนูเขาไม่อยากจะอ่านกันค่ะ มันเสียเวลา’ เธอส่งพร้อมอีโมจิหน้าตาเศร้าเหมือนกำลังจะร้องไห้

‘ว้า แย่จังเด็กสมัยนี้ แทนที่จะให้กำลังใจเพื่อน’ วาลินทร์รีบตอบกลับในทันทีด้วยเขาเป็นแอดมินห้องที่มีมารยาท หลังจากนั้นก็มีผู้ใช้งานคนอื่นๆเข้ามาอ่านและก็ได้แสดงความเห็นต่างๆนาๆ หนึ่งในความเห็นที่น่าสนใจ ณ เวลานั้นก็คือ ‘ขอแนะนำเลยน่ะค่ะ..ว่าน้องต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อนค่ะว่าน้องก็คือของจริงคนหนึ่ง’

‘ของจริงเริ่มที่ตัวน้องต้องมีความกระหายที่จะเอาชนะให้ได้ค่ะ จากนั้นทุกอย่างก็จะทำหน้าที่ของมันเอง ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางของมันเอง’ ข้อความนี้ทำเอาทุกคนในห้องดูเหมือนจะพากันหยุดหายใจไปชั่วขณะจิตหนึ่ง ก่อนที่ ‘นู๋เอง’ จะเริ่มพิมพ์ข้อความตามต่อมาอย่างติดๆชนิดที่ไม่ลังเลใจเลยสักนิดว่า

‘หนูอยากค่ะ..หนูอยากจะเอาชนะตัวเองและก็เอาชนะทุกๆคนให้ได้ค่ะพี่’

‘ต้องอย่างนี้สิ ได้แชทกันแค่นี้พี่ก็รู้ทันทีแล้วล่ะว่าวิญญาณนักเขียนในตัวของน้องน่ะมันโหยหาขนาดไหน น้องรู้จักท่านประธานาธิบดีแห่งอเมริกาคนที่ 16 ที่ชื่อ อับราฮัม ลินคอล์น ไหมค่ะ’

‘รู้จักค่ะ เคยเรียนประวัติศาสตร์อเมริกานานแล้วแต่ก็จำได้ว่าท่านเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาด้วยใช่ไหมค่ะ’

‘ใช่แล้วค่ะ แล้วรู้ไหมค่ะว่าก่อนที่ท่านจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาได้เนี่ย..ท่านต้องผ่านความยากลำบากอะไรมาบ้าง’

‘อืมม์..ไม่แน่ใจว่าที่โรงเรียนเคยสอนหนูเรื่องนี้น่ะค่ะพี่’ เธอส่งข้อความมาพร้อมกับอีโมจิหน้าตาสงสัย

‘ท่านเคยลงเลือกตั้งจะเป็นสมาชิกสภาครั้งแรกแล้วก็แพ้เลยแต่ท่านก็ไม่ยอมแพ้..ลงเลือกตั้งใหม่อีกครั้งในปีต่อไปก็ดันไปแพ้เค้าอีก ถ้าเป็นบ้านเราก็เรียกว่าสส.สอบตกใช่ไหม ทีนี้พอมาปีที่สามท่านก็ลงสมัครอีกด้วยความที่ไม่เคยย่อท้อแต่ก็แพ้คนอื่นอีกเหมือนเดิมคือต้องเข้าใจก่อนว่าการที่จะเป็นสส.กับเค้าให้ได้นี่จะต้องเอาชนะใจคนทั้งประเทศให้ได้ก่อนใช่ไหม’

‘แทนที่ท่านจะทำใจและก็ยอมรับผลแห่งความพ่ายแพ้ถึงสามครั้งติดๆกันนั้น ท่านกลับเลือกที่จะไปสมัครลงเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกแทนแต่ผลที่ออกมาท่านก็สอบตกอีกเช่นเคย ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดไว้ หากเป็นคนอื่นป่านนี้ก็คงจะเก็บกระเป๋าและกลับบ้านไปแล้วแต่ว่าไม่ใช่ท่าน’ ตอนนี้มีสมาชิกในห้องเข้ามาอ่านแล้วสามร้อยกว่าคนจากสมาชิกทั้งหมดห้าร้อยหกสิบสามคนซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมเอาแจงที่กำลังซุ่มแอบอ่านอย่างเงียบๆคนเดียวด้วย

‘หนูเริ่มจำได้ล่ะค่ะพี่..แล้วก็ดูเหมือนว่าท่านจะลงเลือกตั้งวุฒิสมาชิกอีกครั้งใช่หรือเปล่าค่ะ’

‘เก่งมาก..ถูกต้องเลยค่ะและลงเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งที่สองนี้ท่านก็พบกับความพ่ายแพ้อีกเช่นเคย’

‘แต่สุดท้ายคนอเมริกันทั้งประเทศก็เลือกท่านให้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้ยังไงกันค่ะพี่ หนูยังสงสัยอยู่เลย’

‘ความกระหายที่จะเอาชนะของท่านไงล่ะค่ะ ง่ายๆ สั้นๆ ตรงไปตรงมา’ อดีตประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา อับราฮัม ลินคอล์น ท่านได้ต่อสู้ในทางการเมืองมาอย่างยาวนานถึง 30 กว่าปี นับจากวันที่ลงเลือกตั้งสมาชิกสภาครั้งแรกจนถึงวันที่ท่านได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาและท่านได้พิสูจน์ตัวเองให้โลกได้รับรู้แล้วว่าท่านนั้นก็เป็นของจริงที่ทำจริงและก็เอาจริงเอาจังกับเขาคนหนึ่งเหมือนกัน

“แจง แจงมาช่วยแม่ขนของเข้าบ้านหน่อยเร็ว” เสียงของแม่แจงแหวกอากาศมากระทบโสตประสาทของแจงเข้าอย่างจังทำให้แจงออกจากภวังค์ประวัติศาสตร์ชาติอเมริกาไปชั่วขณะและความรู้สึกได้บอกตัวเองว่านี่มันหกโมงเย็นแล้วหรือนี่

“มา..มาแม่เดี๋ยวแจงจะช่วยแม่เอง..แจงรักแม่ที่สุดในโลกเลย” แจงไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของตัวเองได้และยังสร้างความงุนงงต่อแม่แจงที่ตอนนี้ทำหน้าทำตาเหมือนตัวอีโมจิที่ทำหน้าสงสัย แต่ก็นั่นแหล่ะสองคนแม่ลูกคู่นี้มักจะสร้างเซอร์ไพรซ์ให้กันและกันเสมอ คาดเดาได้ยาก แต่สิ่งหนึ่งที่แจงบอกกับตัวเองได้ตอนนี้เลยก็คือเธอจะต้องสอบเข้าเรียนต่อในคณะนิติศาสตร์ให้จงได้เพราะเธอมั่นใจแล้วว่าเธอเองก็เป็น ‘ของจริง’ เหมือนคนอื่นเขาได้เหมือนกันน่ะ (จะบอกให้ 55)

“ผมจะเตรียมตัวให้พร้อม และวันหนึ่งโอกาสของผมก็จะมาถึง”
ABRAHAM LINCOLN

“ผมเป็นคนเดินช้า แต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง”
ABRAHAM LINCOLN

“ผมไม่เคยมีนโยบายอะไรเลย ผมเพียงแค่พยายามทำให้ดีที่สุดในวันนี้และทุกๆวัน”
ABRAHIM LINCOLN

“เป็นการดีหากเราเงียบแล้วปล่อยให้คนอื่นคิดว่าเรานั้นโง่เขลา ดีกว่าปริปากออกไปแล้วข้อสงสัยนั้นกระจ่าง”
ABRAHAM LINCOLN

“เมื่อคุณมั่นใจว่าจุดที่คุณยืนอยู่นั้นถูกต้องแล้ว จงยืนให้มั่นคง”
ABRAHAM LINCOLN

“หากผมมีเวลา 6 ชั่วโมง ในการตัดต้นไม้ ผมจะใช้เวลา 4 ชั่วโมงแรกในการลับขวานให้คม”
ABRAHAM LINCOLN

ตอน 01 : เป็นมากกว่าร้านก๋วยเตี๋ยว!
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1154789369402032167

ตอน 02 : เป็นมากกว่าร้านขายดอกไม้ออนไลน์!
https://timeline.line.me/post/_deSweeRLeVhsOkRLXzAnXwbWRtxAUE9zmU-Q1FM/1154854831202039208

ติดตามทางบล็อค
https://digitalarticlewow.blogspot.com/2019/01/

ติดตามทางเฟสบุ้ค
https://m.facebook.com/DigitalArtWOW/

#ดิจิทัลอาร์ตว้าว
#ดิจิทัลอาร์ทิเคิลว้าว


#คุยข่าวทันโลกดิจิทัล

หรือติดตามทางไลน์สแควร์ ‘คุยข่าวทันโลกดิจิทัล’ ไลน์สแควร์ที่แชทคุยแลกเปลี่ยนความรู้ทางโลกไอทีกันทุกวัน ไร้วันหยุด สนุกจริงๆ
https://line.me/ti/g2/5XEjGt21Fo4ojjo9OOEHpARxq5OGDApA51DAfLbOOjREY6otKlRQHHPJo5-pnZCs

ที่อยู่

Nakhon Lampang
52000

เบอร์โทรศัพท์

054324222

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Jalan jalan Travelผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


Nakhon Lampang สำนักงานตัวแทนจัดการท่องเที่ยวอื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด